ลิขิตเสน่หา นาวาพิศวาส

106.0K · จบแล้ว
ช่อทับทิม
77
บท
72.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เงื่อนที่พันธนาการหัวใจของเขาไว้กับหญิงสาวจนยากที่จะปลดเปลื้อง หรือสุดท้ายแล้วเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และยอมรับ 'เมียจำเป็น' คนนี้เสียเอง

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆดราม่าแก้แค้นเศรษฐีโรแมนติกพระเอกเก่งฟินๆ

บทนำ

คฤหาสน์อัครภักดีธาดาตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่าสิบไร่ รายล้อมด้วยต้นปีบสูงใหญ่ รอบรั้วบ้านเต็มไปด้วยต้นลีลาวดีสีขาวปลูกสลับกับต้นมะลิ ยามมีลมพัดจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว หากแต่วันนี้กลิ่นหอมนั้นมันช่างเยือกเย็น...เย็นพอๆ กับอุณหภูมิภายในห้องทำงานใหญ่ของคุณหญิงเพียงตา ภรรยาพลเรือเอกเกรียงไกร อัครภักดีธาดา อดีตทหารนักรบแห่งกองทัพเรือไทยผู้ล่วงลับ และคุณหญิงยังเป็นเจ้าของโรงแรมฮันนี่ สวีต โรงแรมสุดหรูระดับห้าดาวกลางใจเมืองกรุงเทพฯ รวมทั้งยังขยายสาขาไปตามจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อีกมากมาย

คุณหญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร นิ้วเรียวเคาะโต๊ะกระจกจนบังเกิดเสียง ตาคมกล้าสีนิลฉายแววเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดนั้นจ้องมองไปที่ร่างชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งยืนกุมมือกันอยู่กลางห้อง คนหนึ่งคือเรือเอกน่านนที ลูกชายคนโต ส่วนอีกคนคือกุลสตรี แฟนสาวของลูกที่นางไม่เต็มใจจะต้อนรับ เยื้องไปทางด้านหลังของนางนั้นคือวาลุกา ลูกสาวคนกลางและอโณทัยลูกชายคนเล็กที่กำลังยืนลุ้นว่าแม่จะตัดสินใจอย่างไรในสิ่งที่พี่ชายตัวเองร้องขอ

“แกอยากจะแต่งงานจริงๆ ใช่มั้ย” เสียงทรงอำนาจเยียบเย็นเอ่ยถามลูกชายคนโตที่กำลังใช้สายตาคมกล้าดุจกันสบตากับนางและตอบด้วยเสียงมั่นคง

“ครับแม่ ผมกับกุล เราจะแต่งงานกัน” เสียงนั้นทั้งมั่นคงและดื้อดึงในความรู้สึกของคนฟังที่ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับต้องกำหมัดตัวเองน้อยๆ ลูกอีกสองคนก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด ส่วนผู้หญิงอีกคน...คนที่ชายหนุ่มบอกว่าจะแต่งงานด้วย เจ้าหล่อนกำลังก้มหน้านิ่ง และหากมองผิวเผินคนอื่นคงจะคิดว่ากุลสตรีกำลังกลัวเกรงคุณหญิง แต่เปล่าเลย

นางเห็น...เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นแอบกระตุกยิ้มอย่างสะใจ...หึ คงเห็นว่าชัยชนะกำลังอยู่ใกล้แค่เอื้อมล่ะสิ...

“แกแน่ใจนะตาซี ว่าอยากจะแต่งงาน” คุณหญิงเอ่ยถามซ้ำด้วยน้ำเสียงหนักไม่แพ้เสียงของลูกชาย ก่อนจะกระตุกยิ้มน้อยๆ เมื่อคนเป็นลูกตอบรับอย่างชัดถ้อยชัดคำ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เขาขอมันอาจจะขัดใจแม่อยู่ไม่น้อยเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าแม่ไม่ค่อยชอบกุลสตรีคนรักของเขานัก ส่วนสาเหตุมันก็แค่เหตุผลว่าหญิงสาวเป็นลูกของอดีตพ่อค้ายาเสพติดที่ถูกจับเข้าซังเต แต่สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้มันไม่สำคัญเท่ากับใจของเธอที่มีแต่ความรักและความเข้าใจให้กับเขา...นายทหารที่ชีวิตต้องแขวนอยู่บนความเป็นความตายย่อมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่คนรักเข้าใจในอุดมการณ์ของตน ส่วนภูมิหลังครอบครัวของเธอเขาเลือกที่จะมองข้าม “ก็ได้...ในเมื่อแกอยากแต่งงาน ฉันก็จะอนุญาต”

สิ้นคำคุณหญิงก็เหมือนมวลอากาศปล่อยในห้องค่อยปลอดโปร่งขึ้น เป็นครั้งแรกที่น่านนทียิ้มออกมา นัยน์ตาสีนิลเป็นประกายสบตากับคนรักด้วยความสมหวัง...ในขณะที่ลูกสาวกับลูกชายอีกสองคนอุทานเรียกแม่ตัวเองเบาๆ อย่างไม่เชื่อหู แต่คุณหญิงก็ยกมือห้าม และส่งยิ้มเย็นไปให้ลูกชายคนโต

“ขอบคุณนะครับแม่”

“ขอบคุณนะคะคุณหญิงที่เมตตา” กุลสตรีเอ่ยเสียงหวานทว่าน้ำเสียงนั้นกลับแฝงด้วยกระแสแห่งชัยชนะ...เธอรู้...ยัยคุณหญิงนี่ไม่ได้ยินดีและเต็มใจจะให้เธอแต่งงานกับลูกชายของมันหรอก ในเมื่อมันกับลูกของมันอีกสองคนตั้งท่าขัดขวางเธอทุกวิถีทาง แต่ระดับกุลสตรีแล้ว ไม่มีทางยอมง่ายๆ หรอก เพราะสุดท้ายเธอต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายชนะ

“เรื่องฤกษ์ยามเดี๋ยวฉันจะจัดการให้ แกสองคนออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ อ้อ...อาทิตย์หน้าอย่าลืมมางานฉลองครบรอบหกสิบปีของโรงแรมด้วยนะตาซี ชวนเพื่อนของแกมาด้วย ส่วนเธอจะมาด้วยก็ได้นะ” คุณหญิงเพียงตาสบตากับกุลสตรีแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าสนใจกับกองเอกสาร โดยไม่คิดจะสนทนาอะไรกับสองคนนั้นอีก ไม่สนแม้จะรับรู้เสียงเอ่ยลาจากน่านนที แต่กลับเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงประตูปิดลง และทันทีอีกเช่นกันที่เสียงของลูกชายและลูกสาวร้องท้วงขึ้น

“แม่คะ แม่พูดอะไรออกไปรู้ตัวมั้ยคะ แม่จะยอมให้ยัยกุลสตรีดองกับครอบครัวเราจริงๆ หรือคะ พ่อมันเป็นพ่อค้ายาเสพติดนะคะแม่ ตอนนี้ก็นอนอยู่ในคุก เกิดมันอ้อนขอให้พี่ซีช่วยพ่อมันจะทำยังไง” วาลุกาใส่เป็นชุดด้วยความหงุดหงิดและกังวลใจ ร่างเพรียวบางเดินไปกระแทกตัวนั่งที่โซฟารับแขก ในขณะที่ลูกชายก็ฮึดฮัดไม่แพ้กัน

“แม่จะยอมจริงๆ หรือครับ เมื่อกี้ผมเห็นนะว่าพี่กุลเขายิ้มเยาะแม่ขนาดไหน” อโณทัยว่าด้วยความโมโห โมโหยัยผู้หญิงสองหน้าที่เป็นประเภท ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก แรกๆ ที่รู้จักกัน กุลสตรีก็วางตัวดีอยู่หรอก แต่พอแม่ของเขาเอ่ยปากขอให้เลิกยุ่งกับพี่ชายเพื่อภาพลักษณ์ในสังคมของตัวพี่ชายเอง เจ้าหล่อนก็ถึงกับประกาศกร้าวท้าทายจนไม่เหลือคราบของหญิงสาวผู้เรียบร้อยและดูเป็นกุลสตรีตามชื่อเลยสักนิดว่า

“แหม...คุณหญิงคะ กุลน่ะไม่ใช่นางเอกในละครน้ำเน่านะคะที่จะยอมทำตามคำขอของแม่ผัวเพื่ออนาคตของคนรัก ผู้หญิงอย่างกุลไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ คุณหญิงก็เห็นว่าซีเขารักแล้วก็หลงกุลมากแค่ไหน แล้วเรามาดูกันนะคะว่าระหว่างกุลกับคุณหญิง ซีเขาจะเลือกใคร” แล้วไม่นาน พี่ชายของเขาก็มาอาละวาดต่อว่าต่อขานแม่เรื่องที่สั่งให้กุลสตรีเลิกกับเจ้าตัว และหลังจากนั้นครอบครัวที่เคยอบอุ่นผูกพันใกล้ชิด ความสนิทสนมระหว่างแม่กับพี่ชายก็เริ่มจืดจางและกลายเป็นรอยร้าวที่ยากจะประสาน เพราะแม่เองก็ยืนยันไม่อ่อนข้อ ขณะที่พี่ชายก็ดื้อรั้นและไม่ยอมเช่นกัน

“พวกแกจะตีโพยตีพายไปทำไม กะอีแค่พี่แกมาขอแต่งงาน” หลังจากที่เงียบฟังลูกๆ บ่นอยู่นาน คุณหญิงเพียงตาก็เอ่ยขึ้น ร่างผอมทว่ายังดูสง่าสมเป็นภรรยาอดีตท่านนายพลผู้เสียสละชีวิตไว้บนพื้นน้ำเพื่อปกป้องอธิปไตยน่านน้ำทะเลไทย นางเยื้องกรายเดินมานั่งข้างลูกสาวและคลี่ยิ้มบางมองสบตาลูกทั้งสองคนที่คงกำลังคิดว่านางต้องบ้าแล้วแน่ๆ “ฉันบอกว่าให้ตาซีแต่งงาน แต่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะให้มันแต่งงานกับใคร”

สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร สำนวนนี้นางท่องได้ขึ้นใจ คนอย่างนางไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหมือนกัน ‘อัครภักดีธาดา’ เป็นตระกูลที่มีเกียรติและมีหน้ามีตาในสังคมด้วยความทุ่มเทของผู้เป็นสามี นางจะไม่ยอมให้ตระกูลนี้ต้องมาแปดเปื้อนมีมลทินเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวอย่างกุลสตรี ลำพังชื่อเสียงวงศ์ตระกูลน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เกียรติยศของลูกชายต่างหากที่สำคัญกว่าและจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นนำความเดือดร้อนมาให้ลูกชายคนโตที่อาจจะถูกนินทาติฉินได้หากใครต่อใครรู้ว่า ภรรยาของเขาคือลูกสาวพ่อค้ายาเสพติด ยาเสพติดที่ท่านเกริกไกร ผู้เป็นบิดาพยายามปราบปรามจนต้องจบชีวิตลงกลางทะเลอ่าวไทย!

หรือไปกว่านั้นคือ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักน่านนทีจริงอย่างที่ปากว่า เจ้าหล่อนรักเพียงแค่ทรัพย์สมบัติของลูกชายนางก็แค่นั้น...