ตอนที่ 8 ต้องห้าม
"นายเจอแล้วใช่ไหมครับ ผู้หญิงคนนั้น มั่นใจใช่ไหมว่าเป็นเธอคนเดียวกัน" ลูกน้องคนสนิทถามคนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานภายในบริษัท
"ใช่ กูมั่นใจ...แต่แม่งเธออ่อนหัด และไม่ทันคนเกินไป"
หากเธอไม่ได้มาติดหนี้เขา ก็ไม่อยากคิดเลยว่าใครจะได้ตัวเธอไปครอบครอง โชคดีที่ตามหาตัวเธอแทบพลิกแผ่นดินจนเจอ
"แบบนี้ผมจะช่วยเป็นหูเป็นตาดูเธอให้ครับ"
"ดีเหมือนกันกูจะได้หายห่วงไปอีกหนึ่งอย่าง" เคเดนไว้ใจอีกฝ่ายมาก
"ว่าแต่ทำไมต้องทำตัวร้ายใส่เธอด้วยครับ ทั้งที่ไม่ต้องก็ได้"
แล้วไหนจะเรื่องที่เคเดนไม่บอกความลับที่เขาเก็บไว้หลายสิบปีกับเธอไปตรง ๆ
"กูแค่โกรธ...ทำไมวะ เราห่างกันแค่ไม่กี่สิบปี เธอจำกูไม่ได้เชียวหรอ"
"เอ่อ..." ลูกน้องหนุ่มไม่มีอะไรจะพูด เพราะถ้าตนเป็นทับทิม แบ้วกลับมาเจอเคเดนในตอนโต ก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะจำได้ เวลาผ่าน ความจำก็เลือนลาง เช่นกัน
ทับทิมสืบเท้าเข้ามานั่งในห้องเรียน ซึ่งที่นั่งของเธอก็อยู่ข้าง ๆ กับแพรพลอย เธอเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะทิ้งสะโพกนั่งลงด้วยท่าทีปกติ ถึงแม้จะมีสายตาของแพรพลอยที่หันมาจับพิรุธบางอย่าง ตามด้วยพวกแก๊งสามสาวที่เดินเข้ามาตามหลังทับทิม แต่โชคดีที่พวกหล่อนแค่ปรายตาขวางมองมา ไม่ได้หาเรื่องหรือพูดถึงเจ้าของรถลีมูซีนที่มาส่งเธอเมื่อเช้านี้
ทับทิมพยายามมองข้ามเพื่อเก็บอาการเลิ่กลั่กไม่เป็นตัวเอง จนกระทั่งแพรพลอยอดทนไม่ไหว เพื่อนสาวคนสนิทจึงโพล่งตั้งคำถาม
"วันนี้แกมาเรียนยังไง ทำไมถึงไลน์บอกไม่ให้ฉันไปรับ"
"ฉะ...ฉันมาแท็กซี่น่ะ" ตอบอมยิ้มซ่อนคำโกหก
"แล้วเงินที่โอนเข้ามาในบัญชีฉันล่ะ แกไปเอามาจากไหน" คราวนี้แพรพลอยเค้นสอบสวนอย่างกับเพื่อนนางเป็นนักโทษ ซึ่งทำให้ทับทิมแสดงความประหม่า และหวาดหวั่นออกมา ไม่รู้ว่าควรปั้นเรื่องโกหกอีกครั้งดีหรือเปล่า เธออึกอักเป็นเวลานานสองนาน ก่อนตอบคำถามด้วยการโกหกเสียงเบาหวิว
"แม่เลี้ยงยกเลิกการระงับบัญชีของฉันแล้ว" แท้จริงแล้วตั้งแต่ทับทิมก้าวขาออกมาจากบ้านของพ่อแม่บุญธรรม พวกเขาก็ได้ทำการติดต่อธนาคารไป เพื่อขอปิดระงับบัญชีของลูกเลี้ยงเอาไว้
"แกใช้เงินพวกเขาเหรอ" แพรพลอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เพราะเมื่อก่อนทับทิมยืนกรานว่าต่อจากนี้ไป นับตั้งแต่วันที่เธอเลือกก้าวขาออกมาจากบ้านหลังนั้น เธอจะไม่ยอมใช้เงินของพวกเขาอีก
"กะ...ก็มันจำเป็นนิ"
"แต่มันเยอะมากเลยนะแก" แพรพลอยทำท่าไม่อยากเชื่อเท่าไรนัก เนื่องจากเธอทราบเรื่องราวชีวิตของทับทิมทั้งหมดตั้งแต่ต้น แล้วรีบซักไซ้ต่อ "แล้วพ่อแม่เลี้ยงติดต่อกลับมาไหม"
