บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 หาเรื่อง

"อ๊ะ!" หญิงสาวบนเตียงนอนครางประท้วงออกมาเสียงแหบแห้ง ครั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่

ร่างอรชรขยับตัวลุกนั่งพิงแผ่นหลังกับหัวเตียงนอนด้วยท่าทางทุลักทุเล ก่อนจะเบ้หน้าเจ็บเมื่อการเขยื้อนตัวนั้นส่งผลให้ช่องทางสงวนของเธอที่โดนศึกหนักแสดงอาการเจ็บจี๊ดขึ้นมา

เมื่อคืนถึงแม้สติเธอจะพร่าเลือน ครางลากเสียงยาวไม่ได้ศัพท์ แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับฉายในหัวเด่นชัดว่าเธอโดนเขาจับลงโทษด้วยวิธีเถื่อนดิบขนาดไหน

รอบแรกเริ่มขึ้นในห้องน้ำ รอบต่อมาเริ่มในห้องทำงานบนโต๊ะกระจก จนสุดท้ายเพิ่งมาจบที่เตียงนอน

มิหนำซ้ำเขาไม่ได้ใช้เครื่องป้องกัน กลีบดอกไม้ของเธอถูกเคลือบด้วยน้ำกามขุ่นจึงติดเป็นคราบขาว ๆ เกิดความเหนียวเหนอะ รู้สึกไม่สดชื่นเอาเสียเลย

พอคิดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว เธอก็มุ่ยหน้า พลางก่นด่าเขาในใจ พลางกลอกกลิ้งสายตามองไปรอบ ๆ ห้องเมื่อบนเตียงที่เคยมีเขานอนขนาบข้างนั้นว่างเปล่า

"ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำซะ" น้ำเสียงทุ้มดุเอ่ยสั่ง ทำเอาทับทิมดันหันไปสบสายตาคมพอดิบพอดีหวาดหวั่นในใจ จนต้องรีบเบือนหน้าหนีไอกระแสอันตรายที่แผ่กระจายรอบตัวเขา ส่อถึงความไม่เป็นมิตรต่อเธอเป็นอย่างมาก

"ยะ...อย่าลืมโอนเงินเข้าบัญชีของทิมนะคะ" กำกับอีกรอบเพราะกลัวว่าเขาจะลืม ดวงตากลมซุกซนลอบมองคนตัวโต ซึ่งนั่งไขว้ขาบนโซฟาด้วยท่าทีสุขุมในชุดสูทสีดำทมิฬ แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

สาวเจ้าตัดสินว่าเขาดูดีมาก หากในมือหนานั้นยอมทิ้งบุหรี่ซิการ์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเขา แต่เพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวตอนที่ร่างกายเธอยังเมื่อยล้า และบอบช้ำอยู่ ทับทิมจึงสะบัดหัวไล่ความคิดจะห้ามปรามเขานั้นทิ้ง

"บอกเลขบัญชีมา" ปากหนักเอ่ยขึ้นหลังจากพ่นควันโขมงออกมาจากโพรงปาก ท่าทีเขาไม่ยี่หระขณะล้วงมือเข้าไปหยิบสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกง

ทับทิมประหม่าอีกครั้งเมื่อไม่มีทางเลือกว่าควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้บนตัวเธอไม่มีเสื้อผ้าปกปิดเลยสักนิด จนสุดท้ายคว้าเอาผ้าห่มผืนหนามาคลุมตัว แล้ววาดขาลงจากเตียงเดินเข้ามาหยิบเครื่องมือสื่อสารกับมาเฟียหนุ่ม

ทับทิมกรอกข้อมูลหมายเลขบัญชีพร้อมกดจำนวนเงินที่ต้องการ เธอยื่นมันกลับไปให้เขา อีกฝ่ายก็รับไปแต่โดยดี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอก

"ลูกน้องฉันกำลังติดต่อธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีเธอ"

"ขอบคุณค่ะ อุ๊ย!" ทับทิมยกมือไหว้อย่างลืมตัวด้วยความดีใจ เป็นผลให้ผ้าห่มคลุมตัวเธออยู่ร่วงหล่นไปกองอยู่ปลายเท้าเรียว ทับทิมรีบยอบตัวนั่งดึงมันขึ้นมาปกปิดเนื้อตัวอีกที อย่างเหนียมอาย

"อย่ายั่วให้มันมาก" ความไม่ได้ตั้งใจจะยั่วของเจ้าหล่อน กลับสร้างอารมณ์พลุ่งพล่านในกายชายหนุ่มได้เสียอย่างนั้น

ติ้ง!

