ตอนที่ 13 ความจริง
เรื่องของเมื่อคืนเริ่มต้นขึ้นที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะย้ายไปริมระเบียง บ้างก็เปลี่ยนสถานที่เป็นห้องน้ำ แล้วปิดท้ายด้วยบนเตียงนอน
ทับทิมนอนรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของอีกฝ่ายจนกระทั่งถึงเช้าวันใหม่ แต่ไอ้นั่นของเขายังไม่มีท่าทีจะสงบลงเลยสักนิด
ทับทิมยังคร่อมอยู่บนตัวเขา คราวนี้เธอกลายเป็นฝ่ายควบคุม ถึงแม้จะมีท่าทีเงอะงะแต่ทุกครั้งที่เธอส่ายเอวบดเบียดเข้าใส่ก็สามารถเรียกความกระสันจนเคเดนทำเสียงสูดปากได้ไม่ยาก
"อ๊ะ อ๊า!" ทับทิมหวีดร้องเสียงหวิว ใบหน้าสวยเบ้เจ็บปวดอย่างไม่สามารถเก็บอาการได้ เพราะอีกฝ่ายกระแทกกระทั้นความเป็นชายขึ้นมา ทำเอาความใหญ่โตหายเข้าไปในตัวเธอฝังลึกมากกว่าเดิม รู้สึกจุกเสียด และมวนท้องน้อยในเวลาเดียวกัน
"ทะ...ทิมเจ็บค่ะ!" หญิงสาวร่างเล็กตัวเปลือยเปล่าด้านบนเอ่ยบอกขณะเคเดนจับเอวคอดกิ่วกดลงมา พลางถอดความเป็นชายออกไป แล้วกระแทกใส่เข้ามาช่องทางเดิมจนลึกสุดโคน
เสียงขาเตียงดังเอี๊ยดอ๊าด ร่างกายสั่นคลอนตามแรงโยกอันดุเดือด ถึงกระนั้นเขากลับเมินเฉยคำวิงวอนจากเธอ มาเฟียหนุ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงขึ้นเมื่อใกล้ถึงสวรรค์รำไร
"อ๊ะ...จะ...เจ็บ!" มือหนาเคลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นเต้ากลมสองข้างซึ่งโยกส่ายไปมาตามจังหวะรักจากเขา เขากำคลึงเนื้อนุ่มบนเนินอกอย่างมันมือ จนเม็ดทับทิมล้นทะลักออกมาตามง่ามมือ อวดแก่สายตาผู้ล่า เคเดนผงกหัวขึ้นมาใช้ริมฝีปากหยุ่นครอบดูดเม็ดที่แข็งเป็นไตรุนแรง พลางกัดเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อจนคนโดนกระทำร้องครางระงมอีกครั้ง
โดยที่ส่วนล่างของทั้งคู่ยังคงขยับเข้าออกด้วยความสม่ำเสมอ ช่วงนาทีอันสุดท้ายก่อนที่เคเดนจะปลดปล่อยออกมา สะโพกก็ถาโถมแรงทั้งหมดใส่ตัวทับทิม เขารั้งท้ายทอยเธอมาบดจูบ จู่โจมแบบอุกอาจ พร้อมกับปลดปล่อยสายธารแห่งราคะเข้าไปด้านในตัวหญิงสาว
กลางกายสาวขมิบเม้มเอาแท่งเอ็นอุ่นระรัว หน้าท้องแบนราบหดเกร็งเมื่อรู้สึกอุ่นวาบไปทั่วท้อง รับรู้ได้ถึงของเหลวสีขุ่นที่พุ่งเข้ามา เธออ่อนแรงเต็มทนจึงล้มตัวนอนด้านข้างเขาอย่างหมดสภาพ
เมื่อสติกลับมา ทับทิมกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เคยคิดจะป้องกันตอนทำเรื่องอย่างว่ากับเธอเลยสักนิด จากนั้นก็ดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาปกคลุมร่างกาย นอนเบี่ยงหันข้าง พลางหายใจโรยริน โดยไม่หันกลับไปมองคนข้างกาย ดวงตาปรือรื้นน้ำตากระพือปิดลงเพื่อพักผ่อน
เพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าเธอยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ แต่เสียงจากคนข้างกายกลับดังขึ้นก่อกวนโสตประสาทการนอนของเธอ
"ฉันว่าเธอก็ชอบมันดีนิ" เขาเอ่ยเสียงติดหอบเหนื่อยไม่ต่างกันนัก เพียงแต่ใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามากระซิบกกหูเธอกลับเหยียดยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก
"อะไรของคุณคะ" ทับทิมถามกลับอย่างไม่เข้าใจนักว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่
"แบบไม่ต้องป้องกันไง" ทับทิมไม่มีอารมณ์โต้เถียงต่อปากต่อคำกับเขา เธอเหนื่อยเกินกว่าจะปริปากต่อว่าอีกฝ่าย
จนในที่สุดทุกอย่างในห้องก็ตกอยู่ในความสงบเมื่อไร้เสียงตอบกลับจากเจ้าหล่อน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศข้างผนังดังเป็นจังหวะการทำงานตามหน้าที่มันเบา ๆ
สติของทับทิมจึงดับวูบเข้าสู่ท้วงนิทรา โดยเธอไม่รู้เลยว่าใครบางคนจับจ้องมองใบหน้าสวยซึ่งหลับตาพริ้มไม่วางตา ด้วยแววตาราบเรียบยากจะคาดเดา
ช่วงเที่ยง
"แค่ก ๆ!" กลีบปากอวบอิ่มถูกชายหนุ่มประกบจูบลงมา พร้อมกับควันบุหรี่กลิ่นฉุน ๆ พ่นเข้าสู่โพรงปากเธอ ทำเอาคนที่นอนพักเพลิน ๆ สำลักจนหน้าแดงก่ำ น้ำหูน้ำตาไหลพรากอาบแก้มใส รีบกระพือตาเปิดขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก
"คุณเคเดนทำบ้าอะไรของคุณคะ!" หญิงสาวตวัดดวงตามองคนข้างกายอย่างกล่าวโทษ ทว่าอีกฝ่ายผู้กระทำไร้มารยาทนั้น กลับนั่งแผ่นหลังพิงพนักหัวเตียง แล้วอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างไม่ยี่หระ ก้านนิ้วคีบปลายบุหรี่สูบต่อจนหมดมวน เขาจึงโยนทิ้ง แล้วหันกลับมามองเธอ
"เธอนอนไม่รู้เรื่องเอง มันจะบ่ายแล้ว" มาเฟียหนุ่มบอกเสียงเรียบในขณะก้มมองเธอด้วยสายตาเรียบราบไร้ความรู้สึก
เนื้อตัวเขาทั้งคู่ยังคงเปลือยเปล่าไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า พลันความคิดแวบขึ้นมาในหัว แก้มทั้งสองข้างของทับทิมก็แดงสะพรั่งขึ้นมา เธอเม้มปากฉับ ดวงตากลมล่อกแล่กไปมาโดยไม่รู้ว่าควรวางสายตาไว้จุดใดดี...มองหน้าต่างหรือกล้ามท้องเป็นลอนแน่น ๆ ของเขา
"ทะ...ทำไมไม่ปลุกทิมคะ" น้ำเสียงหวานร้อนรน ทำท่าตกอกตกใจ ดึงผ้าห่มขึ้นมาม้วนร่างตัวเองเอาไว้ปกปิดภาพโป๊ ก่อนจะรีบลุกยืน วาดขาลงจากเตียง ท่าทางนั้นตกอยู่ในสายตาคมกริบทุกอริบถ เขาเหยียดยิ้มรู้ทันก่อนเอ่ย