"ขอโทษนะคะนักศึกษาวันนี้อาจารย์มาช้านิดหน่อย" ราวกับระฆังช่วยชีวิต อาจารย์ประจำวิชารีบเดินเข้ามาในห้องเรียน ก่อนจะเอ่ยเสียงกระตือรือร้น ทำให้ทั้งสองสาวที่สนทนากันอยู่ต้องหยุดการพูดคุย หันไปตั้งใจฟังอาจารย์สอน จนถึงช่วงบ่าย เวลาเลิกคลาสเรียน
ทับทิมกับแพรพลอยเก็บสมุดหนังสือเข้ากระเป๋า เป็นเวลาประจวบเหมาะพอดีกับโทรศัพท์มือถือของแพรพลอยสั่นสะเทือน นางจึงรีบหยิบขึ้นมารับสายแนบชิดหู หลังจากวางสายท่าทีของแพรพลอยจึงเปลี่ยนเป็นรีบร้อน
"แกวันนี้ฉันต้องรีบไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่แกโอนมาให้น่ะ แกจะไปด้วยกันไหม" นางหันมาถามทับทิม เธอจึงส่ายหัวด้วยสีหน้าลำบากใจ
"ฉันว่าจะไปทำงานพิเศษน่ะ เมื่อวานขาดงานด้วยยังไม่ได้บอกพี่เก้าเลย"
"งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง" แพรพลอยโบกมือบอกปัดไม่ยี่หระ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งจากไป ตามด้วยน้ำเสียงหวานของทับทิมที่เอ่ยตามหลัง
"ขอบใจแกมากนะ!"
ความเมื่อยล้าเจ็บระบมไปทั้งร่าง เพราะเธอเพิ่งประสบอุบัติเหตุมา แถมโดนเขาสูบพลังงานในร่างกายเธอไปทั้งวันทั้งคืน คงไม่แปลกที่ทำให้ทับทิมเกิดอาการเวียนหัวเข้ามาแทรก เนื้อตัวก็เริ่มร้อน ๆ ลุ่ม ๆ เหมือนคนจะเป็นไข้ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนเจ็บป่วยยาก และน้อยครั้งมาก
หลังจากกลับมาถึงห้องเช่า ทับทิมจึงรีบแต่งตัวเพื่อไปทำงานตามปกติ เหมือนว่าชีวิตเธอคือทับทิมคนเดิม เธอไม่ยอมใช้เงินที่เขาให้มาเลยหลังจากที่ได้เอาไปใช้จ่ายค่าเสียหายของเจ้าของรถคู่กรณี เพราะยิ่งเธอหยิบมันออกมาใช้ เท่ากับเขาผูกมัดตัวเธอเอาไว้ด้วยเงินมากขึ้น
เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพ หญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นรัดรูปเดินนวยนาดเข้ามาในร้านเหล้าที่ทำงานพิเศษของเธอ ถึงแม้เนื้อตัวจะร้อนจี๋มากขึ้นด้วยพิษไข้
ทว่าหญิงสาวกลับไม่ยอมหยุดงาน เมื่อวานเธอเพิ่งขาดงานไป โดยไม่บอกไม่กล่าวกับเจ้าของร้าน วันนี้จึงไม่อยากลางาน เนื่องจากจะขาดรายได้ ถึงรายรับมันจะได้ไม่มากมาย แต่คนต้นทุนต่ำแบบเธอย่อมคิดว่ามันสำคัญต่อการดำรงชีวิต
หากเธอยอมหยิบเงินมาเฟียหนุ่มที่ให้เป็นจำนวนยี่สิบล้านมาใช้ ป่านนี้ก็คงอยู่กินอย่างสุขสบาย ไม่ต้องทำงานทำการอะไรสักอย่าง แต่เงินนั้นย่อมมีวันหมดอยู่ดี
และถ้าหากเธอต้องการการกินอยู่แบบสุขสบาย คงไม่ใจกล้ามากพอที่จะก้าวขาออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมที่ร่ำรวยเสียขนาดนั้นแล้วล่ะ
เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในตัวร้านเหล้า เก้าผู้จัดการสาวเดินเข้ามาดักด้านหน้า ขวางทางทับทิม
"เมื่อวานมีอะไรหรือเปล่าทิม ทำไมไม่เห็นมาทำงาน" รุ่นพี่ถามอย่างเป็นห่วง เพราะเมื่อวานทับทิมขาดงานโดยไม่มีการติดต่อมาหาเธอ
"พอดีทิมไม่สบายนิดหน่อยค่ะ ก็เลยไม่มีเวลาโทร.มาบอกเลย" หญิงสาวอธิบายจนเก้าเริ่มสังเกตได้ถึงใบหน้าซีดเซียวไม่สบายตัวของรุ่นน้องสาว
"ทิมหายดีแล้วเหรอที่มาทำงาน สีหน้าเธอมันฟ้องนะว่ายังไม่หายดี"
"หายแล้วค่ะ ทิมสบายมาก" หญิงสาวโกหกปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อความสบายใจของผู้อื่น ถึงแม้ร่างกายเธอจะอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก จนแทบยืนทรงตัวไม่ไหว จะทรุดล้มฮวบลงพื้นอยู่รอมร่อ
"ไหวแน่นะ" เก้าย้ำถามอย่างไม่วางใจนัก ซึ่งรุ่นน้องสาวพยักหน้ารับยืนยันไม่เปลี่ยนคำ หลังจากนั้นทั้งคู่จึงแยกไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเมื่อถึงเวลาร้านเหล้าเปิด
วันนี้ทับทิมไม่รับงานนั่งดื่มกับลูกค้า เพราะเธอไม่ได้มีหนี้ค้ำคอ ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเหมือนครั้งก่อน จึงรับแค่เสิร์ฟเครื่องดื่มเท่านั้น หญิงสาวทำงานไปจนคนเริ่มเข้ามาในร้านกันหนาแน่น คึกคัก พนักงานคนอื่น ๆ จึงทำงานกันอย่างหัวหมุน วุ่นวาย ทำเอาคนป่วยแบบทับทิมเหนื่อยหอบ
จนกระทั่งเธอเดินกลับมาที่โซนเคาน์เตอร์บาร์เพื่อนำเครื่องดื่มไม่ให้แก่ลูกค้าโต๊ะด้านหน้าเวที ฝีเท้าเรียวกลับหยุดชะงัก พร้อมกับวางถาดไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ เอี้ยวตัวไปมองเก้า ผู้จัดการสาวซึ่งตอนนี้มีสีหน้าคร่ำเครียดกว่าเวลาปกติ ทับทิมเลยเดินเข้าไปหาเพื่อถามไล่ เพราะรุ่นพี่สาวยืนสนทนาปรึกษาพนักงานอีกสองคนอยู่
"มีอะไรกันคะพี่เก้า"
"ก็ลูกค้าโต๊ะวีไอพีน่ะสิ พี่ให้เด็กเข้าไปนั่งดื่มนั่งชงด้วยไม่ว่าจะคนไหน ๆ เขาก็ไล่ออกมา ไม่ถูกใจเขาสักคน นี่มันก็หมดทั้งร้านแล้วนะ" หญิงสาวอายุมากกว่าร้องโอดครวญต่อความเรื่องมากของลูกหน้าหนุ่ม ซึ่งมีอิทธิพลในละแวกนี้ หล่อนจึงเครียดไม่อาจขัดใจเขา หากพูดง่าย ๆ หล่อนไม่อยากมีปัญหากับมาเฟียหนุ่ม เพราะนั่นหมายถึงชีวิตหล่อนจะดวงตก
"จริงค่ะพี่เก้า เขาน่ากลัวมากเลยพี่ พวกหนูเข้าไปไม่ทันไรก็โดนเขาไล่ออกมา" สองสาวพยักหน้าหงึกหงักยืนยันอีกเสียง พลางลบแขนลูบขาขนลุกซู่ ครั้นเอ่ยถึงชายหนุ่มเจ้าของดวงตารัตติกาลคู่นั้น
"เขามีเส้นสายมากจนพี่ต้องมาเครียดเนี่ยแหละ กลัวร้านจะซวย" เก้าเริ่มเครียดหนักจนยกมือกุมขมับทั้งสองข้าง ทับทิมที่ฟังมาจากปากคนอื่นจึงอดไม่ได้ที่อยากจะลอง อยากรู้ว่าเขาน่ากลัว และเหวี่ยงขนาดนั้นเชียวหรือ
