ตอนที่ 2 โดนดุ
ทับทิมตื่นมาในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ เนื่องจากวันนี้ไม่ได้มีเรียนการตื่นสายจึงเป็นเรื่องปกติ แถมโชคดีที่เมาหัวราน้ำในวันหยุดอีกด้วย หลังจากอาบน้ำด้วยชุดเสื้อผ้าสบายตัวเรียบร้อย หญิงสาวจึงมานั่งขัดสมาธิบนพื้นห้อง ในมือสองข้างถือธนบัตรหลายใบ ปากเล็กขมุบขมิบนับจำนวนเงินไปอย่างเชื่องช้าเพื่อเช็กความแน่ใจก่อนจะเอาไปใช้คืนเจ้าหนี้ครึ่งหนึ่ง
“ครบ!” ธนบัตรแบ่งสีเทาใบสุดท้ายถูกวางลงบนกองเงิน พร้อมกับเสียงหวานซึ่งเอ่ยอย่างเบาใจ เมื่อได้เงินครบตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ คราวนี้เธอก็เหลือเพียงแต่ขอเจรจากับเขาคนนั้น เพื่อผ่อนหนี้จากรายเดือน เป็นสองเดือนจ่ายหนึ่งครั้ง แต่ได้เป็นก้อน ๆ จำนวนมากกว่าสองเท่า คิดไว้ดังนั้นทับทิมก็รีบเก็บเงินเข้ากระเป๋า ผุดตัวลุกไปใส่รองเท้า แล้วหมุนออกไปข้างนอกทันที
ทับทิมยืมเงินจากเจ้าหนี้ที่เป็นเจ้าถิ่นของเขตนี้ เธอจึงนั่งวินมอไซค์รับจ้างมาที่ที่เคยมายืมเขา หลังจากจอดรถ และทำการจ่ายเงินพี่วินรับจ้างเสร็จสรรพ ร่างเล็กแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ใบหน้าไร้แม้กระทั่งเครื่องประทินโฉม ผมเผ้าถูกมัดรวบด้วยหนังเบี่ยงผมยาวไว้ด้านหลังไม่ได้จัดทรงให้ยุ่งยากนัก เจ้าของใบหน้าสวยโดดเด่นไม่มีการแต่งแต้มเดินเข้ามาในผับดัง ซึ่งเปิดทั้งเวลากลางวัน และตอนกลางคืน หากพูดให้ถูก ผับนี้เปิด 24 ชั่วโมงนั่นเอง
ทับทิมเดินขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดของผับหรู ที่นี่มีทั้งหมด 8 ชั้นซึ่งบ่งบอกถึงระดับความหรูหรา ใหญ่โอ่อ่าได้เป็นอย่างดี
มือเรียวยาวกระชับกระเป๋าสะพายข้างแน่นขึ้น เมื่อรู้สึกกดดันครั้นลิฟต์เลื่อนขึ้นมาหยุดอยู่ชั้นที่ต้องการ ถึงแม้เธอเคยมาที่นี่เพื่อใช้หนี้อยู่บ่อยครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวาดระแวงบางอย่างที่อธิบายได้ยาก
หญิงสาวหยุดฝีเท้าเมื่อมาถึงด้านหน้าประตูห้องของใครบางคน ซึ่งมีเหล่าลูกน้องของเขายืนรักษาความปลอดภัย เฝ้าระมัดระวังเป็นอย่างดี
หากเป็นเมื่อก่อนทับทิมต้องใช้หนี้กับพวกลูกน้องของเขา ไม่เคยเห็นหรือรู้ชื่อแท้จริงของมาเฟียหนุ่มผู้มีอำนาจในเขตนี้ แต่คราวนี้เธอต้องการมาพบนายใหญ่เพื่อขอเจรจาผ่อนปรนหนี้ไปอีกสองเดือน เพราะหากต้องจ่ายทุก ๆ เดือนเธอคงสู้ไม่ไหว รายจ่ายเธอไม่ได้แค่นี้ ยังมีค่าซื้อกิน ค่าเทอมและอีกมากมาย ตกลงกันกับเขาได้หรือไม่ได้ก็ต้องลองกันสักครั้ง เพราะอย่างไรเธอก็ก้าวขาเข้ามาหาความตายแล้วข้างหนึ่ง
“ฉันมาขอพบนายใหญ่ของที่นี่ค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยแจ้งความประสงค์ต่อลูกน้องทั้งสองนายที่ยืนขวางทาง แววตาเธอสั่นระริกด้วยความกลัวเมื่อพวกเขาตวัดสายตามาหา ก่อนจะมองหน้ากันสื่อสารอะไรกันสักอย่าง ทับทิมได้แต่ยืนเกร็ง มึนงงต่อความลึกลับซับซ้อนของคนทั้งคู่ ก่อนอีกนายจะเอ่ยเสียงเข้มจนคนฟังสะดุ้งโหยง
“ต้องการพบนายเรื่องอะไร!”
“ฉันอยากเจรจาหนี้กับเขาค่ะ ขอให้ฉันพบเขาเถอะนะ ๆ” หญิงสาวขอร้องอย่างเรียกร้องความเห็นใจจากชายฉกรรจ์ตรงหน้า
“หนี้จ่ายกับพวกฉัน” บอดี้การ์ดหนุ่มไม่มีท่าทีว่าจะเห็นใจ หรืออนุญาตเธอ แถมยื่นแขนออกมาแบมือออกมาตรงหน้าเพื่อรอรับเงินที่จะใช้หนี้จากเธอ ทับทิมไม่ยอมให้เธอส่ายหน้าเอ่ยเสียงวิงวอนอีกครั้ง
“ให้ฉันเข้าไปพบเขาเถอะนะคะ ฉันรบกวนเขาไม่นาน” บอดี้การ์ดหนุ่มเริ่มลำบากใจ เจ้านายพวกเขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามายุ่มย่ามในห้องทำงานส่วนตัวนัก หนำซ้ำยามนี้เจ้านายเพิ่งจะออกคำสั่งไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนเข้าไปรบกวนเวลาพักผ่อนของเขาอีกด้วย หากปล่อยเธอเข้าไปถ้าเธอรอดกลับมาได้ อาจจะเป็นลูกน้องที่ขัดคำสั่งของเจ้านายอย่างพวกเขาเองที่ต้องตายแทน
แค่คิดแบบนั้นลูกน้องหนุ่มก็รีบส่ายหน้ายืนกรานปฏิเสธ เขาอยากเป็นฝ่ายยืนมองเจ้านายฆ่าคนอย่างสยดสยอง มากกว่ากลายเป็นเหยื่อเสียเอง
“ฉันจะเข้าไปเจอไม่นานนะคะ ให้ฉันเข้าไปเถอะ” ทับทิมเซ้าซี้ต้องการเข้าพบให้ได้ แต่ชายหนุ่มสองคนตรงหน้ากลับทำเมินต่อคำพูดร้องขอของเธอ จนเธอคิดว่าคงหมดหวังเสียแล้วล่ะ
“ให้เธอเข้าไปเถอะ” ทว่าเสียงทุ้มเข้มทรงอำนาจของคนมาใหม่ก็ดังแทรกขึ้นด้านหลังของทับทิม เธอรีบเอี่ยวตัวไปมองชายหนุ่มใบหน้าเรียบนิ่งไม่สื่ออารมณ์ใดก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาสั่งลูกน้องหน้าห้องที่ขวางทางเธอ
“ครับหัวหน้าบอดี้การ์ด” บอดี้การ์ดทั้งสองนายก้มหัวรับทำตามคำสั่งแต่โดยดี พวกเขาหลีกทาง แถมเปิดประตูออกกว้างให้เธอเข้าไปอีกด้วย
“คะ…คุณ” ทับทิมแปลกประหลาดใจ เกิดความฉงนใจไม่น้อย จู่ ๆ หัวหน้าบอดี้การ์ดผู้มีมาดเคร่งขรึมสามารถปกครองลูกน้องหลายร้อยชีวิตได้ยอมให้ทับทิมเข้าไปพบนายใหญ่
“รีบเข้าไปซะสิ” แต่ทันทีที่ทับทิมกำลังอ้าปากถามเขา อีกฝ่ายก็พยักพเยิดหน้ารบเร้าปนออกคำสั่งอีกคราว
ปึง!