"เมื่อคืนเธอก็ได้จับมันแล้วยังมองไม่หนำใจอีกหรือ?" ทับทิมสะอึกต่อคำพูดลามก หน้าเธอเห่อร้อนขึ้นมามากกว่าเก่าจนต้องรีบยกมือกุมเอาไว้แน่น
"ไม่ใช่ค่ะ ทิมไม่ชอบเลยสักนิด ทิมจะอาบน้ำไปเรียน!" เธอเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเมื่อโดนจับได้ว่ากำลังลอบมองหน้าท้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามเซ็กซี่ และโชคดีเหมาะเจาะเป็นอย่างมากเพราะวันนี้เธอมีเรียนแค่ช่วงบ่าย ไม่อย่างนั้นคงต้องขาดเรียนเป็นรอบสองแน่นอน
"มีชุดใส่ไปเรียนหรือไง" นั่นสิ ทับทิมหันไปมองชายหนุ่มครั้นเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าชุดเสื้อผ้าเธออยู่ที่ห้องเช่า
"ทิมจะกลับไปแต่งตัวที่ห้องทิมค่ะ ทิมกลับเลยดีกว่า" เพื่อไม่ให้เป็นการช้าเวลาสาวเจ้าจึงตัดสินใจจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องของตนเองดีกว่า มันสะดวกกว่าและมีอุปกรณ์แต่งตัวพร้อมกว่าห้องของเคเดน จะได้ไม่ชักช้าเสียเวลาประเดี๋ยวก็ไปเรียนสาย
"ไม่ต้อง เอากุญแจห้องพักเธอมา" เขาโพล่งขัดความคิดเธออีกครั้ง ทำให้ทับทิมยืนงงเป็นไก่ตาแตก
"เอาไปทำไมคะ"
"ฉันจะใช้ไอ้เหนือไปเอามาให้ และเก็บข้าวของไปอยู่กับฉันที่คอนโด"
"คะ...คอนโดอะไรคะ" หญิงสาวเบิกตากว้างต่อคำสั่งจัดเจนทุกอย่างเองเสร็จสรรพจากเขา โดยที่เธอยังงงงวยต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น และจบลงแบบไม่ทันตั้งรับ
"ฉันพูดครั้งเดียวจบ เอากุญแจมาซะ!" เป็นอีกครั้งที่เธอยึกยัก ช่างใจอยู่นานสองนาน แต่เพราะเคเดนตวัดหางตาไม่สบอารมณ์เพื่อใช้ข่มขวัญเธอ ทับทิมจึงจำยอมเดินไปหยิบกุญแจในชุดเดรสของตัวเองออกมายื่นให้แก่เขา
"ไปอาบน้ำซะฉันจะให้คนไปเก็บของมาให้" เคเดนรับมาก่อนจะตวัดเท้าออกจากห้องโชคดีที่คราวนี้หัวใจทับทิมไม่วายตายเสียก่อน บนเอวของเคเดนไม่ได้ล่อนจ้อนเหมือนคราวก่อน
ตอนนี้มีผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบหนา ปกปิดหุ่นล่ำ ๆ ของเขาเอาไว้พอหมิ่นเหม่ และเป็นอีกครั้งต่อกี่ครั้งที่เธอแอบมองรูปร่างของเขาแบบเผลอไผล อย่างหักห้ามใจเอาไว้ไม่ไหว
ทับทิมยืนงงทบทวนความจำอีกระลอก ก่อนที่อีกฝ่ายจะออกตากห้องไปเขาบอกกับเธอเอาไว้เช่นนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่ เก็บของ ของใคร และไปอยู่คอนโดกับเขา คอนโดที่ไหนกัน?
ในหัวหญิงสาวเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ เธอจึงละทิ้งความสงสัยชั่วคราว รีบเดินเข้าไปอาบน้ำชำระตัวตามที่เขาสั่ง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมปิดเรือนร่างข่าวเนียน
คราวนี้เคเดนนั่งจ้องเธออยู่บนโซฟา เขาตบมือลงโซฟาหนังปุบ ๆ เป็นเชิงส่งสัญญาณให้เธอไปนั่ง ทับทิมช่างใจอีกครั้ง เดี๋ยวเขาดีเดี๋ยวเขาก็ร้ายใส่จนคาดเดาอารมณ์เขาได้ยาก แถมเธอเองก็เกิดความหวาดระแวงเขาไม่น้อย ท้ายที่สุดก็เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ มาเฟียหนุ่ม
"อ๊ะ คุณเคเดน!" น้ำเสียงหวานอุทานปนกล่าวโทษเจ้าของตักแข็งแกร่งเล็กน้อย ครั้นเขาอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนหน้าตักแบบหน้าตาเฉย แถมจมูกโด่งเป็นสันก็ก้มลงมาคลอเคลียซอกคอระหง บ้างเม้มปากทำรอยอย่างมันเขี้ยว และเอาแต่ใจตน
โดยไม่สนเลยว่าเธอต้องไปเรียน มันคงดูไม่ดีหากคนภายนอกเห็นร่องรอยบนลำคอเธอ
"ชุดกับกระเป๋าของทุกอย่างในห้องเธอฉันสั่งลูกน้องเก็บออกมาทั้งหมด" ดวงตาคมกริบปรายมองบนพื้นข้างมุมอีกห้องฟากฝั่งหนึ่ง ทับทิมจึงมองตามด้วยความใคร่รู้ใคร่เห็น ก่อนเธอจะเบิกตากว้างตกใจขั้นสุด
"อะไรนะคะ! คุณทำอะไรของคุณคะเนี่ย!"
"ไปอยู่กับฉันที่คอนโด ผู้หญิงคนเดียวฉันเลี้ยงได้ มากกว่านี้ก็เลี้ยงได้" นับประสาเธอคนเดียวเขาเลี้ยงดูได้สบาย ยิ่งได้ลองรสสวาทจากเธอ เขายิ่งติดใจจนไม่สามารถปล่อยเธอให้หลุดมือได้...เขายังตักตวงจากเธอได้ไม่มากพอเลยด้วยซ้ำ
"คุณเคเดนจะเลี้ยงใครก็ช่างค่ะ แต่ทิมเลี้ยงตัวเองได้!" เธอไม่รับความหวังดีแต่ประสงค์ร้ายจากเขา เพราะอีกคนคงไม่ได้ต้องการแค่เลี้ยงดูแบบเอ็นดู เขาเลี้ยงดูเพราะเธอยังทำประโยชน์ให้เขาได้อยู่เสียมากกว่า
"เธอไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งฉัน เพราะที่เธอได้จากฉันไป ฉันควรตักตวงได้มากกว่านี้" ฝ่ามือหยาบกร้านมือหมับเข้าที่ปลายคางโค้งมนของสาวเจ้ารุนแรง
บีบบังคับเธอด้วยพละกำลัง ครั้นหญิงสาวไม่ยอมรับความต้องการจากตน ทับทิมเบ้หน้าปวดไปทั้งสันกราม พยายามสะบัดหน้าหนีแต่กลับไม่เป็นผล ก่อนจะแค่นเสียงออกมา
"คุณมันงก!"
