ตอนที่ 3 ความซวย
ทับทิมรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่เธอเอาแต่ร้องไห้ใจเซาะ จนพลาดโอกาสเจรจากับเจ้าหนี้ เธอได้เข้าไปยืนตรงหน้าเขาแล้วแท้ ๆ แต่กลับกลัวจนไม่กล้าสนทนาด้วย สุดท้ายก็ร้องไห้ขี้แยเป็นเด็กเสียอย่างนั้น
หญิงสาววิ่งออกมาถึงด้านหน้าผับหรู จนเหนื่อยหอบจึงหยุดวิ่ง ยืนหายใจพะงาบ ๆ อย่างหนักอยู่พักหนึ่งให้พอหายเมื่อย ก่อนจะหาทางกลับที่พัก
เมื่อกลับมาถึงห้องทับทิมจึงใช้วันหยุดให้คุ้มค่า เธอนอนจนถึงช่วงเย็น และเหนื่อยกว่าปกติเพราะอาการแฮงค์เหล้าเมื่อวันก่อน ทำให้ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็สว่างผลัดเปลี่ยนเป็นเช้าวันใหม่ที่มาพร้อมแสงแดดพออ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านจากริมระเบียงห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก กระทบผิวขาวละเอียด และกระแทกดวงตาโตที่กำลังหลับพริ้มไม่รู้สึกตัวว่ากำลังจะสุ่มเสี่ยงต่อการไปเรียนสาย
"อื้อ!" เปลือกตาสีไข่มุกค่อย ๆ ขยุกขยิกคล้ายว่าถูกรบกวนจากความสว่างของแสงแดดในยามเช้า เธอเบ้หน้าอย่างนึกหงุดหงิดในใจ ยังนอนไม่เต็มอิ่มด้วยซ้ำกลับถูกก่อกวน ภายในเวลาไม่นาน เธอก็ต้านต่อแสงแดดที่เริ่มแสดงความร้อนระอุไม่ได้อีกต่อไป ยอมคลี่เปิดดวงตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย นาฬิกาปลุกที่ควรตั้งเวลาเพื่อติเตียนเธอทุกวันมันไม่ส่งเสียง เธอจึงไม่สามารถรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว
"สายแล้วแน่เลย!" แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพล็อตหลับด้วยความง่วงและเหนื่อยมาก ทำให้ลืมตั้งเวลาปลุก นาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงเลยไม่แผดเสียงดังที่ช่วยปลุกกระตุ้นเธอในยามเช้าของวันนี้ เมื่อรู้ตัวเสียงหวานจึงพูดขึ้นพึมพำคนเดียว แถมตาที่เคยหลับพริ้ม ตอนนี้กลับเบิกโพลงราวกับกระต่ายตื่นตูม พลันดีดตัวลุกจากเตียงนอนแข็ง ๆ อย่างว่องไว
หลังจากได้สติกลับคืนมา ทับทิมรีบเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แล้วออกมาแต่งตัวเพื่อไปมหา'ลัยในอันดับถัดไป
เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพตรงเวลาที่ได้นัดกันกับแพรพลอยเพื่อนสนิทของเจ้าตัว ทับทิมจึงรีบคว้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วขึ้นมาอ่านข้อความจากเพื่อนสาว ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ซึ่งแพรพลอยส่งข้อความมาบอก ว่านางรออยู่หน้าหอพักของเธอ ทับทิมรีบยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายข้าง
จากนั้นก็ออกจากห้องไป ไม่ลืมล็อกห้องอย่างหนาแน่น และรอบคอบ
ตึก ตึก ตึก
นักศึกษาสาวปี4 วิ่งลงมาจากห้องพักชั้น3 ของตัวตึก ด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวว่าแพรพลอยจะรอนาน ฝ่าเท้าเรียวภายใต้รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเมื่อวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว มันจึงกระทบกับพื้นปูนจนเกิดเสียงขณะวิ่ง กระโปรงนักศึกษาคลุมเข่าพริ้มไหวตามแรงลม พอ ๆ กับกลุ่มผมสีดำสาวสลวยที่พลิ้วตามการเคลื่อนไหวของร่างอรชร ผิวข่าวผ่อง และใบหน้าสวยเคลือบด้วยรอยยิ้มหวานของทับทิมที่กำลังวิ่งเข้ามาถึงตัวแพรพลอย จึงเอ่ยถามอย่างเร่งรีบและร้อนรน
