ตอนที่ 11 ข่าวคราว
"หยุดพล่ามปากเก่ง แล้วกลับเข้าไปในห้องซะ!" คราวนี้เขาตวัดดวงตารัตติกาลช้อนมองเธอ ไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด ซึ่งความจริงจังนั้นทำให้ทับทิมรู้สึกกลัว เพราะยามที่อีกฝ่ายโมโหร้าย เขาขาดสติควบคุมตัวเอง และทำทุกอย่างได้โดยไม่รู้สึกผิด
"แต่ทิมต้องไปเรียน" ทับทิมพยายามเป็นฝ่ายใจเย็น เธอใช้เหตุผลเข้าโต้เถียงเขา แต่ครั้นได้ยินเสียงกระแทกลมหายใจหนัก ๆ บ่งบอกความไม่พอใจจากเขาที่กำลังสิ้นสุดลงเรื่อย ๆ ถ้าหากเธอยังดื้อรั้นอยู่แบบนี้อีก
ทับทิมเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ดวงตาร้อนผ่าวมีน้ำตาคลอเบ้าหลุบมองพื้น เพราะเธอกำลังจะร้องไห้ แสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขา
"ร้องไห้แล้วช่วยอะไรได้" ยิ่งเขาพูดตอกย้ำในสิ่งที่เธอไม่อยากยอมรับ น้ำตาเม็ดใหญ่จึงไหลพรากออกมาในที่สุดอย่างไม่สามารถหักห้ามเอาไว้ได้
"ทะ...ทิมอยากมีอิสระ คุณเคเดนทำแบบนี้กับทิมทำไม ทำไมต้องใจร้ายกับทิมขนาดนี้ด้วย" พร่ำเพ้อแกมตัดพ้อต่อความเผด็จการของเขาที่ผูกมัดเธอเอาไว้ใกล้ตัวโดยไม่มีเหตุผล
"เธอนี่มัน!" เขาเขวี้ยงปากกาในมือที่กำลังตวัดเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานทิ้ง ก่อนจะยกขึ้นมาชี้หน้าเธออย่างคาดโทษกับความงอแง ไร้สาระเหมือนเด็กไม่รู้จักโตของคนตัวเล็กตรงหน้า ทับทิมรีบเบี่ยงหน้าหนีไปมองทางอื่น
เพราะคิดว่าตอนนี้ตัวดูน่าสมเพชมากในสายตาเขา ก่อนเรียวแขนเล็กสองข้างจะยกขึ้นมาปาดน้ำตาบนแก้มสองข้างพอลวก ๆ
"แก...อ่านข่าวดู" เมื่อเข้ามาอยู่ในห้อง ทับทิมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางเดินไปทิ้งตัวนั่งตรงปลายเตียง เรียวมือสวยจิ้มพิมพ์ข้อความบนจอส่งไปหาแพรพลอย เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในชีวิต ซึ่งทางแพรพลอยก็อ่านทันที
"ข่าวจริงเหรอ"
'จริงสิ แอบใจหายเหมือนกันไม่มีคนคอยมากัดพวกเราแล้ว...ว่าแต่แกเถอะขาดเรียนอีกแล้วนะเป็นอะไรหรือเปล่า'
"ฉันทำงานหนัก พอดีป่วย วันนี้เลยหยุดเองซะเลย" เป็นอีกครั้งที่เธอเลือกจะโกหกเพื่อนสาวไป
'อ้าวเหรอ ไหวไหม ให้ฉันซื้อข้าว พาไปหาหมอไหม'
"ไม่เป็นไรได้นอนพักก็ดีขึ้นแล้วล่ะ"
'แกดูแลตัวเองด้วยนะ'
"ขอบใจฉันไปล่ะ แค่อยากนอนพัก"
หลังจากทับทิมเอ่ยลาเพื่อนสาวในข้อความบนจอ พออีกฝ่ายได้อ่านข้อความแล้ว ทับทิมจึงปิดหน้าจอโทรศัพท์ลง พร้อมกับทอดถอนลมหายใจอ่อนล้าออกมา จากทับทิมคนธรรมดา มีอิสระ ตอนนี้เมื่อกลองกลิ้งมองไปรอบห้อง
เธอกลับคิดว่ามันไม่ต่างจากกรงขังเลยสักนิด เขาทำเหมือนกับว่าเธอเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งเธอไม่ค่อยชอบนัก มันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการด้วยซ้ำ
"เป็นอะไร" คนนั่งทำงานอยู่ถามเมื่อเห็นอาการเธอ
"ทิมเบื่อค่ะ แล้วก็ใจไม่ดีกับข่าว"
"ข่าวอะไรเอามาดูซิ"
ทับทิมยอมทำตามแต่โดยดี เดินหยิบโทรศัพท์ไปเปิดข่าวที่แพรพลอยเพิ่งส่งมาให้เขาดูตรงหน้า
"หน้าคุ้นนะ เหมือนเห็นยืนคุยกับเธอตอนที่ฉันไปส่ง"
"ใช่ค่ะ กลุ่มนั้นแหละค่ะ"
"คนพวกนี้สนิทกับเธอหรือเปล่า"
"ไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่ทิมจะไปดูเพื่อนค่ะ " คนตัวเล็กกล่าวขึ้นท่ากล้า ๆ กลัว ๆ เนื่องจากเธอกำลังเก็บอาการเลิ่กลั่ก เพราะโกหกเกรงว่าเขาจะจับได้ เธอเพียงต้องการหาข้ออ้างไปจากที่นี่ก็เพียงเท่านั้น
"แต่วันที่ฉันไปส่งเธอ สามคนนี้ไม่ได้มีท่าทีสนิทกับเธอเลยนิ ถ้าบอกว่าเป็นคู่อริกันน่าจะน่าเชื่อถือกว่านะ" มาเฟียหนุ่มเอ่ยในขณะใบหน้ายังราบเรียบไม่ฉายแววอารมณ์ใดออกมา แต่ประโยคพวกนั้นทำเอาทับทิมสะอึก ไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น...เขาจับได้แล้วสินะ
"ตะ...แต่..." ทับทิมไม่ยอมพยายามหาคำพูดขึ้นมาถกเถียง ทว่ามาเฟียหนุ่มกลับเอ่ยเสียงเข่มข่มขวัญแทรกขึ้นมา
"กลับเข้าไปในห้องซะ ตัวเองป่วยจะตายอยู่แล้วยังจะไปห่วงชีวิตคนอื่น!"
'ไม่ได้ห่วงคนอื่นสักหน่อย เธอแค่อยากหนีจากเขาต่างหากล่ะ' หญิงสาวยู่ปากเถียงเขาในใจยอมเดินกลับเข้าห้องนอนตามเดิม ถึงแม้จะแอบขุ่นเคืองต่อคำบงการเก่งเหลือเกิน โดยมีสายตาคมเรียบนิ่งปรายมองแผ่นหลังเล็กหายเข้าไปในห้องนอน แล้วก้มทำงานบนโต๊ะต่อ
ช่วงเช้ามีแม่บ้านเข้ามาเอาข้าว เอาน้ำเข้ามาให้เธอได้กิน ซึ่งเธอไม่มีอะไรทำจึงนั่งหงอยอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปช่วงเย็น หญิงสาวเกิดความเบื่อหน่าย ไม่สามารถนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ได้ออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมไม่พบผู้คนได้อีก เลยตัดสินใจเดินออกมาข้างนอก แต่เมื่อผ่านห้องทำงานของใครบางคน มีหรือว่าเขาจะไม่ถาม
"จะไปไหน!" นั่นไงล่ะ
"ทิมจะลงไปข้างล่างค่ะ อยู่ข้างบนแล้วเบื่อ" เธอเน้นประโยคหลังเสียงแข็ง ไม่มองแม้แต่หน้าเขาว่าตอนนี้มีสีหน้าอย่างไรต่อคำตอบของเธอ เขาเงียบไม่แน่ใจว่าเขาอนุญาตหรือเปล่า ทับทิมจึงถามอย่างกระฟัดกระเฟียด หน้าบูดบึ้งอีกครั้งเพื่อความแน่ใจจะได้ไม่ต้องมีปัญหากันอีก
"อนุญาตหรือเปล่าคะ ทิมไม่หนีหรอกค่ะ ขี้เกียจมีปัญหา"
"ไปสิฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่อย่าสร้างความวุ่นวายให้ฉันต้องตามแก้ไขก็พอ" เขาละสายตาไปอ่านเอกสารต่อ เพราะงานค่อยข้างเยอะ ทำให้ทับทิมพ่นลมหายใจอีกระลอก พอเขาไม่สนใจเธอก็รีบเดินออกไปชั้นหนึ่งทันที
มาถึงชั้นหนึ่งหญิงสาวจัดการสั่งเครื่องดื่มรสชาติเข้มข้นเพื่อล้างความขมขื่นในชีวิต แต่ทว่าเหล้าทุกแก้วที่กระดกเข้าไปกลับไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกว่ามันแรงและขมปร่ากว่าปัญหาในชีวิตเธอตอนนี้เลยสักนิด
ทับทิมนั่งดื่มไปเรื่อย ๆ จนเลยเวลาดึกดื่น เธอไม่ได้ใส่ใจต่อแขกเหรื่อที่เดินเข้ามาดื่มสังสรรค์เลยด้วยซ้ำ ทว่ากลับมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธออย่างเกิดความอยากรู้จัก และสนใจความสวยโดดเด่นของเจ้าหล่อน ทุกอิริยาบถการขยับตัว การยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มตกอยู่ในสายตาของนักล่าผู้หญิงยามราตรี จนกระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งมีความใจกล้ามากพอ
"สวัสดีครับ ผมคินน์นะครับ เอ่อ...คุณ..." ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์เริ่มเกริ่นแนะนำตัว พลางเลิกคิ้วถามเธอเป็นไปทีละสเต็ปเข้าถึงตัวอีกฝ่าย