ทว่าท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด คนตัวเล็กเกิดความกดดันครั้นยืนอยู่ต่อหน้าเขา แถมชายหนุ่มยังจ้องเธอเขม็ง ทำเอาเธอเก็บอาการไม่ไหวเกิดความกลัวตัวสั่น เสียงข้อความจากสมาร์ตโฟนของทับทิมแผดเสียงดังขึ้น ณ ขณะนั้น หญิงสาวจึงได้สติรีบหอบผ้าเดินตัวปลิวไปหาต้นเสียงหมายเหตุ

ทับทิมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งวางไว้ข้างหัวเตียงกับพวกชุดเสื้อผ้านักศึกษาตัวเดิม เพิ่มเติมคือเขาสั่งแม่บ้านซักรีดมาให้เรียบร้อยแล้ว แต่มีแผงยาบางชนิดวางไว้ข้าง ๆ กันซึ่งเธอไม่คุ้นตากับยาชนิดนั้นนัก ทว่าเธอกลับมาให้ความสนใจต่อข้อความการแจ้งเตือนบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเล็ก

"ยะ...ยี่สิบล้านเหรอคะ" ใบหน้าสวยสง่าเอี้ยวหน้าไปถามชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ด้วยความนิ่งอึ้ง อีกฝ่ายกลับไม่ได้ตอบเลือกอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างไม่ใส่ใจต่อความตกอกตกใจของคนตัวเล็กนัก

"ไปอาบน้ำซะ อย่าลืมว่าเธอกับฉันยังต้องมีมากกว่ารอบนึงหรือสองรอบ ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น เพราะฉันยังอยากได้เธอต่อ" เขาสั่งเสียงเข้ม ข้อนี้ทับทิมไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก  ลึก ๆ ในใจรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ อย่างแปลกประหลาดต่อคำพูดเขา

"ทิมเข้าใจค่ะ" ทับทิมคลี่ยิ้มจาง ๆ ขณะตอบกลับเขา ต้องยอมจำนนต่อเขา

"ดี!" เขากดเสียงต่ำเน้นย้ำมันอีกครั้ง

ทับทิมอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบออกมาจากห้องน้ำ และติดต่อไปหาเพื่อนสนิท ที่ป่านนี้คงตามหาเธออยู่แน่ ๆ

หญิงสาวส่งข้อความไปหาแพรพลอยพร้อมกับโอนเงินจำนวนหลักแสนเข้าบัญชีของแพรพลอย เพื่อให้นางนำไปจัดการเคลียร์ปัญหากับคู่กรณี ถึงแม้นางจะส่งข้อความถามหลายประโยคเพราะความสงสัย ทับทิมกลับทำเพียงแค่อ่านข้อความ ไม่ได้คิดจะตอบกลับไปไขข้อข้องใจนาง

เธอยิ้มออกมาขณะส่งข้อความไปบอกแพรพลอยด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเธอก็หาเงินมาได้ ถึงแม้จะด้วยวิธีที่ไม่น่าภาคภูมิใจเท่าไหร่ก็ตาม

"จะยืนยิ้มอยู่อีกนานไหม!" มาเฟียหนุ่มตะเบ็งเสียงกร้าวไม่สบอารมณ์นักใส่หน้าเธอ เขาเดินเข้ามาใกล้ร่างอรชรในชุดนักศึกษา

ทว่าทับทิมเลยรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าตามเดิม ชายหนุ่มมองตามการกระทำลุกลี้ลุกลนนั้น พลางขมวดคิ้วเข้มฉับพลัน ทับทิมมองไม่ออก อธิบายไม่ได้ว่ายามนี้ชายหนุ่มเบื้องหน้ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่

"ทะ...ทิมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะคะ ทิมมีเรียนเช้า ต้องไปทำงานต่อตอนเย็นด้วย" ทับทิมรีบขอสละตัวออกมาจากจุดอันตรายทันที เมื่อหญิงสาวหุนหันหมุนตัวออกจากห้อง เขากลับดึงรั้งเรียวแขนเธอเอาไว้ได้ทัน ทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดชะงัก

"ไปกับฉัน ฉันจะไปส่ง"

"มะ...ไม่ดีกว่าค่ะ ทิมไปเองดีกว่า เสียเวลาคุณเคเดนซะเปล่า ๆ ทับทิมส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน จนได้รับเสียงกระแทกลมหายใจหนัก ๆ จากมาเฟียหนุ่ม

"ฉันผ่านนั้นพอดี คงไม่เสียเวลาอะไรขนาดนั้น" เส้นทางมหา'ลัยของเธอเป็นทางเดียวกับทางไปบริษัทพอดี

"คุณเคเดนจะไปไหนเหรอคะทำไมผ่านเส้นทางมหา'ลัยที่ทิมเรียนอยู่"

"ไปทำงาน" เขาตอบห้วน ๆ สั้น ๆ

นอกจากธุรกิจสีเทาอย่างการเป็นมาเฟีย ค้าอาวุธเถื่อน ค้ายาและสินค้าอีกมากมายที่ผิดกฎหมาย