"ทิมขอลองเข้าไปได้ไหมคะเผื่อจะช่วยอะไรได้" ทับทิมอาสาเพราะเห็นแก่ร้านของเก้า ซึ่งเปิดที่พึ่งให้แก่เธอตลอดเวลาคับขันไร้ที่พึ่งพา
"ไหวแน่นะทิม" เก้าถามย้ำอีกครั้ง
"แน่ใจค่ะ ทิมขอลองดูก่อนแล้วกันค่ะ" ทับทิมเปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเดินเข้าไปหาโต๊ะของแขกวีไอพีดังกล่าวในบทสนทนา โดยมีสายตาเก้าเปี่ยมความหวังมองตามทับทิมอย่างห่วง ๆ...กลัวร้านเจ๊ง
"เข้ามานั่งซะสิ" หญิงสาวชะงักฝ่าเท้าเรียวภายใต้รองเท้าส้นสูงประมาณห้านิ้ว เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมรัตติกาลของมาเฟียหนุ่ม เป็นผลส่งให้ร่างกายเธอแข็งเกร็งชั่วขณะ เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องเจอกันอีก เรื่องทุกอย่างควรจะจบลงบนเตียงคืนนั้นแล้ว และพวกเขาไม่ควรพบเจอกันอีก
ทับทิมอยากจะถอยร่นออกไปจากโต๊ะลูกค้าตรงหน้าเต็มที แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาเป็นคนไม่ยอมอะไร หากทำตัวไม่พอใจเขา อาจจะเป็นคนพาลทำได้ทุกอย่าง
พอนึกถึงคำพูดผู้จัดการร้านที่เพิ่งเครียดกลัวร้านเจ๊ง หญิงสาวจึงจำใจเดินเข้าไปนั่งตามคำสั่งมาเฟียหนุ่ม
พรึ่บ!
ความหวาดกลัวแผ่หลา ภายในหัวใจดวงน้อยของเจ้าหล่อนเมื่อทันทีที่เธอขยับเข้าไปใกล้ หมายจะหย่อนตัวนั่งบนโซฟาหนังตัวยาวข้าง ๆ เคเดน มือหนากลับเอื้อมมาฉุดร่างอรชรให้ขึ้นมานั่งบนหน้าตักแกร่งของตนเองอย่างอุกอาจ
"คะ...คุณเคเดน!"
เธอร้องตกใจพร้อมเอ็ดเขาเสียงหวานติดสั่น แขนเรียวยาวรีบยกกอดลำคอแกร่งเอาไว้อัตโนมัติ เพราะกลัวตกหล่น
ขณะเดียวกันคนกระทำยังนั่งนิ่งเมินเฉยต่อน้ำเสียงไม่พอใจจากเธอ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบคนในกลุ่มเขาไม่มีใครเอ่ยอะไร มีเพียงเสียงดนตรีกระหึ่มคอยช่วยคลายบรรยายอึมครึม
พวกเขากระดกเหล้าดื่มอย่างไม่ยี่หระ แต่สายตาเพื่อนหนุ่มของเคเดนอีกสองคนกลับจ้องมองมาทางเธอกับเคเดนที่นั่งตัวติดกัน
จนแทบจะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ทับทิมรีบก้มหน้าหลบด้วยความอาย เขามองเธอด้วยแววตาลึกลับ ซึ่งเธอเองไม่สามารถทราบได้ว่าภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่แพ้กันนั้น ต้องการสื่อสิ่งใด
"เด็กมันอายว่ะไอ้สิบ" ธันวาซึ่งนั่งมองอย่างยิ้ม ๆ หันไปพูดกับสิบที่กระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุด
"มึงจ้องเหมือนจะกินเด็ก!" สิบโต้ตอบกลับ พลางแค่นหัวเราะต่ำในลำคอ สายตาทั้งสองคู่จ้องมองมาทางทับทิมอย่างสนใจ จนเพื่อนในกลุ่มอีกคนอย่างเคเดนกระแทกลมหายใจหนัก ๆ ก่อนเอ่ยแทรก
"บอกแล้วไงอย่าเล่นกับทับทิม คนนี้ของกูคนเดียว!"
