๔ อยู่ในสายตาเธอ (๑)
๔
อยู่ในสายตาเธอ
กลับมาถึงห้องเขาก็นอนเอกเขนกอยู่โซฟาตัวยาว สิ่งที่ชอบมากสุดตอนอยู่คนเดียวคือสามารถทำอะไรก็ได้ อย่างเช่นกลับถึงห้องก็นอนเปื่อย หากเป็นที่บ้านมารดาคงดุที่ไม่ทำอะไรสำรวม แม่บ้านอยู่เต็มกันหมดต้องคอยรักษากริยามารยาท
แม่เคยเป็นถึงข้าหลวงในวังแล้วค่อยออกจากวังเพื่อมาแต่งกับบิดา ทำธุรกิจใหญ่โตโดยมีคนช่วยหนุนหลัง เส้นสายเริ่มขยายใหญ่โตจนเข้ามาสู่วงสังคมชนชั้นสูงได้
ยังไม่ทันได้ลุกไปหยิบย้ำมาดื่มก็มีคนเคาะประตูหน้าห้อง คิดว่าคงเป็นเพื่อนสนิทสักคนที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาข้างบนได้ หลังจากตนต้องลงไปข้างล่างเพื่อรับมันตลอด จนต้องบอกนิติคอนโดว่าสำหรับเพื่อนทั้งสามคือข้อยกเว้น
หากคนใดคนหนึ่งมาติดต่อก็อนุญาตให้ขึ้นมาได้เลย จากนั้นเพื่อนก็แวะเวียนมาไม่ขาด ช่วงนี้ปีย์มนัสคือขาประจำ มาห้องเขาเพราะรอแฟน
หมั่นไส้คนมีความรัก...
“ปกติไม่มาห้องกู พอมีเรื่องเสือกนี่มึงมาไวเหมือนกันนะไอ้สอง” ลุกไปเปิดประตูห้องแล้วถอนหายใจเสียงดังเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสนิท
ทิวากรผู้ติดเมียอุตส่าห์สละเวลาที่จะสวีทหวานมาเพื่อถามเรื่องเมื่อเย็น เขาเพิ่งไปส่งเขมิกาที่บ้านค่อยกลับมาคอนโดมิเนียม ไม่คิดว่าจะได้ต้อนรับใคร
“ไม่ต้องมาเฉไฉเลย ตกลงมึงกับน้องไข่นี่ยังไงวะ เป็นแฟนกันจริงเหรอ...ไอ้ปีย์ไม่ฆาตกรรมมึงหรือไง หวงน้องฉิบหาย” ผลักอหัสกรเข้ามาในห้อง พลางลากแขนมานั่งบนเบาะนุ่ม ดวงตาแวววาวด้วยความใคร่รู้ พลางจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่บอกถึงอารมณ์เบื่อหน่าย
“เป็นก็เหี้ยแล้ว กูแค่ช่วยกันเขาออกมาจากแฟนเก่าเฉยๆ” ตอบตามความจริงที่ตนกระโดดลงไปเล่นละครตบตาเพื่อช่วยไม่ให้หญิงสาวต้องอ่อนแอต่อหน้าคนทรยศ ทั้งเป็นการตบหน้าพวกจับปลาหลายมือ
ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ทำได้ฝ่ายเดียว...