ธุรกิจสีขาวชายหนุ่มก็ทำ เขาเปิดบริษัทนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย เพื่อปกปิดด้านมืดของตัวเองต่อสังคมภายนอก

เคเดนมีชื่อเสียงทางสังคมเป็นอย่างมาก ผู้คนนับหน้าถือตา ชื่นชมในความสามารถของเขา ไม่มีใครไม่รู้จักเคเดน ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย

"ละ...แล้วทำงานที่ไหนคะ รู้จักมหา'ลัยที่ทิมเรียนอยู่ได้ยังไง" คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม ดวงตากลมหรี่ตาลงมองเขาไม่คาดสายตา เพื่อค้นหาเอาคำตอบจากปากเขา

"ถามมากความจริง ๆ" แต่น้ำเสียงดุจากเขาที่เปล่งออกมาทำให้ทับทิมจำเป็นต้องละทิ้งความอยากรู้ชั่วคราว

"ทิมแค่สงสัยค่ะ" แก้ต่างด้วยสีหน้าสลด

"สงสัยทุกเรื่องนั่นแหละเธอ!" มาเฟียหนุ่มตำหนิคนอายุน้อยกว่า

"ถ้างั้นทิมก็อย่าไปส่งทิมเลยค่ะ ทิวไปเองดีกว่าค่ะ" ทับทิมรีบหาข้ออ้างหนี เพราะยิ่งอยู่กับเขาเธอยิ่งเกิดอาการเกร็ง และรู้สึกอึดอัดต่อความไร้สัมพันธไมตรีของเขา

"ฉันจะไปส่ง!"

เคเดนขู่เสียงแข็งเกรี้ยวกราด พร้อมตวัดหางตาดุดันมองเธอเพียงนิด ก่อนเขาจะหยัดกายยืนเต็มความสูง กระชับสูทตัวนอกเพื่อจัดระเบียบความเรียบร้อย แล้วหมุนตัวนำเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้คนตัวเล็กยืนนิ่งอ้ำอึ้งอยู่ที่เดิม

จนสุดท้ายทับทิมก็ได้จำใจติดรถของเขา เพราะถูกเขาบังคับใช้อำนาจเหนือกว่าขู่เข็ญ

ตลอดระยะทางที่นั่งอยู่ในรถลีมูซีนคันหรู โดยร่วมทางไปกับมาเฟียหนุ่ม ทับทิมซึ่งนั่งขนาบข้างกับเคเดนของฝั่งผู้โดยสาร เพราะบอดี้การ์ดมือขวาคนสนิทของเขาเป็นสารถี

ภายในรถเงียบงันเสียจนทับทิมเกิดความไม่เป็นตัวเอง ลอบมองเคเดนสลับกับมองมือขวาด้านหน้าพวงมาลัยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เมื่อได้รับสายตาพิฆาตจากพวกเขา หัวใจดวงน้อยกลับกระตุกวูบ รีบละสายตาหนีไปมองทางอื่นทันที

"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง แล้วก็อยากขอความเห็นใจจากคุณหน่อยค่ะ อย่าเรียกใช้ทิมในเวลาที่ทิมไม่สะดวกนะคะ ทิมมีหลายอย่างในชีวิตต้องจัดการ" เมื่อถึงตึกหน้าคณะบริหาร ทับทิมรีบหันไปขอบคุณเขาที่เสียสละเวลามาส่ง ถึงแม้เธอจะไม่ได้ต้องการความหวังดีนั้นจากเขาก็ตาม

ชายหนุ่มไม่ตอบเขาปรายมองเธอไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็เมินเฉยใส่เธอ หญิงสาวทอดถอนลมหายใจออกมา พลางคิดในใจว่าไม่ควรออกปากขอบคุณคนไร้มารยาทแบบเขาเลย

เมื่อคนข้างกายไม่พูดไม่กล่าว ครั้นใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนเต็มที ทับทิมจึงหมายจะคว้าเปิดประตูลงไปเอง ทว่ามือขวาของมาเฟียหนุ่มกลับรีบวิ่งลงจากรถ เดินอ้อมมาเปิดประตูให้ทับทิม สร้างความมึนงงแก่เธอเป็นอย่างมาก

"ขอบคุณนะคะ" เธอเกรงใจและทำตัวไม่ถูกเลยยกมือไหว้ขอบคุณ แถมยิ้มอ่อน ๆ ส่งให้ ลูกน้องมือขวาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน

ครั้นทับทิมกวาดสายตามองบริเวณรอบข้างกลับพบว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องใส่ใจต่อเรื่องของเธออยู่ รวมไปถึงสามสาวแก๊งขี้อิจฉาเธอด้วย เธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายอีกครั้งเมื่อพวกหล่อนส่งสายตาจิกกัดมาทางเธอ

