ตอนที่ 9 บังคับ
"อื้อ!" เรียวลิ้นแกร่งเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอุ่นร้อนอย่างช่ำชอง ต้อนชิมน้ำหวานฉ่ำในโพรงปากสาวด้วยความเร่าร้อน และดุดัน จนเกิดเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังเบา ๆ ซึ่งมีเสียงเพลงจากร้านเหล้าคอยกลบเสียงน่าอายนั้น
เขาถอนจูบออก แล้วเงยขึ้นมาสบตากันอีกครั้งครั้นลมหายใจของร่างเล็กบนตักขาดห้วง จนเธอต้องร้องประท้วงในลำคอเป็นสัญญาณบอก
เรียวมือเล็กทุบตีแผงอกกำยำอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อกำลังง้างปากต่อว่าเขา ทว่าพอได้รับสายตาข่มขู่กลาย ๆ ทับทิมจึงหุบปากเงียบไม่ส่งเสียงน่ารำคาญ เธอก้มหน้าหลบสายตาเพื่อนพ้องของเคเดนที่จ้องมาทางเธอด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม
"ลิ้นเธอมันร้อน" เขาเอ่ยเสียงแตกพร่า ซึ่งมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสังเกตอีกครั้ง จึงเห็นถึงใบหน้าสวยของเธอที่ซีดเผือด และอิดโรยราวกับคนพักผ่อนมาน้อย
ทับทิมเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง แววตากลมใสซื่อนั้นสั่นไหวอย่างไม่เป็นตัวเอง เพราะเขากำลังจ้องเธออยู่ แถมสายตาที่ส่งตรงมานั้นไม่เป็นมิตรต่อเธอเอาเสียเลย เขาคาดคั้นเอาความอย่างเด่นชัด
ทับทิมเอาแต่ปิดปากเงียบไม่ยอมปริปากพูดกับเขา เพราะไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ต้องบอกเขา เธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย
"ทิมขอตัวค่ะ มีลูกค้าต้องดูแลต่อ" เธอเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเพื่อหนีจากตรงนี้ แต่เขากลับโอบรัดเอวคอดกิ่วแน่นหนากว่าเดิม หนำซ้ำยังปรายตามองมาอย่างกับไม่ชอบใจต่อความพยศไม่เข้าเรื่องของทับทิม
"ได้เงินจากฉันไปมากแล้วนิ ยังทำงานอยู่หรือไง" ถามเสียงแข็งกร้าวเข้มขึ้น
"ทิมไม่ใช้เงินคุณหรอกค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งผูกมัดตัวทิมเอาไว้ ยิ่งกว่าตอนติดหนี้เสียอีก ดูแลลูกค้าไม่กี่คนทิมก็อยู่ได้แล้วค่ะ เพราะทิมหมดภาระหนี้สินแล้วนิ" มาเฟียหนุ่มพ่นลมหายใจออกมากับคำตอบแสนเย่อหยิ่งจากปากอวบอิ่มมันชวนให้เขาหงุดหงิดได้เสมอเมื่อเธอจะไปนั่งดูแลลูกค้าคนอื่น ให้พวกมันแตะต้องตัว
ทับทิมเป็นของเล่นของเขาคนเดียว ไม่ได้ยกย่องหรือเทิดทูนว่าจะเอามาเป็นแม่ของลูก เพราะผู้หญิงแบบเธอไม่ใช่คนในอุดมคติที่เขาตั้งเอาไว้เลยสักนิด เพียงแต่เขายังไม่เบื่อ ยังตักตวงความสาวของเธอได้ไม่หนำใจ และอย่าหวังว่าไอ้อีหน้าไหนจะได้จับต้องเธอ
"เจ้านายครับ" ขณะเดียวกัน ทิศเหนือลูกน้องคนสนิทก็เดินเข้าร่วมโต๊ะภายหลัง พลางก้มหัวเคารพผู้เป็นนาย ครั้นร่างสูงหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าผู้ที่เหนือกว่า สายตาทิศเหนือไม่วายลอบมองหญิงสาวบนตักเคเดนประเดี๋ยวเดียว ก่อนเอ่ยรายงานข่าวที่เจ้านายสั่งให้จัดการ เพราะเคเดนเงียบ นั่นจึงเป็นการอนุญาตให้ทิศเหนือพูดมาได้เลย
"ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ"