"โหดว่ะเพื่อนกู!"
ธันวากับสิบร้องโหยหวนล้อเลียนเพื่อนหนุ่ม ความสงสัยของพวกเขากระจ่างแล้ว วันนี้จู่ ๆ เคเดนก็ชวนพวกเขาออกมาดื่มเหล้าที่ร้านเหล้าละแวกใกล้เคียงกับผับของมัน
ทว่ามันกลับอ้างว่าต้องการเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ทว่าธันวากับสิบลงความเห็นตรงกันแล้วว่ามันใช้คำว่าเปลี่ยนบรรยากาศเป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อมาเจอใครบางคนเท่านั้น
"คุณเคเดนปล่อยฉันลงได้แล้วค่ะ" หญิงสาวเขย่าแขนขอร้องเคเดนเสียงอ่อน เพื่อขอความเห็นใจ นอกจากเขาจะไม่ใส่ใจทำเมินใส่เธอ ท่อนแขนแข็งแรงก็กระชับกอดเอวบางเข้ามาแนบตัวแน่นหนาขึ้น
"คุณมาทำอะไรที่นี่คะ" ใบหน้าสวยประทินเครื่องสำอางอ่อน ๆ แสดงความไม่ชอบใจขึ้นมา
"ฉันมาร้านเหล้าก็ต้องมาดื่มเหล้าสิ" มาเฟียหนุ่มตอบหน้าตายด้าน
"คุณก็เปิดผับนี่คะ ทำไมต้องลำบากมา" เธอเห็นไม่ตรงกันกับเขา เพราะเหตุผลจากเจ้าของตักแกร่งช่างฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
"งั้นเหรอหึ" เคเดนแค่นเสียงขบขัน โดยที่ใบหน้าคมยังคงเรียบตึงแฝงความน่าเกรงขามอยู่ตลอดเวลา หญิงสาวถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ได้แต่จำยอมนั่งบนตักเขาต่อไป จนกว่าเขาจะพึงพอใจ
"แหม น้องดูไม่ออกเหรอว่ามันมาเฝ้าน้องทำงานน่ะ" เพื่อนคนนึงกล่าว
"หุบปากไปเลยพวกมึง ไม่ใช่สักหน่อย"
เมื่อเวลาล่วงเลยไปเรื่อย ๆ เคเดนที่เมาจนได้ที่ มาเฟียหนุ่มก็ล้วงเข้ามาจับทุกซอกกระเบียดนิ้ว เขาลูบคลำสัดส่วนของเธอด้วยความเอาแต่ใจ ทับทิมเองก็คอยชักมือปลาหมึกนั้นออก แต่เขาก็ยังคงล้วงเข้ามาในตัวเธอใหม่
"คุณเคเดนคะ เมาแล้วก็ห้ามหื่นใส่คนอื่นนะคะ" เธอรีบปรามฉับพลัน เพราะเขากำลังสอดนิ้วเข้าไปในร่องคับแคบของเธอ หนำซ้ำบนโต๊ะไม่ได้มีแค่เขาสองคน
"เธอไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย" คนเมาว่า
"แล้วทิมเป็นอะไรล่ะคะ" ทับทิมถามกลับเอือมระอา ไม่ได้คิดมากต่อคำถามของเจ้าตัว สายตาเธอกับเขาสบประสานกันเป็นหนึ่งเดียวเนิ่นนาน ปากหยักเจ้าของเสียงทุ้มทรงเสน่ห์จึงเอ่ย
"เป็นเด็กคนโปรดของฉัน!" เธอนิ่งอึ้งทันที
"คุณผู้หญิงรินเหล้าให้ลูกค้าสิครับ" ธันวาเอ่ยทีเล่นทีจริงบอกเจ้าหล่อนบนตักของเคเดน ซึ่งตอนนี้จ้องกันตาเป็นมัน เธอจึงสะดุ้งได้สติครั้นมีใครบางคนขัดจังหวะความหวั่นไหวของเธอ
"นี่ค่ะ" ทับทิมจัดการเทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใส่แก้ว พร้อมน้ำแข็งก่อนจะยื่นออกไปตรงหน้าให้ลูกค้าหนุ่มตามหน้าที่อย่างรู้งาน
ธันวาหลุบตามองเรียวมือเล็กขาวผ่องนั้นก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายข้างมุมปากเพียงเสี้ยววิ แล้วไปคว้ารับแก้วเหล้า แต่จังหวะนั้นเขากลับจับมือเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทับทิมยื้อแย่งอยู่นานสองนาน จนกระทั่ง...
