บท
ตั้งค่า

EP 2 [2-2]

บริษัท ดับเบิ้ลแอล คอร์ปอเรชั่น

สุดท้ายฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าบริษัทของเขาพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ให้ทิตาเป็นคนจัดการให้ นี่ถ้าไม่ติดว่าบัตรเครดิตของฉัน

ถูกอายัดไปเรียบร้อยแล้ว ฉันคงไม่รีบมาหาเขาขนาดนี้หรอก

“ติดต่ออะไรคะ”

“ฉันมาพบมิสเตอร์แอลค่ะ”

ทันทีที่ฉันเอ่ยชื่อของนายแอลพนักงานประชาสัมพันธ์ทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันนิดหน่อย ก่อนจะหันมาถามฉันอีกครั้ง

“นัดไว้ไหมคะ”

“ไม่ได้นัดเอาไว้ค่ะ”

“รอสักครู่นะคะ”

พนักงานคนนั้นหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคนด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ

“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”

“พิชญ์สินี ตั้งเจริญกิจสกุล”

“จากคุณ.. ค่ะๆ ได้ค่ะ”

ยังไม่ทันจะพูดชื่อฉันพนักงานก็ตอบรับอะไรบางอย่างกลับไปแล้ววางสายโทรศัพท์ลง

“เชิญตามดิฉันมาทางด้านนี้เลยค่ะ”

ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเข้าไปที่ลิฟต์ ไม่นานลิฟต์ก็พาเรามาถึงชั้นบนสุดของบริษัท ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็เจอกับลูกน้องของเขายืนรออยู่แล้ว

“สวัสดีครับคุณเมเบล เชิญทางนี้ครับ”

ฉันพยักหน้าพร้อมกับเดินตามออกมา เหมือนว่าชั้นนี้จะไม่มีใครอยู่เลยนะ เป็นห้องทำงานของเขาคนเดียวทั้งชั้นเลยเหรอเนี้ย โลกส่วนตัวสูงไปไหนยะ

“คุณชื่ออะไร”

“ผมชื่อปราบครับ”

“เป็นเลขาหรือว่าบอดี้การ์ดของนาย เอ่อ มิสเตอร์แอลละ”

“ผมเป็นเลขาครับ ไม่ได้เป็นบอดี้การ์ด”

ฉันถามระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่ห้องทำงานของเขา นายปราบนี่ก็ดูสงบปากสงบคำดีนะ พูดเฉพาะตอนที่ตอบคำถามฉันอย่างเดียวเลย

“ถึงแล้วครับ”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เชิญครับคุณเมเบล”

เขาเคาะประตูเสร็จก็หันมาพูดกับฉันโดยไม่ได้บอกคนด้านในสักคำเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่เคาะประตูเป็นใคร พูดจบนายปราบก็เตรียมจะหันหลังเดินออกไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะฉันเรียกเอาไว้ก่อน

“นายไม่เข้าไปด้วยเหรอ”

ฉันรีบหันไปถามทันทีจะทิ้งฉันไว้กับเขาแค่สองคนเหรอ ทั้งชั้นนี้ไม่มีใครเลยนะ เอ่อ ฉันไม่ได้กลัวเขาหรอกนะกลัวว่าตัวเองจะเผลอสติแตกไปทำอะไรเขามากกว่า

“เชิญข้างในเถอะครับ คุณแอลรออยู่”

พูดจบนายปราบก็เดินออกไปทันที เอาวะ! เพื่อวงเงินในบัตรเครดิตของฉัน แกไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วเมเบล สู้ๆ

แอดดดดดด!

ให้กำลังใจตัวเองเสร็จฉันก็เปิดประตูห้องทำงานเข้าไป เจอเขากำลังก้มหน้าทำงานอยู่โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองแขกที่เข้ามาใหม่อย่างฉันเลยสักนิด

“อะแฮ่ม”

ฉันกระแอมไอนิดหน่อยเมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานของเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่มีวี่แววว่าจะสนใจฉันเลยสักนิด ขี้เก๊กชะมัดเลย

“นี่คุณ ไม่เห็นฉันหรือไง”

“ถ้าคุณมีมารยาทสักนิด คงจะเห็นว่าคุณรบกวนการทำงานของผมอยู่”

ฉันถึงกับกำหมัดแน่นทันทีที่เขาพูดจบเพราะเขาพูดโดย

ไม่ได้หันขึ้นมามองหน้าฉันเลย

“ฉันมาขอโทษคุณเรื่องวันนี้ ถ้าคุณไม่สะดวกคุยฉันวางดอกไม้เอาไว้ตรงนี้แล้วกัน”

ฉันพูดพร้อมกับวางช่อดอกไม้ลงที่โต๊ะทำงานของเขา ไม่ว่างก็ไม่ต้องคุยฉันแค่มาทำตามหน้าที่เท่านั้นแหละยะ

“ผมไม่รับคำขอโทษส่งๆ”

“ว่าไงนะ!”