ทับทิมพยักหน้ารับ ตอนนี้เธอกลับมาสนใจต่อเรื่องของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก จึงรีบสอดตัวเข้ามาผ่านช่องว่างหน้าห้องทำงานมาเฟียหนุ่ม จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน ประตูด้านหน้าก็ปิดลงเสียงดังจนทับทิมรีบเบี่ยงหน้าไปมอง พวกเขาปิดห้องเรียบร้อยแล้ว หากอยากจะเปลี่ยนใจคงสายเกินไป เธอมาถึงขนาดนี้แล้ว
ทับทิมเดินผ่านชั้นหนังสือเอกสารมากมายเข้ามา จนพบเข้ากับโต๊ะทำงานแบบเป็นกระจกซึ่งเต็มไปด้วยกองเอกสารรายล้อมรอบโต๊ะ ส่วนเก้าอี้หนังที่มาคู่กันนั้นมีใครบางคนนั่งประจำตำแหน่งอยู่
ใบหน้าคร้ามคมตามแบบฉบับลูกครึ่ง จมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าเข้มขรึม ริมฝีปากบางเฉียบแนบติดกันไม่มีแม้แต่เสี้ยวรอยยิ้มส่อถึงอารมณ์ใด เพียงแต่หัวคิ้วของเขาที่ขมวดติดกันขดมุ่น สื่อได้ดีว่าเขากำลังเครียดเรื่องงานตรงหน้าเพียงใด เขาก้มหน้าทำงานจึงไม่รู้ตัวว่าถูกเธอจับจ้องพินิจอย่างเผลอไผล
ทับทิมที่รู้ตัวว่าตนเองละลาบละล้วงเขามากเกินไป ทั้งสายตาและความคิดในใจชื่นชมในความหล่อเหลาของเขาต่าง ๆ นานา จึงรีบสะบัดหัวไล่ความคิดเช่นนั้นทิ้งไป เธอกระแอมไอเพื่อเรียกเสียง แล้วเป็นฝ่ายทักทายก่อน
"คะ...คุณคะ"
เขาเงียบไม่ไหวติงหรือเอ่ยตอบรับ ดวงตาสีรัตติกาลช้อนขึ้นมามองเธอ หญิงสาวเกิดความประหม่าชั่วขณะเมื่อสบสายตาคมกริบคู่นั้น แต่เพียงวูบหนึ่ง ดวงตาเขากลับเปลี่ยนไป เขาปรายมองเธออย่างไม่เป็นมิตร ทำเอาเธอเสียวสันหลังวาบ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ หาเสียงตัวเองไม่เจอ
"มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้ พูดมาสิ!" มาเฟียหนุ่มออกปากด้วยน้ำเสียงเข้มทรงอำนาจที่น่าสยองมากกว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดหน้าห้องเมื่อครู่นี้เสียอีก
เขาจ้องเธอเขม็งแถมมือซ้ายที่จับด้ามปากกาก็หยุดตวัดปลายปากกาที่กำลังเซ็นเอกสาร แล้ววางลงข้างตัว สายตาคมลุ่มลึกส่งตรงมาไม่สามารถอ่านได้ เพียงแต่เธอกลับรู้สึกถึงไออันตรายจากเขา
ทำเอาทับทิมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เธอคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด ที่กล้าเดินเข้ามาในดงเสือดุร้าย แถมกำลังขอเจรจากับหัวหน้าเสือ ถึงกระนั้นก็กลั้นใจพูดความต้องการของตน พลางหลับตาปี๋ จิกหลังมือตัวเองแน่นอย่างกดดัน
"ฉะ...ฉันเอาเงินมาใช้หนี้คืนค่ะ ตะ...แต่มีข้อแม้อะไรนิดหน่อย..." เขากลับเงียบ เธอจึงพูดต่อ
"ฉันขอผ่อนผันหนี้ คืนครั้งละก้อน จากหนึ่งเดือนจ่ายเป็นสองเดือนต่อครั้งได้ไหมคะ" เธอจะได้มีเวลาหาเงินมาใช้หนี้เขา และจ่ายค่าเทอม น่าที่พักแต่ละเดือนอีกด้วย
"เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองขนาดนั้นนะ..." คำพูดทุ้มต่ำจากปากเฉียบบางของเขาทำให้ทับทิมชะงักปากที่กำลังขอร้องเสียอย่างนั้น
"ค่ะ ฉันทราบดี?" หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย "แต่คุณให้เวลาฉันหน่อยได้ไหมคะ"
"เวลางั้นเหรอ ต้องนานเท่าไหร่ล่ะ เธอค้างหนี้ฉันมาแล้วกี่เดือน กี่ปี" เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ
"มะ...ไม่ได้นับค่ะ แต่ก็พอทราบว่ามันเป็นจำนวนที่ไม่ใช่น้อย"
"ตอนยืมฉันก็ให้ยืมอย่างไม่มีเงื่อนไขมากมาย แต่พอถึงตอนจะคืนทำไม่ถึงตั้งแง่ใส่คนเป็นเจ้าหนี้ล่ะ"
"...." ทับทิมเม้มปากจนเป็นเส้นตรง พูดไม่ออกต่อเหตุผลจากมาเฟียหนุ่ม เธอไม่มีคำโต้แย้ง ความคิดที่เขาพูดออกมา มันมีส่วนถูก มันไม่ผิดเลยสักนิด
หากเธอไม่ใจร้อน ขบคิดสักนิด วันนั้นเธอไม่มีทางหลงกลลูกค้าที่ไปนั่งดื่มเหล้าในร้านที่เธอทำงานอยู่แน่ เขาโฆษณาสารพัดว่าจ่ายดอกน้อย เจ้าหนี้ใจดี เห็นใจลูกหนี้ ทว่าเมื่อเธอเจอเข้ากับตัวเอง จึงตาสว่างวาบว่าข้อดีในส่วนที่กล่าวมา เจ้าหนี้ขาโหดคนนี้ไม่มีคุณสมบัตินั้นเลย
"นี่นะคะเงินก้อนแรก ที่เหลือฉันจะรีบหามาใช้ให้เร็วที่สุด"
เธอควักเงินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เดินเข้ามาใกล้เขาแล้วยื่นเงินไปตรงหน้ามาเฟียหนุ่ม ความเกรงกลัวในใจเธอมีมากเช่นกัน แต่หญิงสาวพยายามเก็บกลั้นความรู้สึกหวาดกลัวนั้นสุดความสามารถ
แต่พอถูกสายตาคมกดมองเงินเพียงไม่กี่หมื่น เขาก็ช้อนสายตาดุดัน พร้อมมุมปากซึ่งกระตุกยิ้มเยาะหยันส่งมาให้เธอโดยตรง "คืนมาแค่นี้เหรอ"
"ระ...รับไปสิคะ" ทับทิมมือสั่น เสียงเองยังสั่นไม่เป็นตัวเองตามไปอีกด้วย เธอกลัวเขาจับใจเพราะไม่สามารถคาดเดา หรืออ่านความคิดเขาได้เลย
ทำไมกัน เขาถึงลึกลับขนาดนี้ ทับทิมสงสัยไปหมด ในขณะริมฝีปากอวบอิ่มกัดกันจนห้อเลือด ดวงตากลมซุกซนล่อกแล่กมองรอบห้อง เพื่อหลบเลี่ยงจากสายตามาดร้ายของร่างสูงใหญ่ ที่สามารถสยบทุกการเคลื่อนไหวทุกสิ่งได้
เธอไม่กล้ามอง ยอมรับได้แบบเต็มปากเต็มเสียง ด้วยความจริงว่า เริ่มกลัวความเงียบ เรียบเฉยของชายหนุ่ม
"อ๊ะ!"
"เธอก็ไม่ได้แย่นะ จะดีมากด้วยถ้า..." ผุดตัวยืนพร้อมโน้มตัวมาข้างหน้า จมูกโด่งของเขาเฉียดแก้มเนียนอมชมพูอย่างอุกอาจ
เธอรีบเอนหลังหลบแต่ช้ากว่าความว่องไวของอีกฝ่าย เขากระซิบเสียงทุ้มแตกพร่าชิดหูเธอ ถ้อยคำตราตรึงนั้นเป็นผลให้ขนอ่อนตามร่างกายลุกซู่ ทับทิมรีบย่นคอหนีลมหายใจผ่าวร้อนจากเขา เพราะยามนี้มันกำลังเป่ารดต้นคอระหง จนชุ่มเหงื่อ
"มะ...ไม่ค่ะ ฉันไม่เคย ฉันไม่ชอบ" หญิงสาวคนอายุน้อยกว่าส่ายหัวเป็นพัลวัน คำตอบนั้นเรียกเสียงทุ้มต่ำ หัวเราะเฮอะฮะในลำคอหนาได้ดี
"สักวันอาจจะชอบก็ได้"
"ฮึก ไม่ค่ะ" ความไร้เดียงสา ตอบแบบไม่โกหกและไม่มีความดัดจริต ทำเอามาเฟียหนุ่มเกิดความท้าทาย อยากลองค้นหาเธอมากกว่านี้...
"ยังไม่เคยโดนฉันเอากล้าพูดเต็มปากได้อย่างไรถ้าไม่ชอบ...หืม" ดวงตาโตตกใจต่อประโยคคำพูดลามกจากอีกคน เธออดทนฟังไม่ไหว เพราะยามนี้ทั้งหูและแก้มแดงปรั่งจากความกระดากอาย จนต้องถือวิสาสะใช้ฝ่ามือนุ่มนิ่มปิดปากเขา เสียงทุ้มเข้มนั้นจึงกลืนหายกลับเข้าสู่ลำคอเฉกเช่นเดิม
"ทิมไม่ได้หมกมุ่นเรื่องนั้นค่ะ"
"เอามือออกจากปากฉันเดี๋ยวนี้!" กดเสียงเข้มข่มขวัญร่างเล็กหุ่นเพรียวตรงหน้า
หญิงสาวตื่นผวาเสียขวัญกลัวจนหัวหด ไหล่ตกลู่ห่อลีบฉับพลัน เปลือกตาร้อนผ่าวรู้สึกถึงหยดน้ำตาที่คลอเต็มเบ้าพร้อมจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ เธอไม่เคยโดนดุมาก่อน จึงค่อนข้างอ่อนไหวต่อเสียงคล้ายตะคอกใส่กันแบบนี้
"ทะ...ทิมขอโทษค่ะ อึก ฮื่อ"
ทับทิมรีบชักเรียวมือสั่นเทากลับด้วยความกลัว พลางสูดน้ำมูกที่เริ่มไหลออกมา ไม่อยากแสดงความน่าสมเพชต่อคนแปลกหน้า เธอก้มงุดเอ่ยขอโทษเขาอีกครั้งไม่ยอมหยุด เพราะรู้สึกผิดจริง ๆ
"หมดทางไปก็กลับมาหาฉันแล้วกัน ยังไงฉันก็อยากลองกับลูกหนี้ขี้ขลาดอย่างเธอ!" ก้านนิ้วแกร่งชี้ตรงไปทางหน้าห้อง ใบหน้าคร้ามคมของเขาเรียบตึง สายตาถมึนทึงรำคาญเธอไม่น้อย เกะกะสายตา แถมขี้แยเอาแต่ร้องไห้
"รับเงินก่อนค่ะทิมจะไปแล้ว อึก" ทับทิมไม่ลืมยื่นเงินใส่ในฝ่ามือหนา ถึงแม้เขาจะมองเธอเหมือนจะฉีกเนื้อก็ตาม ทันทีที่สัมผัสผิวกายกัน ความอุ่นซ่านเหมือนคุ้นเคย และเสมือนเคยผูกพันกันมานานแสนนานจึงวิ่งพล่านเข้ามาในโสตประสาท
แต่ความกลัวเขามาก เธอจึงไม่คิดสิ่งใด ให้ปวดหัว แค่ยามนี้หลั่งน้ำตาอย่างกับเด็กก็น่าอายเต็มที ผละมือห่างหลังจากยัดเงินให้เขาเรียบร้อย
"ทะ...ทิมจะรีบหาเงินมาจ่ายหนี้ให้หมดเร็ว ๆ นะคะ เงินเป็นล้าน คุณคงจำเป็นต้องใช้" อารมณ์อ่อนไหวของเจ้าหล่อน พานทำให้เธอคิดเห็นใจผู้อื่น เขาทวงเงินอาจจะเพราะต้องการหมุนเงินกับธุรกิจที่ทำอยู่ก็เป็นไปได้ เพราะเธอเคยได้ยินพ่อแม่บุญธรรมสนทนาเรื่องนี้กัน
แต่คงลืมไปกระมังว่าคนอย่างเคเดน มาเฟียหนุ่มผู้ทรงอิทธิพล เรื่องเงินทองไม่ใช่ปัญหาของเขาเลยสักนิด
"ทิมลาแล้วนะคะ สวัสดีค่ะคุณมาเฟีย" รีบยกแขนเช็ดน้ำตาบนซีกแก้มทั้งสองข้างพอลวก ๆ ออก ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดเพื่อสูดน้ำมูก แล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกลามาเฟียหนุ่ม หนำซ้ำเธอยังยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาท ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งเอ็ดเธอไปเมื่อครู่นี้แท้ ๆ
เพราะทับทิมไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย เธอจึงเรียกว่าคุณมาเฟียสะเลย จากนั้นเธอจึงตัดสินใจหมุนตัวออกมาจากห้องทำงานของเขา
ทว่า... เสียงทุ้มต่ำกลับเอ่ยรั้งให้ฝีเท้าเรียวหยุดชะงักการก้าวเดินกะทันหัน
"ฉันชื่อเคเดน ไม่ใช่คุณมาเฟีย!"
ทับทิมไม่ได้ตอบ เธอเดินกึ่งวิ่งหนีออกมา ในใจขบคิดเพียงว่ามันบังเอิญเกินไปหรือไม่ เขาชื่อเคเดน เหมือนกับผู้ชายปริศนาในห้องน้ำคืนวันก่อน ซึ่งหญิงสาวคนนั้น ครางเรียกเขาว่า เคเดน...
คำว่าเคเดนยังหลอนหูเธออยู่เลย...