บทที่ 6
“ช่อม่วง ไอ้หมอนี่น่ะเพื่อนฉันเอง ชื่อแพท ส่วนเจ้านี่โทนี่ เป็นทหารบก ส่วนนี่ไอ้ชินเป็นทหารอากาศ” น่านนทีเอ่ยแนะนำอย่างรวบรัดก่อนจะหันมาทางกุลสตรี แฟนสาวของตัวเอง...วูบหนึ่งที่เขารู้สึกชะงักไปเล็กน้อยเมื่อต้องแนะนำสาวคนรักให้ยัยตัวเล็กรู้จัก ด้วยรู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกลบอกไม่ถูก แต่สุดท้ายก็จำต้องแนะนำเมื่อเห็นกุลสตรีมองชณิกามาศไม่วางตา “นี่กุลสตรี...แฟนฉันเอง...ส่วนนี่ช่อม่วง เป็นลูกสาวของลุงชัยพงศ์ เพื่อนพ่อกับแม่แล้วก็เป็นเชฟขนมไทยประจำโรงแรมเราด้วย”
“สวัสดีนะคะคุณช่อม่วง ซีคะ...กุลคบกับคุณมาก็เกือบจะสองปีแล้ว ทำไมไม่เคยเห็นหน้าคุณช่อม่วงเลยล่ะคะ” สาวเจ้าเอ่ยถามแฟนหนุ่มซ้ำยังควงแขนเขาแสดงออกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของให้แม่สาวขนมหวานใจหล่นเล่น...หึ มองดูก็รู้แล้วว่าแม่นี่คิดยังไงกับน่านนที อย่าหวังเลยว่าจะหยิบชิ้นปลามันไปจากเธอได้...กว่าจะหว่านเสน่ห์จนเขาหลงหัวปักหัวปำถึงขั้นอยากร่วมหอลงโลงกับเธอไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่ยอมปล่อยบ่อเงินบ่อทองของเธอไปง่ายๆ หรอก...
“อย่าว่าแต่คุณกุลเลยครับ ขนาดพวกผมเป็นเพื่อนกับไอ้ซีมาตั้งแต่กระโปรงบานขาสั้นยังไม่เคยเห็นคุณช่อม่วงเลย จริงมั้ยไอ้ชิน” พันโทธนทัต นายทหารเจ้าเสน่ห์แห่งกองทัพบกขอเสียงสนับสนุนจากชินกฤตที่กำลังตักขนมช่อม่วงใส่จาน
“นั่นสิครับ ถ้าพวกผมรู้สักนิดว่าคุณช่อม่วงเป็นเจ้าของสูตรขนมพวกนี้ ไอ้แพทเพื่อนผมคงไม่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ” ว่าแล้วนายทหารอากาศหนุ่มอย่างเรืออากาศเอกชินกฤตก็อดหยิกแกมหยอกเพื่อนซี้อย่างอิทธิพัทธ์ไม่ได้
“แหม...ถ้ารู้จักกับซีมานานอย่างนี้ ก็น่าจะรู้ข่าวดีของเราแล้วใช่มั้ยคะซี” กุลสตรีเสียงแหลมสูงหันไปถามน่านนทีเสียงหวาน ก่อนจะยิ้มระรื่นให้ชณิกามาศที่เริ่มบีบมือตัวเองไปมา นึกอยากจะออกไปจากการสนทนานี้เต็มที เธอพอจะรู้กิตติศัพท์ของเจ้าหล่อนมาบ้างจากวาลุกาและอโณทัย คราวนี้เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมทุกคนในครอบครัวน่านนทีถึงได้ตั้งแง่กับเจ้าหล่อนนัก ขนาดกับเธอเพิ่งเจอกันครั้งแรกยังรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างแรงของคนรักชายหนุ่ม “คือเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันน่ะค่ะ”
ได้ยินอย่างนี้ชณิกามาศก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้มีความรู้สึกตกใจกับข่าวนี้ รู้ดีด้วยซ้ำว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น แต่กระนั้น ตากลมใสมองสบตาคู่คมของน่านนทีเล็กน้อยและเอ่ยแสดงความยินดีออกไป
“ยินดีด้วยนะคะคุณซี คุณกุลสตรี...งั้นช่อม่วงขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปดูความเรียบร้อยส่วนอื่นก่อน” พูดจบก็หันหลังเดินออกจากวงสนทนาทันที และเป็นอีกครั้งที่น่านนทีไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเป็นห่วงความรู้สึกของยัยตัวเล็ก...อาจเป็นเพราะเขารู้กระมังว่าเธอคิดยังไงกับเขา ไหนจะสิ่งที่เกิดขึ้นในลิฟต์ถึงทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็เอาเถอะยังไงซะเธอก็ต้องรู้อยู่ดีในเมื่องานแต่งงานของเขากับกุลสตรีก็จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
“พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็คงต้องบอกว่ายินดีด้วยนะเว้ยซี ที่ในที่สุดความรักของนายกับคุณกุลก็สามารถทำให้แม่ของนายใจอ่อนได้” ธนทัตว่าพลางตบไหล่หนักๆ ของเพื่อนที่เขาเองทั้งเห็นใจทั้งสงสาร เพราะรู้ดีว่าที่ผ่านมาน่านนทีกับกุลสตรีต้องฝ่าด่านอะไรมาบ้างกว่าจะมีวันนี้ แม้ลึกๆ แล้วเขาจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่อย่างคุณหญิงเพียงตาที่ไม่อยากให้สะใภ้ใหญ่ของบ้านมีประวัติด้างพร้อยในทุกเรื่อง แต่ความเป็นทหารนักรบด้วยกัน เขาย่อมเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดี...นักรบไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าความเข้าใจ เมื่อเจอคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างโดยไม่สนว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง น่านนทีก็พร้อมที่จะไม่สนใจอดีตหรือความดำมืดของครอบครัวกุลสตรีเช่นกัน
“ความรักชนะทุกอย่างค่ะคุณโทนี่” กุลสตรีบอกเสียงใสแล้วกันไปสบตาหวานซึ้งกับคนรักที่โอบกอดเธอไว้แน่น...ใช่...ความรักชนะทุกอย่าง แต่เหนือความรักก็คือมารยาหญิงที่จะชนะแม้กระทั่งความรักของแม่บังเกิดเกล้า ต่อจากนี้เธอก็จะได้เป็นคุณนายทหาร มีหน้ามีตา มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ แม้ว่าปากเขาจะพร่ำบอกเสมอว่าอยู่กับเขามันเสี่ยง...เขาเป็นนักรบ ต้องไปทำภารกิจเสี่ยงตายเสมอๆ แต่เธอจะแคร์ทำไม ถ้าเขาตายเธอก็จะได้สมบัติของเขาในฐานะเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อให้เป็นหม้ายยังสาวก็ถือว่าคุ้ม อีกอย่างตั้งแต่เธอคบกับเขามายังไม่เห็นเขาจะไปปฏิบัติภารกิจบ้าบออะไรนั่นสักที...