ตอนที่ 10 ใจร้าย
มือหนาบีบคางกลมโค้งของทับทิมแน่น เขาใช้แท่งเนื้อขนาดใหญ่ตบริมฝีปากอวบอิ่มหนัก ๆ ดวงตาปรือรื้นน้ำตามองสิ่งใหญ่โตด้วยความหวั่นไหว แก้มขาวแดง ซึ่งตอนนี้มองไม่ออกแล้วว่าแดงเพราะความอายหรือความเจ็บของแก่นกายที่ตบลงมาตามแก้มเธอ
ดวงตาคมแข็งกร้าวจากอีกฝ่ายส่งมาบังคับขู่เธอ เพื่อให้ยอมทำตาม ความหวาดกลัวเข้าครอบงำ หวังว่าเขาจะเห็นใจเธอบ้างสักนิด หญิงสาวจึงเปิดปากรับส่วนของเขาเข้ามาในโพรงปากอุ่นนุ่มจนมิดลำอย่างกระอักกระอ่วน
“อื้อ”
พร้อมใช้มือชักกายใหญ่ไปพร้อม ๆ กับใช้ริมฝีปากปลุกเร้า ผละริมฝีปากเพื่อเขยื้อนขึ้นมาลากลิ้นเลียส่วนหัวเห็ดทีละนิดละน้อย ละเมียดชิมน้ำรักเปื้อนเลอะบริเวณส่วนปลายอย่างเงอะงะไม่ประสา จินตนาการในหัวเพื่อปลอบใจตัวเอง ข่มความหวั่นกลัวว่าความใหญ่โตที่กุมอยู่ในอุ้งมือเป็นเพียงไอติมแท่งโปรด
"อืม!" ทับทิมช้อนมองสีหน้าพึงพอใจของอีกฝ่ายผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว เมื่อเห็นว่าเขาทำเสียงกัดปาก เธอจึงเริ่มดูดกลืนทีละส่วนจนกระทั่งมิดโคนอีกหลาย ๆ ครั้ง
ชายหนุ่มอัดสะโพกเข้าหาโพรงปากอ่อนนุ่มจนเธอดันหน้าขาเขาเพื่อถอนออก เคเดนไม่อาจทนไหวครั้นถูกเล้าโลมจนเตลิด มือหนากดท้ายทอยของหญิงสาวอมเข้ามาลึกกว่าเดิม กดแช่ท่อนเอ็นไว้อยู่แบบนั้นเป็นเวลานาน ลำยาวจุกลูกกระเดือกทำให้เจ้าหล่อนสำลักจนตาแดง แต่ก็ข่มความกลัวเมื่อเขาเอ่ยสั่งเสียงแหบพร่า
"ย้ำตรงนั้นอีกหน่อย กำลังดี..."
บางจังหวะเคเดนกระแทกกระทั้นใส่โพรงกระพุ้งแก้มของเธออย่างรุนแรง เขาก้มมองแก้มกลมที่อูมนูนลำท่อนใหญ่ เธอเริ่มคุ้นชินต่อแท่งเนื้อ จึงเม้มปากเพื่อซ่อนฟันที่จะทำให้เขาเจ็บ
แต่ความไร้ประสบการณ์นั้น ไม่ว่าจะพยายามปรับตัวเท่าไร ฟันของเธอก็เป็นปัญหาจนได้ มันขูดกับส่วนปลาย จนมาเฟียหนุ่มเปล่งเสียงคำรามต่ำเพราะเสียวกระสัน รู้สึกถึงความต้องการพุ่งสูงกับความไร้เดียงสาของเธอขึ้นเรื่อย ๆ เสียอย่างนั้น
ไฟราคะโหมซัด อารมณ์ชายหนุ่มถูกริมฝีปากนุ่มอุ่นกระตุ้นจนเอ่อล้น เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกเมื่อถึงจุดสุดยอด
“อ้า!"