"สายหรือยังพลอย ฉันตื่นสายอีกแล้ว!" ทับทิมเอ็ดความขี้เซาของตัวเอง พลางยู่ปากไม่ชอบใจจนได้รับรอยยิ้มบาง ๆ จากเพื่อนสาวคนสนิท
"สายอะไรล่ะยังทันเวลาอยู่ แกขับนะวันนี้ฉันเพิ่งหาป่วยไปฉีดยามาน่ะ ขับไม่สะดวกเท่าไหร่" แพรพลอยบอก ซึ่งทับทิมทราบดีว่าเพื่อนของตนเองเพิ่งหายดี...แพรพลอยเพิ่งหายจากพิษไข้
"ได้สิ สบายมาก" เธอตกปากรับคำ
ทั้งสองสาวสลับตำแหน่งกัน โดยที่แพรพลอยนั่งซ้อนด้านหลัง ส่วนทับทิมเป็นสารถีขับรถมอเตอร์ไซค์ รุ่นเก่าคันชมพูหวานแหวว ทันทีที่หมุนกุญแจ พร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ จนทับทิมขับออกไปสู่ถนนเส้นทางไปมหา'ลัยด้วยความเร็ว
วันนี้ทับทิมหวังว่าจะเป็นเช้าวันใหม่ วันที่ดีและเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ สำหรับใครหลาย ๆ คน รวมถึงเธอด้วย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าขาวเนียนเมื่อคิดอะไรไปเพลิน ๆ ระหว่างขับรถ
เอี๊ยดดดด!
ทว่า...ความคิดโลกสวยของเธอกลับดับวูบลงฉับพลัน เมื่อรถกระบะจากภายในซอยข้างหน้าโผล่ออกมาจนถึงครึ่งคัน
มิหนำซ้ำทับทิมขับรถมาด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด สายตาไม่ทันเห็นว่ามีรถคันอื่นพุ่งตัวออกมา
หญิงสาวจึงตัดสินใจกำเบรกสุดแรงมือด้วยความตื่นตระหนก ตากลมโตเบิกออกมาแทบปลิ้นออกมา เมื่อล้อรถลากเอี๊ยดอ๊าดเสียดสีกับถนนคอนกรีตเสียงดัง
ทับทิมกับแพรพลอยเกร็งตัวกะทันหัน รู้ชะตาตนเองทันทีว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ความไม่ทันตั้งตัวทำให้ทั้งคู่ถลาไปตามแรงกระแทกจากวัตถุของแข็ง
บรื้น!! โครม
"กรี๊ด ตายแล้ว!" หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อตัวปลิวกระเด็นออกจากตัวรถมอเตอร์ไซค์เพราะแรงปะทะกัน พวกเธอนอนราบหน้าลงไปกับถนนทางหลวงอย่างน่าอนาถ แถมไม่สวมใส่หมวกนิรภัย...
โชคดียังเข้าข้างพวกเธอ เพราะร่างกายไม่ได้บาดเจ็บมากนัก เพียงแต่...รถยนต์แบบเป็นกระบะหลังที่ขับออกมาจากซอยข้าง ๆ นั้น ไฟท้ายรถแตก รถของคู่กรณีพังยับเยินแถม Fino คันจิ๋วเองก็เหลือเพียงแต่เศษเหล็ก
"พลอยเป็นอะไรไหม" ทับทิมรีบดันตัวลุกขึ้นมาดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอประมาทคนอื่นถึงต้องซวยตาม สีหน้าไม่สู้ดีของทับทิมทำให้แพรพลอยที่เป็นเพื่อนสนิทไม่สบายใจตาม นางรีบส่ายหน้ารัว ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตาม ๆ กัน พร้อมปัดฝุ่นตามชุดนักศึกษา
"ไม่เป็นไรหรอก เธอล่ะ" แพรพลอยถามกลับ
"ฉะ...ฉันไม่เป็นอะไร ตะ...แต่รถเป็น" แววตาของเจ้าหล่อนสั่นระริก นอกจากจะพาเพื่อนเจ็บตัว เธอยังเฮงซวยขับรถชนรถยนต์ของผู้อื่นได้รับความเสียหายอย่างหนักอีก
"อีนังเด็กเมื่อวานซืน ขับรถยังไงให้มาชนรถกูวะ กูจะเอาเรื่องให้สาสม คอยดูสิ!!"