เพล้ง!
เคเดนเอื้อมมือมาดึงเอาแก้วเหล้าในมือของคนทั้งคู่ที่แย่งกันไปมาจนน่ารำคาญสายตา พอคว้ากำแก้วเหล้าตัวต้นเหตุได้ เขาจึงเขวี้ยงแก้วกระเบื้องใส่หน้าธันวาอย่างตั้งใจ
แต่ธันวามีไหวพริบดี ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบได้ทัน แก้วเหล้าใบนั้นจึงเฉียดหน้าเขาไปตกแตกเป็นเศษแก้วแหลกละเอียดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลสายตาพวกเขา...หากหลบไม่ทันไม่อยากคิดสภาพของธันวาเลยสักนิด
ความโหดร้ายของเคเดนทำให้ทับทิมตัวแข็ง กลัวต่อความโหดร้ายอีกอย่างหนึ่งที่พบเจอด้วยตาตัวเอง เขากล้าทำร้ายทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนหรือคนรู้จัก
"ถ้ากลัวก็อย่าอวดเก่งใส่ฉัน" น้ำเสียงเหี้ยมกระซิบข้างใบหูขาวสะอาด ทำเอาทับทิมสะดุ้งตกใจ ใบหน้าหวานซีดเผือดเป็นทุนเดิมหันมามองเขา ซึ่งใบหน้าคมหล่อเหลานิ่งเรียบนั้นบ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจังตามที่พูดได้ดี
"เล่นแรงจังวะไอ้ห่ากูแค่หยอกนะเว้ย!" ธันวายักไหล่ยียวนกวนประสาทไม่เลิก การกระทำแบบนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเคเดนไม่สบอารมณ์ ซึ่งวันนี้ธันวาทดสอบบางอย่างกับเคเดนสำเร็จ...มันหวงเด็ก
"ถ้ามึงยังเล่นไม่เลิกกูฆ่ามึงแน่ไม่ว่าจะเพื่อนหรือใครหน้าไหน"
"ก็เด็กมันน่าขย้ำ" ธันวาไม่หยุดต่อความสหายหนุ่มที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมหา'ลัย ผ่านหลายประสบการณ์มาด้วยกันตั้งมากมาย
"มึงไม่มีสิทธิ์ถ้าเธอคนนั้นเป็นเด็กกู!" น้ำเสียงทุ้มแข็งกร้าวเมื่อแค่นออกมา ชายหนุ่มเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก กระชับกอดเอวบางของคนบนตักแน่นจนเธอเจ็บจนหน้าเหยเก
"อ๊ะ คุณเคเดน ทิมว่าคุณพอเลยค่ะ เลิกพูดเรื่องเป็นเด็กคนนั้นคนนี้เลย ทิมไม่อยากเป็นนักหรอก" ทับทิมปฏิเสธ เธอไม่ได้ยินยอมเป็นเด็กเลี้ยงของเขาสักหน่อย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีแต่เขานั่นแหละยัดเยียดตำแหน่งเด็กเลี้ยงให้เธอ ทว่าไม่ทันได้ถกเถียงมากนัก มาเฟียหนุ่มก็รั้งท้าทายเธอลงมาบดจูบสั่งสอน เพราะเธอพูดไม่เข้าหูเขา