มือหนาสอดเข้ามาในกลุ่มผมยาวสลวย ก่อนจะกดยึดศีรษะเธอไว้มั่น แล้วกระแทกความใหญ่โตเข้ามาใส่เธอจนคับแน่นไปทั้งปาก เอวสอบหนาจัดการกระแทกใส่ระรัวด้วยจังหวะเร็ว ๆ ท้ายที่สุดน้ำเสียงทุ้มหลุดครางออกมาพร้อมกับปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นเข้าไปให้เธอได้ลิ้มชิมรสชาติคาว ๆ นั้น
"แค่ก ๆ!" เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ ทับทิมก็สำลักน้ำมากมายที่พุ่งใส่แบบไม่อาจเลี่ยงได้เธอเลยจำใจกลืนกินมันไปทุกหยาดหยด สายตารื้นน้ำตามองมาเฟียหนุ่มอย่างตัดพ้อ เขาใจร้าย และไม่ปรานีเธอเลยสักครั้ง
"นอนลงไปซะสิ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเผด็จการอีกครั้ง ทับทิมมองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก เขาควรหยุดเพียงเท่านั้นไม่ใช่หรือ มือเรียวยาวยกขึ้นมาเช็ดคราบขาวขุ่นตามริมฝีปากอวบของตัวเอง พลางส่ายหน้าเชิงไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
"ฉันบอกไปแล้วว่ายังไง" มาเฟียหนุ่มบอกเสียงไม่สบอารมณ์นัก น้ำตาเธอที่ไหลพรากอาบพวงแก้มใสไม่สามารถทำให้เขายอมหยุดความปราถนาลงเลยสักนิด กลับเพิ่มพูนมากขึ้น และตื่นเต้นที่ได้รังแกใครสักคนให้เจ็บปวดได้
"อึก!" ทับทิมพยายามกลั้นเสียงสะอึกสะอื้น ร้องไห้จนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เธอกลัวเขามากกว่าเดิมเมื่อเคเดนผลักหัวไหล่มนอย่างแรง ทำให้ร่างกายบอบบางของเธอล้มลงไปนอนบนเตียงแต่โดยดี
"คะ...คุณเคเดนจะทำอะไรทิมต่อคะ" หญิงสาวผงกหัวขึ้นมาถามเมื่อเขายอบตัวนั่งบริเวณปลายเตียง ส่วนของใบหน้าหล่อเหลาก้มมองไปจ่อตรงกลางระหว่างขาเรียวขาวผ่อง ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ทับทิมเป็นอย่างมาก
"เห็นหน้าเธอแล้วอยากเอาตลอดเลยว่ะ!" ทับทิมสะอึกต่อคำพูดร้ายกาจที่บาดลึกถึงหัวใจของเธอ
สติที่เริ่มเลอะเลือนก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง ครั้นเคเดนจับขาเรียวทั้งสองข้างพาดบ่าแกร่ง มือหนาจัดการเลิกชุดเดรสกระโปรงสั้นขึ้นไปกองไว้เหนือเอวเพรียว ตอนนี้ท่อนล่างจึงหลงเหลือเพียงกางเกงในตัวเล็กปกคลุมของสงวนเอาไว้แบบหมิ่นเหม่
"อีกแล้วหรอคะ" เจ้าหล่อนไม่ไว้ใจ ก้มหน้าลงมามองชายหนุ่มที่กำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างกับท่อนล่างเธอ
"แน่นอน"
"ตะ...แต่...ทิม" ทับทิมแย้ง ถึงแม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นจะติดสั่น เพราะกลัวเขา
"ไม่มีแต่"
"ถ้าย้อนกลับไปได้ ทิมก็อยากจบทุกอย่างแค่วันนั้นจริง ๆ"
"ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นกับเธอ ฉันยังอยากให้ไปต่อ" คนเจ้าเล่ห์ ยกยิ้มมุมปากด้วยความเหนือกว่า จากนั้นก้านนิ้วแกร่งจึงจัดการเบี่ยงกางเกงในผ้าเบาบางสีเนื้อไว้ด้านข้าง
"หยุดนะ ทิมไม่ต้องการ!" ความงามของดอกไม้สีชมพูระเรื่อไร้ซึ่งแพขนปรากฏต่อสายตาคมดุดันที่จดจ้องมันอย่างคุกคาม ทับทิมจิกกำมือตัวเองแน่นจนสั่นระริก เพราะเขายังรั้น
หนำซ้ำจมูกโด่งก็ก้มลงไปสูดดมความสาวที่เขาได้ครอบครอง การกระทำจาบจ้วงไม่ทันให้เจ้าของร่างผู้โดนกระทำนั้นตั้งตัว ทับทิมร้องปฏิเสธตกใจรีบเบียดขาเข้ากัน เพื่อปกปิดความเป็นสาว
"อย่างงั้นเหรอ!" คิ้วหนาเลิกขึ้นเชิงถามท้าทาย เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะศีรษะจะก้มมองมาสนใจกลีบดอกไม้งาม ฝ่ามือหยาบกร้านจับขาเรียวสองข้างกดแนบเตียงนอน จนเธอไม่สามารถดีดดิ้นขัดขืนได้
ส่วนของดอกไม้ที่แยกออกเป็นสองชั้นค่อย ๆ เบ่งบานออกเผยให้เห็นถึงส่วนลึกลับมากกว่านั้น เม็ดกระสันชูชันขึ้นมาเด่นตรงหน้าชายหนุ่ม ช่องโหว่แยกบวมเป่งกระตุกตอบรับยามอีกฝ่ายลงลิ้นแกร่งเปียกชื้นเลียรอบ ๆ ร่องรัก
"อื้อ!" หญิงสาวอดไม่ไหว เธอไม่สามารถกักเก็บอารมณ์ภายในกายที่ถูกกระตุ้นได้อีก ถึงแม้เธอจะไม่มียินยอม แต่เอวกลับแอ่นขึ้นสูงเด่นกว่าเตียงนอน สู้รับลิ้นสากชิ้นที่ตวัดเลียน้ำเมือกใสซึ่งผลิตออกมาไม่หยุดหย่อน เสียงกระทบน้ำแฉะดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเสียงของหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนจับจังหวะไม่ได้
ยิ่งเขาใช้ปลายลิ้นชอนไชเข้ามาในตัวเธอลึกเท่าใด ท้องน้อยยิ่งร้อนวูบไหวมากขึ้น หน้าท้องแบนราบเกร็งกระตุก เนื้อตัวกลับอ่อนระทวย ร่อนตัวส่ายไปมา เผลอแอ่นเอวเร่า ๆ สู้ลิ้นมากประสบการณ์อย่างลืมอาย
"หึ!" ปฏิกิริยาน่าขำขันนั้นอยู่ในสายตาคมกริบตลอด เขาแค่นหัวเราะเยาะหยันต่อการกระทำของเธอ แล้วเลื่อนใบหน้าขึ้นมา ใช้ริมฝีปากนุ่มหยุ่นเม้มเอาปุ่มกระสันที่แข็งเป็นไต
ความร้อนรุ่มนั้นทำให้หญิงสาวแทบหลั่งน้ำตา ยอมรับได้เต็มปาก ว่ายามนี้ความรู้สึกต้องการท่วมท้นจนสติกู่ไม่กลับ ปนเปไปกับความสับสนภายในใจ เพราะถูกพิษจากไข้ครอบงำ อารมณ์จึงอ่อนไหวง่ายกว่าปกติ เพียงถูกชักนำด้วยฝ่ามือหนาสัมผัสลงบนกลางกาย เธอก็ไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้อีก
"อ้า!" นิ้วกลางกดเข้าไปด้านในโพรงเนื้อนุ่มฉ่ำน้ำเหนียวเหนอะ แล้วขยับมันเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจังหวะเนิบนาบนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง ทำเอาร่างอรชรดิ้นพล่าน รู้สึกมวนท้อง น้ำเสียงหวานจึงครางระงมออกมาจากลำคอ
ในขณะเดียวกัน ริมฝีปากหยักก็ดูดดึงเม็ดสีระเรื่อ ราวกับคนกระหาย จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และเสียงหยาบโลนเคลือบน้ำหวานจากแรงการจ้วงแทงช่องทางรักของหญิงสาว
"คุณเคเดน ทิมไม่ไหวแล้ว อ๊า!" ท้ายที่สุดหญิงสาวร่างอรชรไม่สามารถต้านทานไฟราคะที่โหมซัดใส่
ดอกไม้งามถูกรังแกด้วยความหนักหน่วง นิ้วแกร่งกระทุ้งเข้ามาจนถึงเยื้อบุบผนังมดลูก ทำให้เธอสะดุ้งเจ็บอยู่บ่อยครั้ง ถึงกระนั้นกลับแอ่นตัว พลางอ้าขากว้าง เพื่อรองรับแรงจากเขา