“ยังไงวะ”
“คือหนูไข่เป็นแฟนกับเพื่อนที่ทำงาน แต่มันดันคบซ้อน คบกับมินนี่เป็นปีแล้วมาคบหนูไข่ กูเลยแกล้งเป็นแฟนกับน้องตอกหน้ามัน” แววตาตอนเล่าดูสะใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเห็นหน้าจารุพิชญ์ยามอึ้ง
แน่ล่ะ...เขาดูเหนือกว่าอีกฝ่ายทุกอย่าง คงรู้สึกถึงความพ่ายแพ้จนต้องมาง้อขอคืนดีเขมิกา น่าสมเพชมากกว่าเดิมอีก
“มินนี่ไหน” คำพูดยาวเหยียดเหมือนทิวากรจะไม่สนใจ นอกจากบุคคลซึ่งโผล่เข้ามาในบทสนทนา พยายามนึกว่าหล่อนเป็นใครแต่ก็คิดไม่ออกจนต้องถามเพื่อนสนิท
“ก็มินนี่รุ่นเราไง คนที่เป็นเพื่อนกลุ่มอีฟน่ะ”
“อ้อ คนที่หมวยๆ ป่ะ” จำได้ทันทีแต่ก็ตีวงกว้างจนอหัสกรแทบกุมขมับ
“เออ รุ่นเราหมวยเกือบหมดป่ะวะ” เพื่อนรุ่นเขาส่วนมากก็หน้าตาค่อนไปทางหมวยเยอะ จบออกมาเป็นดาราก็หลายคน แต่เห็นอาชีพฮิตคือแอร์โฮสเตส เจอบนเครื่องทีไรต้องทักทายกันตลอด
“ก็จริง...งั้นที่มึงเป็นแฟนกับน้องไข่ก็แค่ตบตาเหรอ กูก็คิดว่ามึงจะเจอเนื้อคู่ซะอีก เกือบดีใจแต่ก็มาหนักใจตรงที่เป็นน้องไอ้ปีย์เนี่ยแหละ” โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ถึงเขาจะรอให้อหัสกรมีรักอย่างจริงใจสักครั้ง ที่ผ่านมามันเอาแต่หนีหัวใจโดยตลอด
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเพื่อนจึงเป็นเช่นนี้ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากเล่าแล้วใครจะกล้าถาม
“ทำไม ถ้ากูคบหนูไข่จริงมึงคิดว่าไอ้ปีย์จะห้ามเหรอ” เขมิกาเหมือนเป็นคุณหนูของบ้านอาจหาญชัยมากกว่ามนัสนันท์เสียอีก ทุกคนดูรักและทะนุถนอมหญิงสาวราวไข่ในหิน แทบไม่ให้เจอความเจ็บปวดใดๆ
“มันไม่ห้ามหรอก มันจะฆ่ามึงมากกว่า...ดูประวัติของมึงด้วย เจ้าชู้ตัวพ่อไม่จริงจังกับใครสักคน ชอบหักอกผู้หญิงเป็นว่าเล่น หน้าเนื้อใจเสือ กะล่อนปลิ้นปล้อน” ร่ายยาวจนคนที่ตอนแรกพยักหน้าเห็นด้วยต้องชะงัก เริ่มรู้สึกตงิดแล้ว
“ไอ้สอง ที่มึงด่ากูเนี่ย ไม่เห็นคุณงามความดีของกูที่ทำให้มึงตาสว่างบ้างเลยเหรอ” หัวเราะร่วนเมื่ออหัสกรทวงถามถึงคุณงามความดีของตน ที่ช่วยให้เพื่อนกับภรรยาได้สมหวังในรัก ถึงจะไม่มาก...แต่ก็ไม่น้อยล่ะว้า
“เรื่องมันนานมาแล้วเลยลืมไปบ้างน่ะ”
“โธ่..ไอ้..แล้วนี่จะอยู่กินข้าวเย็นกับกูไหม” อยากจะด่าออกเสียงแต่ทำปากพะงาบ ตบสักป๊าบดีไหมเนี่ย
ความจริงเขาเองก็คิดถึงการพูดคุยกับเพื่อนเหมือนกัน ดีใจที่ทุกคนมีครอบครัวหรือคนรักเป็นตัวเป็นตน แยกย้ายกันไปสร้างรังของตนเอง ถามว่าอิจฉาไหมก็รู้สึกนิดหน่อย แต่พอจะมีคนรักขึ้นมาจริงๆ เขากลับเริ่มกลัว
กลัวการเลิกรา กลัวการผิดหวัง กลัวการเสียใจ...กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่เป็นที่รัก
และเพราะความกลัวทำให้ชายหนุ่มสบายใจจะอยู่คนเดียว คุยกับผู้หญิงบ้างยามเหงา หรือสังสรรค์ในช่วงที่ว่าง พอให้หัวใจไม่แห้งเหี่ยวจนเกินไป
รู้ว่าตนเองเห็นแก่ตัว...แต่ทำอย่างไรได้ล่ะเขาชินไปแล้วนี่นา
“ไม่ล่ะ ไปกินข้าวที่เมียทำดีกว่า อยู่กับมึงได้กินแต่อาหารสำเร็จ...ไม่อร่อย” เมื่อก่อนตอนมันมาเล่นห้องเขาก็กินอาหารพวกนี้ ยังไม่เห็นจะว่าอะไร พอมีเมียทำให้กินเข้าหน่อยแล้วบอกอาหารสำเร็จรูปไม่อร่อยทันที
ฟังแล้วยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้มากกว่าเดิมเข้าไปอีก!
“อ้อ มาเสือกอย่างเดียว พอรู้เรื่องก็ไป” ยอมใจในความลงทุนมาหาถึงคอนโด ปกติจะโทรถามก็ได้ แต่คงอยากรู้ความจริงจากปากนั่นแหละ
“แน่นอนสิ ไปล่ะ...ไว้เจอกันโอกาสหน้า” ลุกจากโซฟาเพื่อเดินไปสวมรองเท้าที่หน้าประตูเตรียมกลับบ้าน ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกไปไหนก็คิดเรื่องสำคัญได้ซะก่อน
“แล้วเรื่องแผนที่มึงต้องปลอมเป็นแฟนน้องไข่ ไอ้ปีย์รู้เรื่องไหม” ตอนแรกก็คิดว่าจะบอกแต่กลัวโดนไล่ฟันหัวแบะจึงเลือกจะเก็บเงียบเอาไว้ และคิดว่าเขมิกาก็คงไม่บอกปีย์มนัสเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นมันคงโทรมาด่าเขาตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ
“รู้กูก็ตายสิครับ มึงห้ามไปบอกมันเด็ดขาดนะ ให้เป็นความลับของเราสองคน” ชี้หน้าทันทีเมื่อเห็นท่าไม่ดี ทิวากรพยักหน้าอย่างแข็งขันรับคำอย่างมุ่นมั่น ก้มลงสวมรองเท้าทั้งสองข้างเสร็จก็เอื้อมมือไปจับลูกบิด
ทว่าเจ้าของห้องก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ...คำว่าความลับของเราสองคนมันดูเหมือนอีกไม่นานทุกคนจะรู้โดยทั่วกัน
“เฮ้ย! ความลับนะเว้ย ไม่ใช่พรุ่งนี้รู้กันทั่วล่ะ” ตะโกนไล่หลังคนที่เดินออกจากห้อง ทำให้ทิวากรต้องโผล่หน้ามาเพื่อสร้างความไว้ใจ
เขาไม่ใช่สราวุฒิที่พูดไปเรื่อยสักหน่อย...
“ไว้ใจกูได้น่า มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ ไปล่ะ” โบกมือลาพร้อมปิดประตูเรียบร้อย เหลืออหัสกรนั่งถอนหายใจเพียงลำพัง...เขาจะเชื่อมันได้ไหมวะ ไม่ใช่พรุ่งนี้ปีย์มนัสยืนถือพร่ารออยู่หน้าห้องหรอกนะ แค่คิดก็สยองยิ่งกว่าหนังผีแล้ว
งานช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งทำให้เขาต้องหัวหมุนกับเอกสารและคิดวิเคราะห์ทั้งวันจนปวดหัว อยากลาออกแล้วนอนใช้เงินอยู่บ้านเฉยๆ แต่มันก็เป็นได้เพียงความคิด ใครบ้างจะนอนเล่นแล้วเงินหล่นทับ...คงมีแค่ถูกรางวัลที่หนึ่งเท่านั้นแหละ
ว่าแต่งวดนี้เขายังไม่ได้ซื้อไว้เลย ต้องหาซื้อเพื่อลุ้นได้เงินล้านมาในราคาเพียงร้อยบาทกับเขาบ้างแล้ว
เดินอ้าปากหาวเข้ามาในคอนโดมิเนียมหลังจอดรถยนต์ตรงช่องวีไอพี เขาซื้อที่จอดรถไว้โดยเฉพาะขี้เกียจจะวนหาให้รำคาญ จ่ายเยอะหน่อยเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง
ผ่านจุดประชาสัมพันธ์โดยไม่ได้สนใจ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน จึงต้องหยุดชะงักแล้วหันตามเสียงก่อนพบร่างแบบบางในชุดทำงาน ที่ถือถุงใบใหญ่เอาไว้
มุมปากหยักยกยิ้มยินดี ไม่คิดว่าจะเจอหล่อนที่นี่ด้วยซ้ำ เขางานเยอะเลยไม่ได้ไปแสดงสถานะแฟนให้สมบูรณ์แบบทุกเย็น ไม่รู้หล่อนจะเจอลูกตื้ออะไรจากจารุพิชญ์บ้าง ดูท่าจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ
ครั้นจะบอกมินนี่ตนก็ไม่กล้า...หรือควรบอกให้ชัดเจนดีนะ