"ไปได้แล้ว อย่าลืมกินยา" เสียงเข้มสั่งกำชับไม่หยุด เพราะความไม่อยากพลาดกับผู้หญิงขายตัวแบบเธอ ครั้นเธอยังยืนนิ่งบ่นงึมงำคนเดียวไม่ยอมเดินเข้าตึกคณะเสียที

"ทิมรู้แล้วค่ะ" ทับทิมกระชับสายกระเป๋าแน่นเพื่อเรียกความมั่นใจให้แก่ตัวเอง ก่อนจะหันหลังเดินเข้าตึก โดยมีสายตาคมกริบมองตามแผ่นหลังบางไม่ละสายตาไปไหน

"เมื่อกี้ใครมาส่งเธอล่ะ เสี่ยที่ไหนเหรอ" กลุ่มเพื่อนสาวคนไม่สนิทเอ่ยถามอย่างยียวนกวนประสาท พวกหล่อนเดินเข้ามาหาเรื่องทับทิม เธอจึงหยุดฝีเท้ามองพวกหล่อนด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ

เพราะเห็นว่าเธอรถยนต์ลีมูซีนคันหรูขับมาส่งเธอ แถมมีคนเปิดประตูให้ก่อนลงมาจากตัวรถอีกด้วย และคงไม่ใช่รถของที่บ้านเด็กกำพร้าพ่อแม่แบบทับทิมแน่นอน เพราะเพิ่งทราบข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่าเธอหนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรม ไม่มีแม้เงินทองติดตัวออกมาด้วยซ้ำ

พวกหล่อนเข้าใจแบบนั้นมาโดยตลอด หากทับทิมไม่เป็นเด็กเสี่ย เธอก็ไม่มีทางได้นั่งรถดี ๆ มาเรียนหรอก คนแบบทับทิมน่ะนั่งมอเตอร์ไซค์เศษเหล็กตัวเก่า ๆ ก็เหมาะสมกันแล้วล่ะ

แต่ไม่ทันที่ทับทิมจะได้อ้าปากโต้แย้ง หรือเปลี่ยนความคิดเพื่อนสาวคณะเดียวกันที่คอยตอกย้ำซ้ำเติมทับทิมมาโดยตลอด

หนึ่งในแก๊งสามสาวที่เรียนคณะเดียวกันกับเธอแต่อยู่คนละกลุ่มก็รีบชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน ด้วยความขบขันทับทิมราวกับเธอเป็นตัวตลก

"คงจริงสินะ เป็นเด็กกำพร้าโดนพ่อแม่ทิ้งยังไม่พอ ยังต้องขายตัวหวังรวยทางลัดอีก ฮ่า ๆ!"

"แล้วยังไง เธอเห็นว่าฉันได้ดีกว่าทุกอย่างเหรอเลยอิจฉางั้นสิ" ทับทิมส่ายหัวน้อย ๆ เบื่อหน่ายพวกหล่อนที่มักจะแซะเธอด้วยปมด้อย หรือสิ่งที่ทับทิมไม่มีวันมีเหมือนพวกหล่อน

ถึงแม้เธอเคยมีความคิดอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง เธอพอใจในสิ่งที่เธอเป็นอยู่ พวกหล่อนต่างหากที่ไม่พอใจความเก่ง และความสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ของทับทิม จึงคอยบั่นทอนเธอด้วยคำพูดไม่รื่นหูอยู่เสมอ

"ทำไมฉันต้องอิจฉาแกด้วย" พวกหล่อนไม่ยอมตะคอกเสียงดังจนนิสิตนักศึกษาบริเวณนี้ต่างหันมามองเป็นตาเดียว

"ถึงแม้พวกเธอจะเพียบพร้อมทางฐานะ ทางหน้าตาและสังคม แต่พวกเธอสู้ฉันไม่ได้แน่ ถ้าวัดเรื่องความสามารถ เอาเวลามาด่าฉันหัดไปอ่านหนังสือเตรียมสอบบ้างสิ..." ทับทิมยิ้มเยาะน้อย ๆ ด้วยความพอใจเมื่อเธอสามารถทำสามสาวตรงหน้าโกรธจนหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นได้ขนาดนั้น เธอจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้ เพราะอาจจะมีเรื่องกันจนใหญ่โต

"กรี๊ด!!" เสียงแสบแก้วหูกรีดร้องออกมาพร้อมกันทั้งสามคนไล่หลังของทับทิม เมื่อเธอเดินออกมาจากจุดนั้น ซึ่งบ่งบอกอารมณ์ตอนนี้ของแก๊งสามสาวได้เป็นอย่างดี คงอยากจะฉีกเลือดฉีกเนื้อกันเต็มทีสินะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel