EP 3 [3-2]
“แล้วพวกมึงสองคนจะนั่งกอดกันอีกนานไหม”
พิเพอร์เดินกลับมานั่งลงที่เดิมก่อนจะเอ่ยทักขึ้น ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตากับแกรมที่กำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน ฉันรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากตักของแกรมทันที
“ว๊าย!”
เพราะรีบลุกขึ้นยืนทำให้ฉันที่ไม่ทันระวังเกือบจะล้มไปอีกทางแต่โชคดีที่แกรมลุกขึ้นมาคว้าตัวฉันไว้ได้ก่อน ตอนนี้ก็เลยดูเหมือนว่าเรากำลังยืนกอดกันแบบแนบสนิทอยู่
“อุ๊ฟฟ!”
พิเพอร์ยกมือขึ้นปิดปากด้วยจริตจะก้านที่น่าหมั่นไส้ ฉันรีบเบี่ยงตัวออกก่อนจะนั่งลงที่โซฟาเหมือนเดิม
“ผัวเมียเขาไม่ง้อกันแล้ววะ” โบ้ทแซวขึ้นขำๆ
“ตลก! แค่เมียปัจจุบันของมันนิ้วมือกับนิ้วตีนพวกเรารวมกันห้าคนก็นับไม่พอ” ฉันพูดพลางหยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มบ้าง ในผับวันนี้เขาไม่เปิดแอร์หรือไง ทำไมอากาศมันถึงได้ร้อนขนาดนี้
“แต่ถ้าเป็นคุณทรายมาคบกับผม ผมให้เป็นที่หนึ่งเลยนะ” แกรมหันมาพูดกับฉันพลางยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“เอาแล้วๆๆ” โบ้ทถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวออกมา
“หนึ่งร้อย”
“ไอสัส” ฉันด่ามันกลับไปทันที
แกรมก็แค่หัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะชนแก้วกับโบ้ทและราม
มหาวิทยาลัย
หลังจากเปิดเทอมมาได้สองเดือนกิจกรรมที่ฉันจะไม่พลาดเลยในทุกๆ ปีก็คือ ‘ค่ายอาสา’ นั่นเอง
“พวกมึง ปีนี้ไปค่ายอาสาด้วยกันนะ” ฉันถือเอกสารใบสมัครสำหรับเข้าค่ายอาสาปีนี้เดินมาที่โต๊ะประจำกลุ่ม
“มึงไม่เบื่อบ้างเหรอไปทุกปี” แกรมถามกลับมาโดยที่ตายังสนใจเกมในโทรศัพท์เหมือนเดิม
“พวกมึงอ่าไม่เคยไปกับกูเลย ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วไปด้วยกันนะ” ฉันพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าเพื่อนทีละคนอย่างอ้อนวอน
“ไปกี่วันเหรอทราย” ข้าวโพดเงยหน้าขึ้นมาถาม
“สามวันเองนะ สามวันสองคืน” ฉันตอบกลับพร้อมยื่นเอกสารใบสมัครให้ข้าวโพดอ่านรายละเอียด
“ปีนี้แค่ไปปลูกป่าเอง ไม่ลำบากอะไรมากเลย”
“เออๆๆ”
“เย้!”
เมื่อทนแรงรบเร้าของฉันไม่ไหว เพื่อนๆ ทุกคนก็ตอบตกลงที่จะไปค่ายอาสาด้วยกัน
จนถึงวันที่จะต้องเดินทาง วันนี้ทางค่ายนัดรวมตัวที่ลานกิจกรรมก่อนจะขึ้นรถบัสไปด้วยกันซึ่งนักศึกษาที่ไปทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าคนแบ่งกันนั่งรถบัสสามคัน
“หาววววว”
“ง่วงนอนอะไรขนาดนั้นวะ”
ฉันหันไปถามแกรมที่ยืนหาวอยู่ข้างฉัน สภาพนี่คือเหมือนคนยังไม่ได้นอนมากกว่า
“กูยังไม่ได้นอนต่างหาก เพิ่งกลับจากผับตีสามมึงก็นัดกูตีห้า ไม่รู้จะรีบไปไหนกลัวป่าจะหนีหรือไง”
แกรมตอบกลับมาพร้อมมองหน้าฉันอย่างไม่พอใจ ก็รู้ว่าต้องตื่น
เช้าแล้วใครใช้ให้ไปเที่ยววะ
“เออๆ ไปนอนบนรถเอา” ฉันพูดพร้อมกับเดินนำขึ้นไปบนรถบัส
ไม่นานรถบัสก็เริ่มออกเดินทางโดยที่พิเพอร์นั่งกับข้าวโพดซึ่งตอนนี้กำลังหลับหัวชนกันอยู่ โบ้ทนั่งกับรามและฉันนั่งกับแกรม ซึ่งฉันขอแกรมนั่งข้างหน้าต่างเพราะอยากดูวิวข้างทางส่วนแกรมขึ้นมาปุ๊บก็หลับปั๊บ ฉันก็เลยหยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ
“อ๊ะ!”
ฉันอุทานออกมาเบาๆ เมื่อหัวของแกรมก็ซบลงมาที่ไหล่ของฉันโดยที่เจ้าตัวยังคงหลับสนิทอยู่
“งื้ออ”
ฉันเอามือผลักหัวแกรมออกเบาๆ ทำให้แกรมส่งเสียงครางอย่างรำคาญออกมาก่อนจะจับมือฉันที่ผลักหัวของเขาไปกุมไว้ที่ตักแทน
“แกรมๆ”
ฉันพยายามดึงมือออกแต่แกรมก็จับเอาไว้แน่นแถมลองเรียกดูแล้วมันก็ยังไม่ยอมตื่นอีกต่างหาก
‘ที่ค้างในความรู้สึก ว่าลึกๆ เธอคิดยังไง...’
เพลงใหม่ที่ดังขึ้นมาในหูฟังของฉันทำให้ฉันหันแกรมไปมองหน้าแกรมก่อนจะก้มลงมองมือของเราที่ยังจับกันอยู่อย่างนั้น
‘อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้ มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย...’
สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะหันกลับมามองวิวข้างทางเหมือนเดิม อยู่ๆ ฉันก็เผลออมยิ้มกับหน้าต่างรถบัสแล้วเปลี่ยนเป็นถอนหายใจออกมาแทน ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
‘...กลัวรับมันไม่ไหว’
*เพลง: อยากรู้...แต่ไม่อยากถาม
ศิลปิน: Calories Blah Blah
“แวะพักรถสิบนาทีนะครับ!”
เสียงของประธานชมรมตะโกนขึ้นมาในรถทำให้ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหนและที่สำคัญคือคราวนี้ฉันนอนซบอยู่บนไหล่ของแกรมแทน
“น้ำลายย้อยใส่เสื้อกูป่ะเนี้ย”
“ไม่มีโว้ย”
ถึงจะตอบออกไปแบบนั้นแต่ฉันก็ลองยกมือขึ้นเช็ดที่มุมปากดูเพื่อความมั่นใจ
“มึงจะลงไหม”
“ลง กูจะไปห้องน้ำ”
“ฝากซื้อลูกอมหน่อยสิ”
“ลูกอมอะไรวะ”
“แตงโมที่มึงชอบกินอ่า...อะไร” แกรมถามกลับมาทันทีที่ฉันแบมือไปตรงหน้า
“เงิน”
“สิบบาทมึงก็ขอกูเหรอเนี้ย”
“เออๆ เอาขาหลีกดิ”
“ข้ามไปสิ”
“ข้ามพ่อง”
“ฮ่าๆ”
แกรมหัวเราะเบาๆ ก็จะขยับขาหลบไปด้านข้างเพื่อให้ฉันเดินออกมาได้สะดวกขึ้น
หลังจากเข้าห้องน้ำจัดการธุระตัวเองเสร็จฉันก็เดินมาเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อลูกอมและขนมเพิ่มอีกนิดหน่อย
“อะ! ลูกอม”
“ขอบคุณค่าบบ”
แกรมพูดพร้อมยื่นมือมารับลูกอมกลิ่นแตงโมและขยับตัวเพื่อให้ฉันสามารถเดินเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเองได้
“มีขนมกินไหม” ข้าวโพดที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างหน้าฉันหันหลังกลับมาถาม
“มีจ้า” ฉันพูดพร้อมหยิบห่อขนมในถุงยื่นในข้าวโพด
“ไอต้าวอ้วนตื่นมาก็ถามหาของกินเลยนะ” โบ้ทที่นั่งอยู่เก้าอี้อีกฝั่งเอ่ยแซว
“เพื่อนๆ ในรถครบไหมครับ ผมจะออกเดินทางต่อแล้ว” ประธานชมรมพูดพร้อมกับนับสมาชิกในรถ เมื่อเห็นว่าครบทุกที่นั่งแล้วก็สั่งให้ออกรถเดินทางต่อได้เลย
“มึงชอบกินลูกอมนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ฉันหันไปถามแกรมอย่างสงสัย เพราะปกติจะเป็นฉันมากกว่าที่กินลูกอมรสนี้
“เห็นมึงชอบกินไง กูเลยอยากกิน”
“กูชอบแล้วเกี่ยวอะไรกับมึง”
“ก็กูอยากรู้ว่ากินแล้วรสชาติในปากมันจะเป็นยังไง”
“ห๊ะ!”
ฉันขมวดคิ้วพลางมองหน้าแกรมอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องอยากรู้ว่ากินแล้วรสชาติในปากเป็นยังไง
“กินแตงโมก็ต้องรสแตงโมดิ มึงจะให้เป็นรสมังคุคหรือไง”
“เฮ้ออ! ไอควาย”
แกรมถอนหายใจพลางส่ายหัวเบาๆ อะไรของมันวะเนี้ยอยู่ๆ ก็มาด่าฉันเป็นควายอีก
ประมาณสองชั่วโมงรถบัสก็เลี้ยวเข้าจอด นักศึกษาจากแต่ละคันทยอยเดินลงจากรถ แกรมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าของตัวเองและของฉันไปสะพายก่อนจะเดินนำลงไป ซึ่งบรรยายกาศข้างนอกทำให้ฉันถึงกับชะงักขายืนค้างอยู่ที่บันได
“ไหนมึงบอกว่าเราจะมาปลูกป่า” แกรมหันมาถามฉันและเสียงตอบจากโบ้ทที่ยืนอยู่ข้างหลังคือเสียงที่อยู่ในความคิดของฉันตอนนี้เลยล่ะ
“ป่าช้าชัดๆ”
------------------------------
อุ้ยย! เพื่อนเค้านั่งจับมือกันด้วยนะคะ