"อ๊า~" ช่วงลมหายใจเธอติดขัดท้ายสุด มาเฟียหนุ่มเจ้าของนิ้วแกร่งเพิ่มแรงขึ้นเป็นเท่าตัว แถมกระทุ้งนิ้วชักนำอารมณ์เธอให้เสร็จสมด้วยนิ้วเขา ปากหยักซึ่งครอบกัดรังแกเม็ดแข็งเป็นไตยิ่งดึงมันขึ้นแรง ๆ แบบซาดิสม์ เม็ดสีชมพูแทบจะติดออกมาจากปากด้วย
ทับทิมกระตุกเกร็งไปทั้งร่างเมื่อน้ำเหนียวเหนอะถูกปลดปล่อยออกมา สมองเธอว่างเปล่า ดวงตาปรือ กระพือค่อย ๆ ปิดลงด้วยความอ่อนเพลีย ขาเรียวหุบเข้าหากันสั่นเทา
ครั้นเขาปล่อยให้เธอเป็นอิสระ มือเล็กค่อย ๆ เบี่ยงกางเกงในตัวจิ๋วให้เรียบร้อยตามเดิม พร้อมดึงชายกระโปรงลง เพื่อปกปิดส่วนหวงห้าม
"อย่างนี้สิสมกับค่าตัวยี่สิบล้าน...!" มาเฟียหนุ่มพ่นคำพูดเหยียดหยัน ซึ่งเต็มไปด้วยคำดูถูกดูแคลนเธอ ขณะมือกำลังยุ่งกับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนตัว จนร่างกายกำยำนั้นเปลือยเปล่า
"คุณทำไมใจร้าย ไม่เห็นใจคนอื่นได้ขนาดนี้คะ ฮึก ฮื่อ!" เพราะพิษไข้ตอนนี้อารมณ์เธอเลยไม่คงที่ เมื่อสักครู่ยังกรีดร้องด้วยความสุขจากเซ็กซ์จนเปี่ยมล้นอยู่หยก ๆ
ทว่ายามตอนนี้กลับนอนหันข้าง ไม่มองเขา เธอเอาแต่ร้องไห้เจ็บใจตัวเอง ยิ่งเขาดูถูก เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอตัดสินใจผิดตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เอาตัวมาเสนอเขา จนดูไร้ค่า
"ฉันก็เห็นเธอมีความสุขกับมันดีนิ" ร่างสูงโปร่งผุดตัวยืนเต็มความสูง เขาวาดขาขึ้นมาบนเตียงเดียวกับเธอ ล้มตัวนอนเอียงข้างตามร่างอรชร แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ นำแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมจะสอดใส่ถูไถบริเวณแก้มก้น
"คะ...คุณเคเดน!" ทับทิมเรียกชื่อเขาเต็มเสียงอย่างไม่พอใจต่อการกระทำน่ารังเกียจจากอีกคน เธอเอี้ยวหน้ามองเขาตาขวาง จังหวะนั้นชายหนุ่มจึงจับยึดเอวคอดเอาไว้แน่น แล้วดึงกางเกงตัวในของเธอทิ้ง พลางกระทุ้งสะโพกใส่ร่องแคบไม่ออมแรง
"กรี๊ดดด!" เคเดนกัดกลีบปากด้วยความเสียวซ่าน ตั้งแต่ส่วนหัวจนสุดถึงโคนลำยาว ช่องสวาทบีบรัดตัวตนเขาแน่นขึ้น พร้อมกับร้องเสียงดังลั่น เจ็บปวดเนื่องจากช่องทางคับแน่นนั้นฉีกขาดเป็นทางยาว
เลือดสีแดงฉานเคลือบท่อนเอ็นอุ่นไม่สามารถทำให้เขายอมใจอ่อนหยุดกระทำเธอ มาเฟียหนุ่มเริ่มขยับทำรัก โดยไม่รีรอให้เธอปรับตัว ทำนองเพลงรักร้อนระอุเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้จะมีแอร์เย็น ๆ ช่วยคลายความร้อนในตัว กลับช่วยไม่ได้มากนัก ยิ่งเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซะมากกว่า เคเดนกระทำรุนแรงต่อเธอเกินกว่าจะรับไหว จวบจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นเช้าวันใหม่ และคนป่วยที่ไม่อาจฝืนทนได้ก็สลบไป
"อ๊ะ โอ๊ย!" เปลือกตาสีไข่มุกค่อย ๆ กระพือเปิดในช่วงเช้าวันใหม่ พร้อมกับเสียงร้องเจ็บ เพราะร่างกายระบมช้ำอย่างหนักราวกับโดนรุมโทรม ซึ่งเกิดจากฝีมือของใครบางคน ที่ทำเธออย่างป่าเถื่อน
