๓ เป็นแค่พี่ชาย (๓)
การมาทำงานไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์สำหรับเธออีกต่อไป โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานคือแฟนเก่าที่เลิกราอย่างบาดหมาง หลังจากวันนั้นเธอก็บล็อกเขาทุกช่องทาง ไม่พูดคุยหรือต้องการฟังคำอธิบาย เพราะทุกอย่างมันชัดเจนในตัวเองแล้ว
หล่อนไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำได้อย่างไรคบหญิงสองคนในเวลาเดียวกัน ดีที่รู้ก่อนไม่อย่างนั้นคงจมปลักกับผู้ชายใจโลเลไปอีกนาน
ถึงเวลาเลิกงานเธอก็ปิดคอมเก็บเอกสารแล้วใส่กุญแจแน่นหนา อยู่แผนกนี้ต้องรอบคอบ นิดหน่อยก็ห้ามผิดเด็ดขาด บางวันหญิงสาวก็เครียดกับงานจนนั่งร้องไห้ ไม่เคยต้องมาดูเอกสารเป็นตั้งเหมือนถูกรับน้อง
คนในแผนกเริ่มทยอยกลับเมื่อเห็นหัวหน้าออกจากห้องเป็นคนแรก พวกเขาไม่ได้มีวัฒนธรรมทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำงานแต่ละวันจบก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง
“ไข่...พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” ลงมาข้างล่างกำลังจะเดินออกจากบริษัทก็มีคนมาขวางไว้ก่อน เขาเอ่ยแววตาเว้าวอน เพราะวันนี้หล่อนไม่ปล่อยโอกาสให้จารุพิชญ์เข้าใกล้เลย ทำงานอย่างขะมักเขม้นและเกาะเป็นกลุ่มกับคนอื่นตอนไปกินข้าวเที่ยง
ถึงการทำงานแผนกเดียวกันจะค่อนข้างสร้างความรำคาญใจให้แก่หล่อน ถือว่าทนไปอีกหน่อยแล้วกัน
อีกไม่นานหรอก...
“เราไม่น่ามีอะไรคุยกันได้อีกนะคะ ไข่ว่าเรื่องมันจบไปตั้งแต่วันก่อนแล้ว ไม่ต้องการคำอธิบายหรือแก้ตัวจากพี่อีก” พอจะเดินหนีเขาก็ดักหน้าเอาไว้จนเธอนึกรำคาญมากกว่าเดิม คนที่เดินผ่านไปมาใช่ว่าจะน้อยเสียเมื่อไหร่
ทุกสายตาต่างให้ความสนใจพวกหล่อน ถึงไม่ได้บอกคนอื่นว่าเป็นแฟนกัน แต่ดูเหมือนพอจะทราบไปโดยปริยายจากการกระทำของจารุพิชญ์ช่วงก่อนหน้า ที่ดูแลเอาใจใส่เธอดีเหลือเกิน
“พี่ไม่ได้รักเขาแล้ว ที่อยู่เพราะครอบครัวเราสนิทกันตอนนี้คนที่พี่รักคือไข่นะ” คำโป้ปดสร้างความขบขันให้หญิงสาวมากกว่าเดิม หล่อนถอนหายใจเสียงดังเพื่อให้เขาได้ยินว่าสมเพชมากแค่ไหนกับการกระทำของอีกฝ่าย
“ตอนนี้ไข่ไม่รู้แล้วว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนโกหก พี่รักไข่จริงหรือแค่อยากหลอกให้ไข่รักเทิดทูน เห็นความรักเป็นแค่เรื่องสนุก” กัดฟันพูดเสียงเบา เธอไม่อยากให้คนอื่นได้ยินถึงเรื่องบาดหมางที่เกิดขึ้น
สายตาที่เขมิกามองทำให้เขารู้สึกด้อยค่าตัวเอง ไม่เข้าใจว่าแค่คำขอโทษเธอจะอภัยให้กันไม่ได้เลยเหรอ หญิงสาวไม่ได้สูงศักดิ์จนสามารถมองเขาด้วยแววตาดูแคลนได้ด้วยซ้ำ
“ทีไข่ล่ะ คบผู้ชายคนอื่นลับหลังพี่...” จากที่คิดจะขอโทษก็เปลี่ยนเป็นโทษหญิงสาวเช่นเดียวกัน ยิ่งเปิดเปลือยจิตใจภายในให้เขมิกาได้รู้เช่นเห็นชาติเขาเร็วกว่าเดิม ไม่รอให้จารุพิชญ์กล่าวหาตนมากไปกว่านี้ ร่างบางก็ตอบรับรวดเร็ว
“ค่ะ ไข่คบคนอื่นด้วย งั้นเราก็เลวเสมอกันแล้วนะคะ พี่จอห์นจะพูดแค่นี้ใช่ไหม” ตัดบทให้มันจบ เธอไม่ต้องการมองหน้าเขาให้หงุดหงิดตัวเองมากไปกว่านี้
ไม่รู้เมื่อก่อนชอบเข้าไปได้อย่างไร...