"อืม ดี" น้ำเสียงทุ้มรับคำด้วยสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้าน หรือรู้สึกอะไรต่อข่าวที่ลูกน้องรายงานมา แถมคนบนโต๊ะไม่มีใครรู้ด้วยว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องใดกัน แต่กลับไม่ซักถาม เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เพื่อน ๆ ในกลุ่มรู้ขอบเขตความสนิทสนมกันดี ถึงแม้จะไว้ใจมากเท่าใดก็ไม่ได้การันตีว่าจะกล้าล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวเขา
มุมปากบางบิดยิ้มหนึ่งข้างฉายถึงความน่ากลัวจนทับทิมซึ่งมองอยู่ขนลุกขนชัน ก่อนเคเดนจะเอี่ยวหน้าไปบอกเพื่อนอีกสองคนต่อหลังจากนั้น
"กูกลับก่อนแล้วกัน พวกมึงอยากอยู่ต่อก็อยู่ไป"
"จะกลับแล้วเหรอวะ" สิบถามอย่างเอือม ๆ ในความขึ้น ๆ ลง ๆ ของเพื่อนหนุ่ม คิดอยากมาก็มา พออยากกลับมันก็จะกลับเอาแบบทื่อ ๆ ไม่สนใจสหายที่นาน ๆ ที จะได้มานั่งดื่มสังสรรค์ด้วยกัน
"อืม!" มาเฟียหนุ่มอุ้มทับทิมลงจากตัก ทำให้เธอแอบดีใจครั้นได้ยินที่เขาบอกกับเพื่อน เมื่อเธอเป็นอิสระจึงไม่รีรออยู่ตรงนี้ให้รู้สึกอึดอัดใจต่อไอกระแสความร้ายอาจจากตัวเขา คาเดนหยัดกายยืนพร้อมกับร่างอรชรยืนตาม เธอกำลังสาวเท้ากลับไปทำงานหน้าที่ของเธอต่อตามเดิมเหมือนทุก ๆ วัน
ทว่า...
หมับ! มือหนาคว้าเรียวแขนเล็กเอาไว้เสียก่อน ครั้นเธอพยายามขัดขืนชักมือกลับ กลับไม่เป็นผล เพราะยิ่งดึงดันมากเท่าไรอีกคนก็จะเพิ่มแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยพละกำลังความเป็นผู้ชายที่แรงเยอะกว่า ทำให้ทับทิมหมุนตัวหันหน้ากลับมาสู้เขาอย่างไม่พอใจ ปนความฉงนใจ
"ปล่อยทิมค่ะ คุณเคเดนจะจับแขนทิมไว้อีกทำไมคะ"
"เธอยังไปไม่ได้" พลันคิ้วสวยม้วนกันแน่นเป็นปมใหญ่
"ทำไมคะ ทิมจะกลับ"
"กลับไปกับฉัน"
"ไม่ได้นะ ทิมต้องทำงาน" รีบส่ายหัวเร็วพลันเพราะความเอาแต่ใจของเขาโดยไม่สนใจคนอื่น ตอนนี้เขาจึงกระชากตัวเธอออกมาจากร้านเหล้า ท่ามกลางสายตาสงสัยหลายสิบคู่ที่มองหา
เนื่องจากมีลูกน้องบอดี้การ์ดอีกสามนายเดินตามประกบด้านหลัง ทำให้ลูกค้าภายในร้านแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เห็น
ยิ่งทับทิมโวยวายเธอยิ่งกลายเป็นจุดเรียกความสนใจ หญิงสาวจึงไม่ได้เอ่ยปากพูดปฏิเสธเคเดนได้สะดวก และเต็มเสียงมากเท่าที่ควรนัก แต่ใช้พละกำลังต้านทานแรงเขาเอาไว้สุดความสามารถ ไม่ยอมท่าเดียว
"หยุดเล่นตัว แล้วกลับไปกับฉัน" ความหงุดหงิดเมื่อทับทิมไม่ยอมหยุดขืนแรง เธอพยศจะวิ่งหนีทุกครั้งที่มีโอกาส หากแต่เขาไม่ประสาท ร่างสูงใหญ่หมุนตัวมาดุเธอแบบไม่สบอารมณ์ ขณะเดินไปหารถลีมูซีน ซึ่งบอดี้การ์ดขับมารับ แถมเปิดประตูรอถึงหน้าร้าน
"ว้าย! คุณเคเดน ปล่อย!" ทับทิมกรีดร้องเสียงหลง เพราะเขายอบตัวนั่งยอง ๆ ก่อนจะแบกตัวเธอไว้บนไหล่แกร่งอย่างอุกอาจ พอเดินมาถึงรถยนต์เขาก็โยนเธอเข้าไปนั่งเบาะหลัง ทำเอาหญิงสาวเจ็บจนจุก หน้าเหยเก จากนั้นเขาก็ตามเข้ามา ประตูรถลีมูซีนจึงเลื่อนปิด สารถีคนขับได้เหยียบคันเร่งออกไปจากร้านเหล้าโดยเร็วพลัน
"คุณเคเดนบอกลูกน้องของคุณจอดเลยค่ะ ทิมจะลง คุณจะพาทิมไปไหน ทิมไม่ไปไหนทั้งนั้น" หญิงสาวเริ่มหวาดกลัวเมื่อจู่ ๆ เธอก็โดนลากตัวออกมาจากที่ทำงาน แถมบรรยากาศในรถยนต์มาคุเสียจนใจคอคิดได้แต่เรื่องไม่ดีนัก
