EP 3 [3-1]
“ว่าไงนะ!”
เฮียเบตะโกนขึ้นมาเสียงดังทันทีที่ฉันเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่ฉันจะเข้ามาเสนอโปรเจคงานนี้ด้วยตัวเอง
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยค่ะ หนูเข้ามาทำงานด้วยไม่ดีเหรอ”
“มันก็ดี แต่ว่า..”
“ก็ดีนะ”
เฮียอัลพูดแทรกขึ้นมาทำเอาเฮียเบหันกลับไปมองหน้าอึ้งๆ
“น้องจะได้มาทำงานให้ช่วงปิดเทอม ส่วนเงินในแต่ละเดือนเฮียจะให้เป็นเงินเดือนเหมือนพนักงานคนอื่นๆ”
“เงินเดือน!”
จะบ้าหรือเปล่า แค่ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวมันจะไปพออะไรล่ะ โอ๊ยยย! เฮียคงล้อฉันเล่นแหละ
“แล้ววงเงินในบัตรของหนูล่ะ”
“อายัดจนกว่าหนูจะทำให้มิสเตอร์แอลยอมเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา”
คำตอบของเฮียอัลเล่นเอาฉันแทบจะกรี๊ดออกมาทันที แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ก่อนสถานการณ์ช่วงนี้ไม่ค่อยดี หรือว่าฉันจะปีชงนะ
ช่วงค่ำฉันก็ขับรถกลับคอนโดตามปกติ ชีวิตที่ใครๆ ก็มองว่าแสนสุขสบายอย่างฉันใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วมันเงียบเหงามากแค่ไหน เฮ้อออ~
?เจ๊ทราย
“ฮัลโหลเจ๊ทราย”
“ว่าไงเบล”
“ไปเที่ยวกันนนนนนน”
“แล้วทำไมไม่ไปชวนเฮียเรานู้น”
“ไม่เอาหรอกไปกับเฮียแกรมนะเต้นก็ไม่ได้ แถมยังแยกเขี้ยวใส่หนุ่มๆ อีก”
ฉันพูดพร้อมกับนึกถึงวันที่ฉันไปเที่ยวผับกับเฮียแกรม เฮียทำตัวยิ่งกว่าเป็นพ่อฉันสักอีกทั้งๆ ที่ตัวเองนะนั่งมองสาวตาวาวเลยล่ะ
“ฮ่าๆ ก็ดีเหมือนกัน พี่ก็เซ็งๆ อยู่”
“โอเค เดี๋ยวเบลไปรับเจ๊ที่คอนโดนะ”
“จ๊ะ”
ฉันวางสายก่อนจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เจ๊ทรายเป็นเพื่อนสนิทของเฮียแกรมมาสามปีแล้ว ฉันเห็นครั้งแรกก็ถูกชะตาเลยล่ะแรกๆ ก็เชียร์ให้เขาเป็นแฟนกันอยู่หรอกนะ แต่หลังๆ ไม่ดีกว่าเจ๊ทรายน่าจะเจอคนที่ดีกว่าเฮียแกรมได้อีกเยอะ ฮ่าๆ
“ว๊าววว วันนี้เป็นสาวแซ่บเหรอคะ”
ฉันเอ่ยแซวทันทีที่เจ๊ทรายขึ้นมานั่งบนรถด้วยชุดเกาะอกสีดำสุดเซ็กซี่
“ปกติเจ๊ก็แซ่บนะ ฮ่าๆๆ”
“ยอมค่ะๆ”
ฉันขับรถตรงไปที่ผับประจำของเราสองคน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่โซลิสผับค่ะเพราะฉันไม่อยากเจอเฮียเบเผลอๆ เฮียแกรมก็จะนั่งอยู่ที่นั่นด้วยน่ะสิ
“โซนเดิมค่ะ”
เจ๊ทรายหันไปพูดกับพนักงานที่เดินเข้ามาต้อนรับเรา พนักงานพยักหน้ารับแล้วเดินนำไปที่โต๊ะประจำของเราซึ่งอยู่ตรงกลางร้านถือว่าเป็นทำเลทองไว้สำหรับมองเห็นคนรอบร้านเลยล่ะ เราสองคนเริ่มดื่มแล้วก็เต้นกันอย่างสนุกสนานแต่พอเริ่มเมาก็ไปนั่งหัวพิงกันอยู่สองคน
“เฮ้ออออ”
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ทำไมรู้สึกเหมือนชีวิตฉันช่วงนี้มันน่าเบื่อชะมัดเลย
“เป็นอะรายยยย~”
เจ๊ทรายถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เมามายไม่ต่างกัน
“หนูต้องไปทำงานที่บริษัทช่วงปิดเทอม”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้เบลบอกอยู่เฉยๆ แล้วมันเบื่อนี่”
“แต่หนูจะได้รับแค่เงินเดือนเท่านั้น บัตรเครดิตทั้งหมดถูกอายัด”
“โอ้ มาย ก๊อด แบบนี้คุณหนูเมเบลจะอยู่ได้เหรอคะ”
เจ๊ทรายทำท่าตกใจแต่น้ำเสียงกลับฟังดูประชดประชันยังไงไม่รู้
“นี่สงสารกันจริงป่ะเนี้ย”
“ฮ่าๆๆ ถือว่าไปหาความสนุกสนานให้ชีวิตสิ ช่วงปิดเทอมจะได้ไม่เบื่อ”
คำพูดของเจ๊ทรายทำให้ฉันมีไอเดียขึ้นมาในสมองทันที หึ!
“จริงด้วย ชอบเก๊กดีนักต้องเจอคุณหนูเมเบลสักหน่อยแล้ว”
“พูดถึงใคร”
เจ๊ทรายหันมามองหน้าฉันแบบงงๆ จริงสิฉันยังไม่เล่าเรื่องของนายแอลนี่ให้เจ๊ทรายฟังเลยนี่นา แต่ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งเมาส์กันอยู่ก็มีพนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาขัดจังหวะสักก่อน
“สองแก้วนี่ของคุณลูกค้าครับ”
ฉันมองแก้วแชมเปญที่ถูกวางลงบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองพนักงานเสิร์ฟอีกครั้ง
“แต่ฉันไม่ได้สั่ง”
“ของผมเองครับ”
ผู้ชายหน้าตี๋ๆ คนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะ ไม่ต้องอ้าปากฉันก็ฉันไปถึงไส้ติ่งแล้วยะ หน้าตาท่าทางแบบนี้ใครจะกล้าไปรับเครื่องดื่มล่ะ ใส่อะไรลงไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผู้ชายคนนั้นหันไปมองหน้าพนักงานเสิร์ฟเพื่อส่งสัญญาณให้เขาเดินออกไปจากโต๊ะ ส่วนตัวเองก็ยืนส่งยิ้มหวานมาให้ หล่อตายแหละ
“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่รับของคนแปลกหน้า”
ฉันพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าเจ๊ทรายเป็นอันรู้กันว่าเราจะกลับบ้านแล้ว เจ๊ทรายหันไปหยิบกระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่ก็โดนไอหน้าตี๋ดึงมือเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิครับ จะรีบกลับแล้วเหรอ”
“รบกวนปล่อยมือฉันด้วยค่ะ”
เจ๊ทรายพยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล หึ! คิดว่าตัวเองดูแมนมากเลยมั่งทำกับผู้หญิงแบบนี้
ซ่า!
“เฮ้ย! ทำเหี้xอะไรวะ”
ฉันเอื้อมมือไปหยิบแก้วแชมเปญที่วางอยู่สาดเข้าที่หน้า
ของผู้ชายคนนั้นเต็มๆ ทำให้เขารีบปล่อยมือออกจากเจ๊ทรายทันที
“ก็สาดน้ำเรียกสติไง”
“มึงคิดว่ามึงเป็นใคร ถึงกล้าสาดน้ำใส่กู”
“ทำไมฉันต้องกลัว”
ฉันพูดออกไปพลางมองผู้ชายคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า เหอะ! ของปลอมทั้งตัวยังกล้ามาอวดดีอีก
“หึ! ถ้าคิดว่าจะทำตัวแบดบอยเท่ๆ ละก็ฉันขอบอกให้ฟังนะ ถ้าหน้าตาหล่อเนี้ยเขาเรียกว่าแบดบอยได้ แต่ถ้าหน้าตาไม่ได้ เสื้อผ้าของปลอม แถมยังทำสันดานแบบนี้เขาเรียกผู้ชาย เหี้X”
“มึง!”
“หยุด! ถ้าแกกล้าแตะตัวฉันแม้แต่นิดเดียวละก็ แกไม่ตายดีแน่”
ฉันยกมือชี้หน้ามันอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้มันชะงักมือก่อนจะเอาลงแล้วหันมองรอบๆ ตัวซึ่งตอนนี้คนรอบข้างก็หันมามองกัน
เต็มไปหมด
“กลับเถอะเจ๊ บรรยากาศแถวนี้มันเหม็น”
ฉันพูดพร้อมกับจับมือเจ๊ทรายเดินออกมาจากผับ จะมาผ่อนคลายแท้ๆ เสียบรรยากาศหมดระหว่างที่เรากำลังเดินมาจะถึงที่รถเสียงโทรศัพท์ของเจ๊ทรายก็ดังขึ้นมาสักก่อน
“ฮัลโหล”
“....”
“กูจะอยู่ไหนก็เรื่องของกูไหม มึงนี่ตามเป็นลูกเลย”
เจ๊ทรายพูดกลับไปอย่างเซงๆ ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีเลยว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ก็เลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งรอในรถแทน เจ๊ทรายคุยโทรศัพท์ไม่นานก็เปิดประตูตามเข้ามานั่งในรถ
“กลับเถอะ พี่อยากนอนล่ะ”
สุดท้ายเราก็กลับกันอย่างเซ็งๆ หวังว่าวันพรุ่งนี้คงจะมีอะไรสนุกๆ ให้ฉันคลายเครียดบ้างนะ