"เพิ่งรู้หรือไง" ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ พอปากอวบอิ่มกำลังเผยอขึ้นมาพ่นคำน่าหงุดหงิดใส่ เขาจึงดึงเธอเข้ามาบดจูบ จู่โจมเรียวลิ้นเข้าไปต้อนน้ำลายรสหวานในโพรงปากเป็นพัลวัน จนเธอขาดอากาศหายใจ และเขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งจึงผละออกห่าง
"ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย" ทับทิมไม่ชอบใจนักต่อความเผด็จการของเขา ซึ่งนานวันก็คล้ายว่าเธอจะถูกควบคุมมากขึ้นโดยไร้อิสระ
"เลิกถามอะไรโง่ ๆ ได้แล้ว!" มาเฟียหนุ่มสั่งเสียงเคร่งขรึมบ่งบอกถึงความจริงจังมากเพียงใด ทำให้หญิงสาวบนตักเกิดโทสะแต่ไม่สามารถแย้งอะไรได้ หากโต้ตอบเขาไม่เธออาจโดนลงโทษแบบเมื่อคืน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบนัก
"เฮอะคนเห็นแก่ตัว!" แค่นหัวเราะเจ็บปวด ก่อนจะผุดตัวยืน แล้วหมุนกลับไปหากระเป๋าข้าวของที่เขาใช้ลูกน้องไปขนมา
พรึ่บ! เธอหยิบชุดนักศึกษามาสวมใส่ พร้อมจัดแต่งตัวอย่างรีบร้อนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเข้าเรียน กำลังจะหิ้วกระเป๋าออกไปจากห้อง เพื่อเอากลับไปไว้ห้องเช่าที่อยู่ดังเดิมของตัวเอง เคเดนก็รีบสืบเท้าเข้ามากระชากเธอออกจากกระเป๋าใบใหญ่ จนตัวลอยลิ่วชนเข้ากับแผงอกกำยำอย่างจัง
"ไปเรียนซะอย่าเรื่องมาก ฉันจะให้คนไปส่ง เลิกเรียนจะให้คนไม่รับมาส่งที่คอนโด ส่วนงานถ้ายังอยากทำฉันจะไม่ห้าม แต่ถ้ายังดื้อรั้นอยู่แบบนี้แม้แต่งานก็อย่าหวังว่าจะได้ทำ!"
"ทิมเกลียดคนเผด็จการแบบคุณที่สุดเลย!" ทับทิมเบ้ปากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธอไม่ต่างจากนกน้อยในกรงทองของเขา ตอนนี้เธอไม่สามารถตุกติกทำอะไรได้ตามใจ เขาบงการชีวิตเธอทุกอย่าง และเธอเป็นคนที่เกลียดกฎระเบียบข้อต้องห้ามไร้ขอบเขตความพอดีเป็นอย่างมาก จากนั้นทับทิมก็เลือกที่จะเลี่ยงปัญญา ไม่กล้าเผชิญหน้าต่อความจริง
เธอวิ่งออกจากห้องทันที แต่ไม่วายครั้นผลักประตูออกไป ทิศเหนือบอดี้การ์ดมือขวาของเคเดนก็มายืนดักรอไปส่งเธอที่มหา'ลัยอยู่ตั้งนานแล้ว เป็นอีกครั้งที่ทับทิมจำใจต้องให้ทิศเหนือไปรับ ไปส่งทุกวัน เพราะมันคือความต้องการของคนเป็นเจ้านาย ซึ่งไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเขา
"คุณทิศเหนือคะ ส่งทิมแค่นี้ก็พอค่ะ!" ทับทิมกลัวว่าเธอจะกลายเป็นจุดเด่นเรียกความสนใจจากนักศึกษาหลายคนอีก เลยบอกทิศเหนือจอดรถส่งเธอที่หน้ามหา'ลัย
ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไม่ทำตามและขับรถลีมูซีนเข้าไปจอดด้านหน้าตึกคณะบริหารที่ทับทิมเรียนอยู่ พร้อมเอ่ยบอกด้วยความลำบากใจเช่นกัน