ใบหน้าสวยไร้เครื่องสำอางเหยเกขึ้นมา ขณะใช้แขนยันตัวลุกนั่งพิงหัวเตียงนอน ท่ามกลางความเหน็บหนาวจากเครื่องปรับอากาศที่ช่วยปลุกเธอให้ตื่นฟื้นจากความอ่อนเพลีย เนื่องด้วยสภาพร่างกายเปลือยเปล่าถึงจะมีผ้าห่มผืนหนาปกคลุมตัวอยู่กลับไม่ได้ช่วยคลายความเย็นนั้นลงได้เลยสักนิด
ดวงตากลมบวมเป่งจากการร้องไห้ทั้งคืนหลุบมองเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยร่องรอยความอัปยศซึ่งตอกย้ำความเจ็บปวดภายในใจเธอได้ดี เขาไม่เคยทะนุถนอม ทุกครั้งที่ทำเรื่องอย่างว่า เขาไม่เคยมีความรู้สึกเห็นใจ กระทำเธออย่างเอาแต่ใจตัวเองโดยไม่สนใจคนรับความเจ็บปวดที่เธอรองรับอารมณ์จากเขาเลย
นั่นทำให้ทับทิมโกรธจนตัวสั่น รีบกวาดสายตามองเจ้าของฝีมือป่าเถื่อนที่ฝากร่องรอยสีกุหลาบเอาไว้ตามตัวเธอ
แต่เมื่อไม่พบใครในห้องนี้เลย ทับทิมจึงละความใส่ใจ รีบหันกลับไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองบนพื้นที่เกลื่อนเต็มห้อง แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ชำระล้างทำความสะอาดร่างกายอันสกปรกซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขุ่นขาว
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสรรพ ทับทิมเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเปิดประตูห้องนอนออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากไข้ขึ้นสูงอีกครั้ง ตัวเริ่มร้อนขึ้นมาก ซึ่งตัวห้องเชื่อมติดกับห้องทำงานของมาเฟียหนุ่ม เจ้าของผับหรูหลายสิบชั้น
เธอปรายตามองคนบนโต๊ะทำงานที่ตื่นขึ้นมาก่อน แถมยังนั่งก้มหน้าขยันทำงาน ไม่มีแม้แต่อากาศเมื่อยล้าต่อกิจกรรมเมื่อคืนเลยสักนิด แถมเปิดทีวีทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู เพราะมีแต่เขากับเธออยู่ในห้องสองคน ทับทิมทำเป็นไม่สนใจ ท่อนขาเรียวกำลังก้าวออกจากห้อง เพื่อกลับบ้าน ทว่าเสียงของเคเดนกลับดังขึ้นครั้นเธอหันหลังให้
"วันนี้เธอไม่ต้องไปเรียน"
"ทำไมคะ ทิมจะไปเรียน!" หญิงสาวเอี้ยวตัวกลับมาถามน้ำเสียติงขุ่นเคือง
"ฉันไม่ให้ไปก็คือห้ามไป" สายตาคมกดลงต่ำมองเธออย่างไร้มารยาท และไม่ปกปิดความคิด คำพูดที่เขาต้องการสื่อถึง
"คุณเคเดนเผด็จการมากไปแล้วนะ"
"เธอกินยาคุมบ้างแล้วหรือยัง" เขาเปลี่ยนเรื่อง นั่นทำให้ดวงตากลมช้ำเบิกโพลงกว้าง เพราะวันนี้ยังไม่ได้กินยาป้องกันเลย เธอลืมไปสนิทใจ ก่อนน้ำเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยสั่งต่อ
"แล้วอย่าลืมลาออกจากงานร้านเหล้านั้นด้วยล่ะ ฉันเลี้ยงเธอได้ ฉันก็เคยบอกไปแล้วนะ"
"มันจะมากไปแล้วนะคะ"
"ถ้ายังทำงานที่นั่นแล้วเผื่อวันหนึ่ง เธอเผลอลืมตัวไปมีอะไรกับลูกค้า แล้วมาโบ้ยว่าลูกในท้องเป็นลูกฉัน เพราะฉันมีอะไรกับเธอ มันคงรับเป็นพ่อได้ไม่สนิทใจนัก หึ"
"ทิมไม่มีวันท้องค่ะ น้ำเชื้อของคุณไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก!" หญิงสาวสบประมาทเขาด้วยความโกรธ ยืนกำหมัดจ้องมาเฟียหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างไม่ยี่หระ เสียจนเธอเป็นฝ่ายหัวร้อนซะเอง