"ไม่ได้พามาฆ่าก็แล้วกัน!" คำตอบจากมาเฟียหนุ่มไม่ได้ทำให้ทับทิมผ่อนคลายลงเลยสักนิด เธอนั่งบนเบาะตัวแข็งทื่อ หวาดระแวงเขาจนต้องลอบมองเป็นพัก ๆ และไม่ลืมสลับไปมองถนนหนทางนอกกระจกรถยนต์ ว่าเขาจะพาเธอไปที่ใดกันแน่
"คุณเมามากจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วแหละค่ะ เราคงคุยกันดี ๆ ไม่เข้าใจ" น้ำเสียงหวานติดประชดประชันอีกระลอก เพราะยิ่งพูดก็เหมือนความอดทนเธอยิ่งต่ำลง อยากจะวีนใส่หน้าเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เธอก็รักชีวิตมากพอ หากทำแบบนั้นอาจจะโดนเขาฆ่าหมกป่าเข้าจริง ๆ
"อย่างนั้นก็นอนคุยกันซะสิ" ทับทิมกลอกตาเอือมระอา เธอเองไม่เคยพบเธอคนหน้ามึนแบบเขามาก่อน
"คะ...คุณเคเดน!" ใบหน้าหล่อเหลานั้นโน้มเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนระอุเป่ารดต้นคอระหง เขาเข้ามาใกล้ลำคอเธอมากขึ้น มากขึ้น จนปลายจมูกโด่งนั้นแตะลงผิวเธอ ทับทิมสะดุ้งรีบย่อคอหนี และผลักแผงอกกำยำให้ออกห่าง
"ออกไปเลยนะ!"
"พร้อมทำหน้าที่ของเธอหรือยัง หึ!" น้ำเสียงทุ้มต่ำแค่นหัวเราะออกมาผ่านลำคอ พร้อมคำพูดกำกวมชวนให้หัวใจดวงน้อยตื่นผวา กระตุกวูบไหวไม่เป็นจังหวะราวกับรัวกลอง
"คุณพูดอะไรของคุณ" เธอว่าเสียงแข็ง
"หึ รอดูเอาน่าจะดีกว่าไหม!" แววตาของมาเฟียหนุ่มฉายความวาววับเจ้าเล่ห์กว่าทุกครั้งที่เธอได้เห็นเสียอีก ฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำสติเขาไปกว่าครึ่งคำพูด และการแสดงออกจึงโจ่งแจ้งอย่างกับนักล่าก็ไม่ปาน
ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้ทับทิมค่อย ๆ ขยับตัวห่างจากเขา ช่วงเวลาที่ใช้อากาศร่วมกัน ในขณะรถยนต์เคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ มีเพียงเครื่องปรับอากาศภายในรถช่วยบรรเทาความอึดอัดบางอย่าง ถึงกระนั้นกลับช่วยได้ไม่มาก
หากทางที่ดีเธอไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเลือกไม่ได้จึงต้องโดนฉุดกระชากมา แถมเขายังคิดไม่ซื่อต่อเธอ ความเจ็บครั้งวันวานผุดเข้ามาเตือนเธอไม่หยุด เขารุนแรง ดิบเถื่อนแค่ไหนเธอทราบอยู่เต็มอก เพราะเคยลิ้นรสรักเผ็ดร้อนนั้นมาแล้ว
กระทั่งตัวรถหยุดเคลื่อนไหว จอดริมฟุตบาทของผับหรูหลายสิบชั้น เจ้าของผับอย่างเคเดนก้าวลงจากรถไปก่อน เมื่อลูกน้องวิ่งมาเปิดประตูให้ตามหน้าที่ เขาตวัดสายตามามองเธอเป็นเชิงสั่งให้ลงจากรถ
"ทิมไม่ลงค่ะ ทิมไม่ไปไหนทั้งนั้น!" ถึงกระนั้นสาวเจ้ากลับบ่ายเบี่ยง เสียจนเคเดนหงุดหงิด รำคาญต่อมารยาเล่นตัวเพื่อปกป้องตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ของมันก็เคย ๆ กันอยู่ ทับทิมรู้ซึ้งถึงอันตราย เพราะยิ่งเห็นสถานที่เดิมเธอก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเอง หากก้าวขาลงไปคงพลาดท่าเขาอีกแน่
"ฉันจะไม่อ้อมค้อมกับเธออีกแล้ว" คนมีความอดทนต่ำอย่างเคเดนไม่อาจต่อความให้เสียเวลาได้อีก ความอดทนเขาขาดผึง พลางเอ่ยเสียงโทนต่ำบ่งบอกถึงอารมณ์มาคุ "หรือจะให้ฉันทำเธอในรถ ยิ่งเมาฉันยิ่งต้องการ อยากร้องครางระงมบนรถก็ดี!"
"มะ...ไม่ค่ะทิมไม่ชอบในรถ!" ทับทิมจนมุมต่อการบีบบังคับขั้นเด็ดขาด เธอจึงวาดขาลงจากรถ พอไปถึงตัวเคเดน มือหนาของเขาก็จัดการกระชากตัวเธออย่างรุนแรงอีกครั้ง
พร้อมเดินนำเข้าไปในตัวผับ ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไป...ห้องนอนห้องนั้น ซึ่งทับทิมจำได้ดีว่าเพิ่งเสียครั้งแรกไปที่นี่ เตียงนอนตรงหน้าเธอยามนี้ และราวกับมีลางสังหรณ์บอกเหตุกับเธอ ว่ามันจะซ้ำรอยเดิมอีกไม่นานนี้
พรึ่บ! ร่างอรชรบอบบางถูกเหวี่ยงเข้าไปในห้องนอนขนาดสี่เหลี่ยมกว้าง ส่งผลให้หญิงสาวเสียการทรงตัว แผ่นหลังบางล้มลงไปนอนราบบนเตียงนอน ในขณะชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใช้เท้าถีบเพื่อปิดประตู จากนั้นฝ่าเท้าแกร่งก็เดินเข้ามาใกล้
"คะ...เคเดน" น้ำเสียงหวานพึมพำในลำคอแผ่วเบา แต่หัวใจดวงข้างซ้ายกลับเต้นโครมครามรุนแรงแทบทะลุจากอก เมื่อร่างหนาแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางหว่างขาเรียวสวย
ดวงตากลมไหวสั่นกะพริบปริบ ๆ มองการกระทำคนตัวโตด้านบนไม่วางตา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น...เขาจะทำอย่างไรกับเธอต่อจากนี้ไป...
"ทำตัวไม่น่ารักเลยนะรู้ตัวไหม!" น้ำเสียงทุ้มแตกพร่าเอ่ยถามความเห็น
"ทิม... ทิมไม่ชอบนิคะ" ทับทิมเบี่ยงหน้า เพื่อหลบซ่อนความอาย เพราะอีกฝ่ายเริ่มปลดเข็มขัดหนังบนเอวสอบหนาออก ตามด้วยรูดซิปกางเกงลง เสียงจากการขยับตัว บวกกับแรงยุบยวบของเตียงนอนนุ่มพลันทำให้หญิงสาวเริ่มเครียด
"เอะอะอะไรก็ไม่ชอบ หรือเพราะเป็นฉันเธอเลยไม่ชอบ" เขาบอกอย่างมีเลศนัยเอื้อมฝ่ามือขึ้นมาเกลี่ยแก้มใสแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเน้นบีบเข้าที่ปลายคางเรียวสวยอย่างแรงจนเกิดรอยแดง หนำซ้ำทับทิมเจ็บจนนิ่วหน้า การกระทำนั้นกลับเพิ่มความตระหนกแก่เจ้าหล่อนยิ่งขึ้น
"ถ้าทิมตอบว่าใช่ล่ะ" ทับทิมเม้มปากแน่นเมื่อไร้หนทางหนี
"ทักทายมันดูซะสิ มันชอบเธอจะตาย ทำไมไม่ชอบมัน" มาเฟียหนุ่มดึงตัวหญิงสาวให้ลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งตรงปลายเตียง ขาเรียวถูกจับแยกห่างกันกว้าง โดยร่างหนาแทรกอยู่ตรงกลางกายตัวเธอ
ชายหนุ่มรูดกางเกงเนื้อดีลงไปกองกับข้อเท้าแกร่ง มือหนาหยาบกร้าน จึงควักความเป็นชายที่แข็งผงาดเป็นทรงกระบอกออกมาสู่ภายนอก อวดแก่สายตาอีกฝ่าย ความใหญ่ขึงขังตั้งชันเลยจ่อปากอวบอิ่มพอดี
ทับทิมไม่อาจละสายตาจากแก่นกายที่โอบล้อมเส้นเลือดปูดโปนได้เลย เธอมองสิ่งใหญ่โตมหึมานั้นด้วยความหวาดหวั่น พลางขบคิดในใจอย่างไร้เดียงสา เพราะไม่เคยทำมาก่อน 'ถ้าครอบส่วนนั้นเข้าไปมาไว้ในปาก ปากของเธอจะคับแน่นขนาดไหนนะ'