"คุณคุยกับฉันเหรอ" ทับทิมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าของเคาน์เตอร์บาร์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เพราะเริ่มมึนเมาแล้วทำให้สติเริ่มพร่าเบลอ เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากคินน์ได้ดีเชียวล่ะ
"ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะใครล่ะ" คินน์ยอกย้อนหยอกเอินปนท่าทีจริงจัง
"ฉะ...ฉันชื่อทับทิมค่ะ" ทับทิมตอบแบบยิ้ม ๆ แนะนำตัวกลับตามมารยาทเท่านั้น
"ผมขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนได้ไหม"
"ได้สิคะคุณอยากนั่งตรงไหนมันก็สิทธิ์ของคุณ" เมื่อได้รับคำอนุญาต เขาจึงหย่อนกายนั่งด้านข้าง ๆ ที่ว่างใกล้เคียงกับเธอ สายตาคินน์เอาแต่จับจ้องใบหน้าสวยไร้ที่ติไม่วางตา เขาจึงได้เห็นถึงคิ้วเรียวสวยของเธอที่ขมวดเป็นปมอยู่ตลอดเวลา ราวกับมีเรื่องเครียดให้เธอคิดหนักมากมาย
"อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับ ผมอยากถามคุณ...คุณมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย"
ทับทิมหันไปยิ้มจาง ๆ ให้แก่เจ้าของคำถามที่แสดงออกเหมือนห่วงเธออะไรขนาดนั้น แถมสีหน้าเธอมันแสดงออกถึงความเคร่งเครียดขนาดนั้นจนเขามองออกเชียวหรือ?
"นิดหน่อยค่ะ มันเป็นปัญหาที่ไม่มีทางออกมากกว่าค่ะ" พอเริ่มเมาเธอก็อยากหาที่ระบายเสียอย่างนั้น ปากที่เคยปิดความลับของตัวเองไว้แน่นไม่เคยบอกใครก็เริ่มเผยความอัดอั้นตันใจออกมา
"เล่าให้ผมฟังได้นะครับ เผื่อคุณทับทิมจะสบายใจขึ้นมาบ้าง"
"ได้เหรอคะ"
"ได้สิครับผมยินดีฟัง" คินน์ตอบรับแบบไม่ยี่หระ ครั้นเริ่มคุยยิ่งเกิดความสนใจในตัวเธอคนนี้มาก เธอไม่ได้มีท่าทางยั่วเขาเหมือนผู้หญิงตามสถานบันเทิงที่เคยพบเจอมาเลยสักนิด
มิหนำซ้ำเธอไม่สนเขาด้วยซ้ำไป ทั้ง ๆ ที่เขาเองแต่งตัวดูก็รู้ว่ามีฐานะร่ำรวยขนาดไหน หน้าตาเขามั่นใจเสียยิ่งกว่าอะไรว่าหน้าตาดีไม่แพ้ใครแน่นอน แต่เธอกลับเมินเฉยความดูดีของเขาซะงั้น
"อืม....คือถ้าเราไม่มีอิสระถูกใครผูกมัดเอาไว้โดยที่เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น คุณคิดว่าควรทำยังไงกับปัญหานี้ดีคะ" ฝ่ายคนฟังช่างใจใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง ซึ่งคินน์สามารถตอบคำถามได้แบบไม่ต้องคิดมากตามนิสัยของเขาที่ราบเรียบ รักสนุกไปวัน ๆ
"แล้วคุณทับทิมจะไปทำตัวถูกมัดเหมือนที่เขาอยากให้เป็นทำไมล่ะครับ"
"ยังไงเหรอคะ ฉันไม่เข้าใจ" ทับทิมโพล่งถามอย่างอยากรู้ เพราะคำตอบจากเขาทำให้เธอเกิดความสนใจไม่น้อย มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเธอก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
"ก็ทำตัวมีคนอื่น มีใครหลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน อีกอย่างอย่าทำตัวเหมือนว่าคุณมีแค่เขาสิครับ"
ทับทิมพยักหน้าตามคำพูดเขา เธอพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง แต่วิธีนี้ยอมรับเลยว่าไม่ใช่นิสัยของเธอเลย เธอไม่ใช่ผู้หญิงรัก เที่ยวรักสนุก จึงไม่เคยทำแบบนั้น แต่ตอนนี้เหมือนจะต้องจำใจทำ เพื่ออิสระของตัวเอง
จังหวะเบี่ยงหน้าหันไปมองทางประตูลิฟต์นั้น ดวงตากลมกลับสบประสานเข้ากับใครบางคนเข้า ซึ่งเธอจดจำแววตาดุดันของอีกคนได้แม้น ทับทิมรีบเบือนหน้ากลับมาทิศทางเดิม
เกิดเรื่องไม่ดีแน่เลย