เจ้าของรถกระบะเปิดประตูรถฝั่งคนขับออกมาด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เหมือนกำลังฆ่าเธอให้ได้ ซึ่งเธอเข้าใจเขาดีเอาแต่ก้มหน้ายอมรับผิดให้เขาด่าจนพอใจเสีย ชายวัยกลางจึงรีบโทร.แจ้งความระหว่างด่าทอพ่นคำหยาบใส่หน้าเธอ เพราะกลัวว่าพวกเธอจะหนีไม่รับผิดชอบความเสียหาย
"คะ...คุณคะ อย่าเอาเรื่องพวกเราเลยนะคะ" ทับทิมขอร้องเสียงสั่นระริก หากเขาเอาเรื่องเธอก็ไม่มีเงินที่จะใช้ค่าเสียหายอยู่ดี นอกจากจะเข้าไปนอนในคุกเท่านั้นแหละ เพราะมันเป็นทางออกหนึ่งเดียว
"พี่คะ ใจเย็นก่อนสิ พี่ก็ทะเล่อทะล่าขับออกมาจากซอยด้วยนะ!" แพรพลอยไม่ยอมโต้กลับแทนเพื่อนนางทันที เมื่อความอดทนอดกลั้นท่องไว้ว่านางจะใจเย็น แต่ความอดทนนั้นก็ขาดผึง...ไอ้แก่นี่ได้ทีก็ด่าไม่ยั้ง จนหล่อนทนฟังไม่ไหว
"พลอย..." ทับทิมรีบรั้งแขนเพื่อนเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาอย่างรู้สึกละอายใจเสียเต็มประดา แพรพลอยจึงยอมเงียบปาก แต่ไม่ลืมกระแทกลมหายใจหงุดหงิดหนัก ๆ ออกมาใส่ชายวัยกลางคนตรงหน้า
"จะชนแล้วหนีไม่รับผิดชอบล่ะสิพวกแก!!" เขาชะงักเล็กน้อย แต่พอพวกเธอเงียบ มันก็เริ่มโวยวายใส่อารมณ์หนักขึ้น "โธ่เอ๊ย รถกูพังหมด!"
ผ่านไปประมาณสิบนาที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาเคลียร์สถานที่ ควบคุมตัวพวกเธอขึ้นรถไปคุยกันที่สถานีตำรวจ เพื่อเจรจาหาลือกันต่อไป ว่าจะเอาอย่างไร
"ผมจะเอาเงินจากนังเด็กนี่สามแสนยังไงก็ไม่ยอมความ"
ฝ่ายคนขับรถกระบะยังยืนยันเสียงแข็งว่าต้องการให้ทับทิมชดใช้ค่าเสียหาย และค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงรถยนต์ของตน ไม่รวมกับเงินประกันที่ตนจะได้อีกที
"ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับคุณ" เจ้าหน้าที่บอกปราม เพราะเขากำลังอาละวาดในที่ทำงานของเจ้าพนักงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ควรนัก
"ฉะ...ฉันไม่มีเงินติดตัวมากมายขนาดนั้นมาจ่ายหรอกค่ะ" ทับทิมส่ายหน้าปฏิเสธเพียงตัวเธอไม่มีเงินมากพอมาใช้ค่าเสียหาย แถมแพรพลอยลำพังที่บ้านเป็นร้านขายยาก็ไม่ได้มีเงินเก็บมากพอจะมาออกจ่ายก่อน ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างแท้จริง
ฝ่ายตรงข้ามเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ด่ากราดกลับมาด้วยคำสาปแช่ง แถมตะเบ็งเสียงแข็งกร้าวใส่หน้าเธออย่างไม่ยอมความ
ทำให้ทับทิมกลัวเหตุการณ์ในวันนี้มาก เธอไม่มีที่ไปและไม่รู้ว่าเธอหาที่พึ่งใดได้บ้าง...