จารุพิชญ์เหมือนจะไม่ยอมถอย เขายังคงเอ่ยอ้อนวอนหล่อนเพื่อขอความเห็นใจ ทว่ากลับมีบุคคลที่สามก้าวเข้ามาขวางเสียก่อน เขาเพียงเรียกหล่อนเสียงหวาน พร้อมก้าวเข้ามายืนเคียงข้างแล้วโอบไหล่เล็กเอาไว้
“หนูไข่” เหลียวมองข้างกายพลันยกยิ้มมุมปาก แววตาเปล่งประกายต่างจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด หล่อนพยายามระงับความรู้สึกไม่ให้เขาเห็นว่าตนกำลังดีใจที่อหัสกรมาทันเวลา ไม่ว่าเขาจะมาบริษัทหล่อนด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ช่างเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาได้ตรงเวลาเหลือเกิน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ตกหลุมรักได้ยังไง
“พี่แมน” เรียกชื่อเขาราวคนละเมอ ยิ่งเห็นรอยยิ้มของอหัสกรก็ไปไม่เป็น แววตาอ่อนโยนกับสัมผัสที่แสนอบอุ่น
เป็นดั่งที่มนัสนันท์บอกไว้ไม่ผิด หากจะลืมรักเก่าได้ก็คงต้องมีรักครั้งใหม่ เพราะตอนนี้หล่อนไม่มีความเศร้าโศกเสียใจต่อจารุพิชญ์สักนิด
“หนูไข่มาแล้ว พี่รอตั้งนาน...วันนี้จะชวนไปกินข้าวที่บ้าน แม่พี่อยากเจอเราจะแย่ อ้าว..แฟนมินนี่ ทำงานที่เดียวกับแฟนผมเหรอครับ” ทราบดีว่ามันเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นทั้งหมด แต่หล่อนกลับรู้สึกยินดีกับเรื่องนั้น จนอยากเจอแม่ของเขาจริงๆ
แล้วอหัสกรก็มองคนที่ยืนตรงข้ามแฟนกำมะลอ แสร้งทำทีเหมือนตกใจทั้งที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่หลายนาที เห็นหญิงสาวจนมุมจึงเข้ามาช่วย ช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกินที่เขาได้ซีนพระเอกไปเต็มๆ
“มองหน้าผมทำไมครับ” เอ่ยทักแต่อีกฝ่ายไม่โต้กลับ ทำเพียงมองหน้าเขานิ่งจนร่างหนาต้องถามพลางเลิกคิ้ว หากเป็นสมัยวัยรุ่นคงได้ชกกันสักหมัด แต่เพราะเติบโตแล้วจึงเล่นสงครามประสาท แบบนี้สนุกกว่าเยอะเลย
“ครับ ผมทำงานที่เดียวกับไข่” ตอบอย่างเสียไม่ได้ ยอมรับว่าไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แค่เห็นก็รู้สึกหันยุบยิบในอก อาจเพราะแววตาคมยามจ้องมองเหมือนต้องการเย้ยหยันเขาตลอด
ทำให้ไม่ถูกชะตา...
“บังเอิญจังเลยนะครับ หนูไข่ไม่เห็นบอกพี่เลยว่ามีเพื่อนร่วมงานหน้าตาดีขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแฟนของมินนี่พี่หึงไปแล้วนะ” แกล้งเย้าด้วยประโยคที่ติดตลก แต่น้ำเสียงเอาจริงจนอีกฝ่ายรับรู้ได้ บรรยากาศจึงมาคุมากกว่าเดิม
คนแถวนั้นต่างหันมองด้วยความสนใจ เริ่มอยากรู้ว่าผู้ชายที่กอดไหล่เขมิกาเอาไว้เป็นใคร ทำไมถึงได้หล่อเหลาปานนั้น
ไหนจะท่าทีของรองหัวหน้าแผนกบัญชีอย่างจารุพิชญ์อีก มือหนากำเข้าหากันแน่นเหมือนพยายามระงับอารมณ์เอาไว้เต็มที่
“พี่แมน” เหลียวมองเขาแล้วกระซิบเหมือนเป็นการเรียกสติ เพราะเขาดูจะอินกับบทบาทมากเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อหล่อนและตัวเขาเอง
“พี่ล้อเล่นค่ะ เรากลับกันเลยไหม...” บอกกับคนรักกำมะลอแล้วชวนหญิงสาวออกจากจุดสนใจ สายตาหลายคู่ชักจะมองมากเกินไปจนเขาเองก็อึดอัด ตอนแรกแค่จะแวะมาดูด้วยความเป็นห่วงว่าหญิงสาวจัดการเรื่องคนนอกใจได้หรือเปล่า
เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องไปยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่เมื่อได้ยื่นมือเข้าไปสอดแล้วก็อยากช่วยให้ถึงที่สุด อย่างไรก็เป็นน้องสาวของเพื่อน...
แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ก้าวเท้าออกจากบริษัท ท่านคณะกรรมการของบอร์ดบริหารก็ทักซะก่อน เล่นเอาหลายคนตาโตมากกว่าเดิม ทิวากรที่เพิ่งเลิกงานทันเห็นแผ่นหลังเพื่อนสนิท จึงรีบก้าวเท้ายาวเข้ามาทักกลัวว่าจะไม่ทัน
“ไอ้แมน ทำไมมึงมาบริษัทกูได้วะ” จากที่เป็นเรื่องของสองคน ก็ขยายใหญ่มากกว่าเดิมจนหล่อนลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
อุตส่าห์ทนปิดบังว่าเป็นเพียงคนไม่มีเส้นสาย ไม่ได้รู้จักกับเบื้องบนเป็นการส่วนตัว แต่พอทิวากรเข้ามาทักเพื่อนสนิท ก็ทำให้หล่อนเป็นที่สนใจไปด้วย
‘ฉิบหาย เจอไอ้สองได้ไงวะ’ อหัสกรคิดในใจอย่างวิตกกังวล เขาไม่ได้เตรียมกับอีกฝ่ายด้วย ถ้าเกิดเรื่องแตกขึ้นมาจะทำอย่างไร อุตส่าห์ช่วยเขมิกาได้แล้วแท้ๆ
“กูมารับหนูไข่” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางมองมือของเพื่อนที่อยู่บนไหล่น้องสาวปีย์มนัส ดวงตาคมค่อยไล่ลงมายังป้ายพนักงานที่หล่อนถือเอาไว้
“อ้าว ไข่ทำงานที่นี่เหรอ พี่ไม่รู้เลยไม่เห็นไอ้ปีย์จะบอกอะไร ไว้ว่างๆ มากินข้าวด้วยกันนะ พี่หนึ่งบ่นอยากเจอ...ว่าแต่ ทำไมมึงมาอยู่กับไข่ได้ล่ะ” ตอนนี้สิ่งที่หล่อนกลัวได้เกิดขึ้นแล้ว หลายคนตาโตที่เห็นว่าเขมิการู้จักกับลูกชายประธานบริษัท
ไม่เว้นแม้แต่จารุพิชญ์...เขามองเธอด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะสนิทสนมกับคนใหญ่คนโตด้วย
“ไม่ได้เจอกันนานเลยลืมบอกมึง กูกับไข่คบกัน” เล่นแล้วก็ต้องไปให้สุด อหัสกรจึงประกาศ ณ ที่ตรงนั้นอย่างเสียไม่ได้ หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าแฟนเก่าเธอคงบอกความจริงเพื่อนไปแล้วล่ะ
เอาไว้ค่อยโทรบอกมันหลังจากนี้แล้วกัน...
“หา! คบกัน เป็นแฟนน่ะนะ” ทิวากรตาโตพลางถามด้วยความตกใจ สิ่งที่แรกที่น่าตระหนกคือเพื่อนสนิทที่ครองตัวโสดและไม่ยอมจะคบหาใครจริงจัง กลับมีแฟนโดยไม่ได้บอกพวกเขา
และอย่างที่สองคือหญิงคนนั้นเป็นน้องสาวสุดหวงของปีย์มนัส!
ไม่รู้ว่าถ้าอีกฝ่ายทราบไอ้แมนจะโดนเพ่นกบาลจนหัวแตกหรือเปล่า
“เซอร์ไพรส์เลยล่ะสิ ค่อยคุยกันใหม่นะ เดี๋ยวต้องพาหนูไข่ไปหาแม่...เจอกันเพื่อน” ปล่อยหล่อนเป็นอิสระแล้วตบหัวทิวากรเบาๆ พลางหัวเราะร่วนเป็นการกลบเกลื่อนใบหน้าจืดเจื่อน จากนั้นจึงรีบจับจูงมือเล็กเพื่อออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“ตบหัวกูซะเป็นลูกน้องมันเลย แล้วนี่ใครจะนับถือกูวะ”
พึมพำอย่างไม่ชอบใจแล้วกระแอมหนึ่งทีเพื่อสร้างภาพลักษณ์น่าเกรงขาม ค่อยกลับบ้านไปหาลูกเมียของตนเอง