"ไม่ได้ครับ เจ้านายสั่งผมไว้ว่าต้องส่งถึงหน้าตึก"
"ไม่เป็นไรค่ะ ทิมพอจะเข้าใจ" ทับทิมเข้าใจทิศเหนือเป็นอย่างดี เนื่องจากเจ้าหล่อนเองก็โดนเคเดนบังคับ
เมื่อรถลีมูซีนจอดเทียบท่าข้างฟุตบาท ทิศเหนือก็รีบลงจากรถ พลางเดินอ้อมมาเปิดประตู อำนวยความสะดวกให้แก่เธอ จนทับทิมรู้สึกเกรงใจต่อความไม่เลือกปฏิบัติ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นแค่เด็กเลี้ยงของเคเดน ซึ่งไม่ได้น่ายกย่องนัก เพราะเธอเอาตัวแลกกับเงิน
"ขอบคุณมากนะคะ"
"มันเป็นหน้าที่ของผมครับ" ทิศเหนือก้มหน้าตอบตามความจริง หลังจากนั้นก็กลับเข้าไปในรถยนต์ฝั่งคนขับ ทับทิมมองรถยนต์คันสีดำใหม่เอี่ยมขับออกไปจนลับสายตา แล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ด้วยความหนักอกหนักใจ ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งมีชีวิตส่วนตัวน้อยลงไปทุกที
ระหว่างเดินเข้ามาในห้องเรียนทับทิมก็ได้รับสายตาไม่เป็นมิตรจากแก๊งสามสาวคู่อริตัวดี ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงสองคน เพราะอีกหนึ่งชีวิตเพิ่งพบข่าวร้ายไปว่าเพื่อนของพวกนางได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตกคลอง
เธอละความสนใจจากพวกนาง ครั้นแพรพลอยเพื่อนสนิทสะกิดไหล่ยิก ๆ ทันทีที่ทับทิมหย่อนตัวนั่งเก้าอี้เรียนที่ประจำของตัวเอง พลางตั้งคำถามด้วยความฉงน ก่อนอาจารย์จะเข้ามาสอน
"ทับทิม เมื่อเช้าฉันไปหาแกเพื่อจะไปรับแกที่หอแต่ลุงยามบอกว่าแกย้ายที่อยู่ไปแล้วมันหมายความว่าไง" สายตาแพรพลอยหรี่ลงต่ำอย่างจับสังเกต คราวนี้ทับทิมเกิดความประหม่าเล็กน้อย แต่กลับแสร้งกลบเกลื่นได้อย่างแนบเนียน
"ฉันย้ายที่อยู่ใหม่ พอดีคิดว่าที่นั่นมันห้องแคบไปไม่ค่อยสะดวกสบาย เลยใช้เวลาขาดเรียนเมื่อวานนี้ไปขนของแบบกะทันหันน่ะ"
"ทำไมไม่บอกฉันล่ะ ฉันจะได้ไปช่วย"
"ฉันทำคนเดียวได้น่า" ทับทิมยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะทำท่าหยิบสมุดหนังสือขึ้นมาวางบนโต๊ะเรียน เพื่อกลบเกลื่อนอาการมีพิรุธที่จะทำให้เพื่อนสนิทรู้ทัน
"แล้วแกย้ายไปอยู่แถวไหน ฉันจะได้ไปรับถูก" แพรพลอยถามด้วยความห่วง เพราะวันนี้ไปรอที่หน้าห้องเช่าของทับทิมแต่ก็ไร้วี่แววเธอ จนลุงยามรักษาความปลอดภัยบอกว่าทับทิมย้ายออกจากที่นี่ไปแล้ว เธอจึงตกใจไม่น้อย ทุกอย่างมันกะทันหันปุบปับเร็วเกินไป
"แถวนี้แหละ แต่ฉันคิดว่าจะไม่ได้อาศัยรถแกแล้วนะ ฉันจะนั่งวินมา" ทับทิมไม่ได้ระบุที่อยู่แน่ชัดนัก เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าคอนโดมิเนียมของเคเดนที่เขาจะให้เธอไปอยู่ อยู่ส่วนใดของกรุงเทพฯ.
"อย่างนั้นเหรอ นี่รถฉันก็เพิ่งไปซ่อมเสร็จเลย พังยับซะขนาดนั้น แต่ดีที่ร้านรีบซ่อมให้เพราะฉันจำเป็นต้องใช้" แพรพลอยบ่นกระปอดกระแปด
"เงินค่าเสียหายพอหรือเปล่าที่ฉันให้แกไปจัดการ"
"พอสิ" ระหว่างที่กำลังสนทนาชักถามไปมากกว่านั้น อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพอดิบพอดี ทุกคนจึงเงียบหันไปสนใจหน้ากระดาน และหยุดพูดคุยกันโดยอัตโนมัติ รวมไปถึงสองสาวด้วย
ก่อนที่ทับทิมจะหันกลับมาตั้งใจฟังอาจารย์สอน หางตาเธอกลับเหลือบไปเห็นแก๊งสามสาวเพื่อนสนิทคู่อรินั้น มองมาทางเธอด้วยแววตามุ่งร้ายอย่างไม่ปกปิด
ทับทิมทำเมินเหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับเก็บมาคิดมากในหัว จนตลอดการเรียนเธอไม่ได้ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอนเลยสักนิด เธอยังตงิดใจต่อท่าทางของทั้งสองคนนั้น จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน
"กลับดี ๆ นะแก" ทับทิมโบกมือลาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ก่อนจะเดินแยกตัวไปคนละทางกัน เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าต่อจากนี้ทับทิมจะเดินทางมาเรียน และกลับบ้านด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องการให้เพื่อนเสียเวลาวนรถกลับมารับเทียวไปส่งแบบนี้อีก แพรพลอยไม่ได้ขัด เพราะนางเป็นคนง่าย ๆ ยังไงก็ได้อยู่แล้ว
"แกก็กลับดี ๆ ล่ะ" แพรพลอยตอบรับก่อนจะหันหลังไปที่โรงจอดรถของมหา'ลัย ส่วนทับทิมปลีกตัวออกมานั่งรอรถกลับบ้าน ซึ่งเป็นลีมูซีนคันเดิมที่นั่งมาเมื่อตอนบ่ายของวันนี้ และจากนี้ไปมันคงต้องเป็นเช่นนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างนั่งรอรถอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนด้านหน้าตึกคณะ อยู่พักหนึ่งทั้งสองสาวคู่อริก็เดินเข้ามาหาทับทิม เธอมองพวกหล่อนอย่างไม่เข้านักเมื่อฝ่ายนั้นกอดอกเชิดหน้าจ้องเขม็งมาทางเธออย่างหาเรื่อง และแววตาแข็งกร้าวอย่างกับเคียดแค้นเธอมาก
"พวกเธอมีอะไรกับฉันเหรอ" ทับทิมเอ่ยถามขึ้นมาก่อนด้วยสีหน้างงงวย เมื่อข้าวกับแพรวาจ้องเธอไม่เลิก
"แกอย่ามาตอแหลหน่อยเลย" แพรวาชี้หน้าทับทิม พร้อมน้ำเสียงแหลม ๆ ตวาดใส่
"เป็นเพราะแกนั่นแหละยัยส้มถึงต้องตาย!" ข้าวพูดเสริมด้วยความเหลืออด เพราะหลักฐานทุกอย่างมันเด่นชัดมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรคนทำผิดได้เพียงเพราะเขามีอิทธิพลมาก
"อะไรของพวกเธอ มันเรื่องอะไรกันฉันไม่รู้เรื่อง" ทับทิมไม่เข้าใจกับสิ่งที่ทั้งสองพูดและกำลังด่าทอเธออย่างหนัก กระทั่งข้าวเอ่ยต่อเฉลยข้อข้องใจนั้น
"ก็แกเป็นเด็กคนมีอำนาจนี่ แกไม่พอใจพวกฉันใช่ไหมล่ะ ถึงได้บอกไอ้นั่นมาจัดการพวกฉัน!"
"ไม่ต้องไปถามมันหรอก ใคร ๆ ก็ดูออก แถมไอ้นั่นยังใช้ลูกน้องบุกไปงานศพของส้ม เพื่อยัดเงินให้กับครอบครัวส้มเพื่อปิดข่าวด้วย! ข่าวมันเลยเงียบไม่มีใครตามเรื่องอยู่แบบนี้ไง ยัยส้มถึงได้ตายฟรี!!" แพรวากับข้าวไปร่วมงานศพของส้ม หลังจากตัวเองพักฟื้นที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้น เคเดน หรือที่พวกหล่อนเรียกว่า 'เสี่ย' ได้ส่งลูกน้องไปร่วมงาน และเอาเงินอุดปากพ่อแม่ของเพื่อนหล่อน
ทำให้ไม่มีใครคิดจะสืบสาวกับเรืีองที่ได้เกิดขึ้น มันไม่ใช่เหตุสุวิสัย แต่เกิดจากฝีมือใครบางคนที่จงใจจะไล่ฆ่ากัน โชคดีที่พวกหล่อนรอด แต่เพื่อนอีกคนกลับต้องตาย นั่นจึงเป็นเหตุให้มาเอาเรื่องทับทิม เพราะอาจจะเป็นเธอที่ยืมมือของเสี่ยมาทำร้ายพวกหล่อน
"ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม ฉันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ" หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ เรื่องนี้เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยสักนิด เพียงแต่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกหล่อนแค่ในข่าวเท่านั้น
"ใครเขาจะเชื่อแก แกนั่นแหละร่วมมือกับไอ้ปู้ชายคนนั้นนั่นฆ่ายัยส้ม!!" แพรวาเหลืออด ด่าทอทับทิมจนนักศึกษาบริเวณนั้นเหลียวหลังมามอง ทับทิมเองก็ทำตัวไม่ถูก เธอไม่ได้เป็นคนทำ และไม่มีส่วนรู้เห็นเลยด้วยซ้ำ
"ฉะ...ฉันไม่รู้ ฉันขอตัว" เธอต้องการหาที่ตั้งหลัก ตั้งสติต่อสิ่งที่พวกหล่อนปักปำเธออีกครั้ง จึงหยัดกายยืน หมายจะเดินหนี เธอไม่ได้อยากหนีความจริงที่กำลังล่วงรู้
ทว่าเธอยังสับสนจับต้นชนปลายไม่ได้ต่างหาก และที่แน่ ๆ เธอไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน แต่สำหรับเคเดนไม่แน่ เขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เต็ม ๆ
หมับ! แต่แพรวาก็เดินเข้ามาขวางทาง ก่อนข้าวจะเดินมาจับตัวทับทิมเอาไว้ พร้อมกับเอาแขนของเธอไขว้ไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้ขัดขืน ทับทิมมองพวกหล่อนด้วยสายตาสั่นระริก แล้วเอ่ยถาม
"พวกเธอจะเอาอะไรกับฉันอีก ฉันบอกแล้วไงฉันไม่รู้เรื่องด้วย!"
"เพื่อนฉันต้องตาย โดยที่แกยังใช้ชีวิตโดยไม่สะทกสะท้านงั้นเหรอ ฉันเห็นแล้วโคตรเกลียดแกเลย" แพรวาพูดพร้อมกับนวดคลึงมือไปพลาง เพื่อเตรียมพร้อมสั่งสอนล้างแค้นแทนส้มที่เสียชีวิตไปแล้ว
"พวกเธอจะทำอะไร" ทับทิมออกอาการสั่นระริกทันที เพราะร่างกายถูกตรึงเอาไว้ จึงไม่มีทางหนีพ้นจากเงื้อมมือพวกหล่อน และไม่มีทางต่อสู้ได้ ทับทิมกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
"ทำเหมือนกับที่แกทำกับเพื่อนฉันไงล่ะ!"
ส้มตายในระหว่างที่พวกหล่อนกำลังขับรถกลับบ้านหลังเลิกเรียน หากไปไม่ถึงที่พัก เพราะถูกคนปริศนาขับรถไล่ประกบ ส้มที่เป็นสารถีไม่สามารถหาที่หลบได้ ยิงถูกยิงเข้าหลายนัดตายค่าที รถยนต์จึงเสียหลักชนเข้ากับรถอีกคันที่ขับสวนเลนกันมา พวกหล่อนได้รับบาดเจ็บ แม้ไม่ถึงตายก็เครียดแค้นไม่น้อย