พลันความคิดแวบหนึ่งถึง...เคเดน เจ้าของใบหน้าคร้ามคม ทับทิมเกิดความช่างใจคิดช่างใจทำ...ยอมเสียตัวให้เขาเลยดีไหมนะ
หลังจากนั้นพ่อแม่ของแพรพลอยก็เดินทางมาถึงสถานีตำรวจทันทีที่ทราบเรื่อง ผู้ใหญ่เข้ามาเคลียร์ปัญหาเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ฝ่ายคู่กรณียังยืนยันจะเอาค่าสินไหมตามจำนวนเต็มที่ตนต้องการเช่นเดิม ทำให้พ่อแม่ของแพรพลอยต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้เขาเท่าที่พอมีไปก่อน แต่อีกส่วนคงต้องหามาจ่ายอยู่ดี
ทับทิมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ทุกคนต้องลำบากใจเพื่อเธอแท้ ๆ จนได้แต่เงียบปากนั่งก้มหัวสีหน้าไม่สู้ดีคอตกไม่กล้าเงยขึ้นสู้หน้าคนอื่น
กระทั่งทุกอย่างจบกันด้วยการต้องหาเงินมาจ่ายเขา ทับทิมเดินออกมาจากสถานีตำรวจด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เธอไม่สามารถกล้ำกลืนน้ำลายที่ตีขึ้นมาจุกลูกกระเดือกและเจ็บไปทั้งอกได้ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว รื้นน้ำใสเอ่อล้นจนอาบแก้มใสของเธอในที่สุด
เธอที่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวตามเส้นทางที่เธอเป็นคนเลือกมันเอง ไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เสียเลยสักนิด
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่น แต่เสียงร่ำร้องนั้นกลับถูกบังคับให้หายเข้าไปในลำคอเฉกเช่นเดิม เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้อื่น
"แกอย่าคิดมากเลย แกไม่ได้ผิดอยู่ฝ่ายเดียวสักหน่อย คนพวกนั้นก็ผิดนะ เราค่อยหามาจ่ายเขาก็ได้นิ" แพรพลอยลูบหลังเพื่อนสนิท หล่อนเข้าใจดีว่าอีกคนรู้สึกอย่างไร จึงพูดปลอบประโลมให้เธอใจเย็นขึ้น
"ตะ...แต่เงินมากมายแบบนั้นเราคงไม่มีให้" ทับทิมรีบเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม เพราะคิดว่าตนเองไม่เหมาะกับน้ำตาเอาเสียเลย เธอควรเข้มแข็งมากกว่านี้เมื่อเลือกที่จะออกมาเผชิญโลกภายนอกโดยไม่มีพ่อแม่บุญธรรมคอยช่วยเหลือเหมือนคราวแต่ก่อน
"ค่อย ๆ จ่ายเขาไปทีละนิดดีไหม ไม่อย่างนั้นฉันจะกู้ธนาคาร" ทับทิมตาโตค้างรีบส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดท้ายหลังของแพรพลอย
"ฉันไม่อยากใหเแกกับพ่อแม่แกมาลำบากใจกับฉันเลย" เพราะความประมาทของเธอแท้ ๆ หญิงสาวกล่าวโทษตัวเองในใจ
"แล้วแกมีวิธีเหรอ" ใบหน้าสวยเปื้อนคราบน้ำตาของทับทิมเงยขึ้นมาสู้หน้าแพรพลอยครั้นหล่อนถามอย่างจนปัญญาไม่ต่างจากเธอนัก
"ก็พอมี..." เสียงหวานของทับทิมแผ่วเบาลงด้วยความไม่มั่นใจ เขาคนนั้นเคยต้องการร่างกายของเธอ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขายังต้องการมันอยู่หรือไม่
"มียังไง ถ้าจะไปยืมหนี้นอกระบบอีกฉันไม่เห็นด้วยนะทับทิม เพราะแกยังใช้หนี้เก่าเขาไม่หมดเลย" เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวซักไซ้ใคร่สงสัย และโต้แย้งเสียงแข็งหากทับทิมคิดจะไปยืมเงินจากที่เดิมอีก แต่ทับทิมส่ายหน้าเบา ๆ เชิงปฏิเสธ
"ฉันไม่ได้คิดจะยืมเงิน ดะ...เดี๋ยวฉันไปก่อนนะจำได้ว่ามีธุระ ฝากขอบคุณพ่อแม่แกด้วย ฉันจะรีบหาเงินมาใช้คืนพวกท่าน..."
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ทับทิมก็รีบขอแยกตัวเพื่อไปทำธุระบางอย่างตามที่เธอกล่าวอ้าง
เธอรีบยกมือไว ๆ ลาแพรพลอย ก่อนจะวิ่งไปโบกแท็กซี่ที่กำลังเคลื่อนตัวมาทางเธอพอดิบพอดี พอเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ เธอไม่รอช้ารีบบอกสถานที่แก่คนขับ จนเขาจะพาเธอไปที่นั่นทันที
แพรพลอยชักช้าเกินไป ไม่ทันทักท้วงถามข้อสงสัยอีกมากมาย ทำได้เพียงยืนมองรถแท็กซี่คันนั้นขับออกไปไกล จนลับสายตา