ฉันหันกลับมามองหน้าเขาทันทีซึ่งตอนนี้เขาก็วางปากกาลงที่โต๊ะพร้อมกับนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ยียวนกวนประสาทสุดๆ

“ถ้าคุณแค่จะมาขอโทษตามมารยาทแล้วหวังว่าผมจะร่วมลงทุนตามมารยาทด้วยล่ะก็ ผมคิดว่าคุณคงเสียเวลาเปล่า”

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอวีนใส่เขา ท่องเอาไว้ วงเงิน! เครดิต! ช้อปปิ้ง!

“ฉันมาขอโทษคุณเพราะว่าอยากขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่คุณไม่

ว่างนี่คะจะให้ฉันทำยังไง”

“ตอนนี้ผมว่างแล้ว”

เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยกมือขยับเนกไทให้ปลดออก ก่อนจะเดินมานั่งข้างหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง

“คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”

“ฉัน.. ฉันขอโทษ!”

“น้ำเสียงคุณฟังเหมือนไม่อยากขอโทษผมเลยนะ ดูเหมือนว่าคุณกำลังด่าผมในใจอยู่มากกว่า”

กรี๊ดดด! ฉันได้แต่กรี๊ดอยู่ในใจเท่านั้น ถ้าอยู่ในสถานการณ์อื่นฉันจะเข้าไปควักลูกตาเขาออกมากระทืบให้แหลกคาเท้าเลยจริงๆ

“คุณจะเอายังไงก็พูดมาสิ”

“คุณเป็นคนมาขอโทษผมนี่ คุณก็ต้องเป็นคนคิดวิธีเองสิ”

“คุณนี่โตมาแบบไหนนะคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลหรือไง”

“หึ หึ ฮ่าๆๆๆ”

ประโยคของฉันมันน่าขำตรงไหน เขาถึงได้หัวเราะออกมาแบบนี้ แต่ทำไมเวลาที่เขาหัวเราะฉันกลับรู้สึกเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน

“อะแฮ่ม”

เหมือนว่าฉันจะจ้องเขานานเกินไปจนเขารู้ตัวก็เลยหยุดหัวเราะแล้วกลับมาทำหน้าเก๊กขรึมตามเดิม

“ผมว่าประโยคนั้นไม่ควรออกมาจากปากของคุณนะ”

“ปากของฉัน มันทำไม!”

“ก็คนที่วิ่งตามหาคนอื่นเพื่อจะมาขอซื้อของที่เขาไม่ได้อยากจะขายแถมยังทำร้ายร่างกายเขาเพราะไม่พอใจที่เขาไม่ขายให้อีกด้วย”

มิสเตอร์บ้านี่มันเยอะสุดๆ ฉันเข้าใจที่เฮียอัลบอกแล้วว่ากว่าจะชวนเขามาลงทุนได้ เหอะ! คิดว่ามีเงินแล้วตัวเองมีอำนาจมากนักหรือไง

“แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าผมรับช่อดอกไม้ของคุณไว้แล้วกัน ส่วนเรื่องงานผมคงจะต้องพิจารณาดูก่อน”

“ทำไม”

“เพราะผมไม่อยากร่วมงานกับบริษัทที่ไม่มืออาชีพ”

“นี่! คนที่มีปัญหาคือฉันไม่ใช่บริษัทและพี่ชายของฉัน นายช่วยแยกแยะหน่อยเถอะ”

“แยกแยะ? หึ น่าแปลกใจที่ได้ยินคำนี้จากคุณ แต่เท่าที่ผมรู้คุณมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทด้วยนี่ ถึงจะไม่ได้เข้าบริหารแต่ก็ได้รับเงินปันผลทุกปีจากกำไรของบริษัท ผมไม่อยากให้กำไรจากโปรเจคของผมตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”

“นายจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ ถึงฉันจะเรียนอยู่แต่ฉันก็ไม่ได้ทำตัวไร้สาระไปวันๆ นะ”

“พิสูจน์สิ แต่อย่าเลย ผมว่ามันคงเสียเวลาเปล่า”

“ได้! ฉันจะเป็นคนเข้าเสนอโปรเจคนี้ที่บริษัทของนายเอง รับรองว่านายจะต้องถอนคำพูดและขอโทษกับสิ่งที่นายกำลังพูดดูถูกฉัน”

“มันจะดีเหรอ คุณต้องเสนอแข่งกับมืออาชีพอีกบริษัท ผมคิดว่าให้พี่ชายคุณเอาเวลาไปหาบริษัทพาร์ทเนอร์ที่อื่นเลยจะดีกว่า”

“ฉันทำได้แน่! แต่หวังว่านายคงไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานหรอกนะ”

“หึ! ผมจะรอดู”

“เตรียมกระดาษทิชชูไว้เช็ดน้ำลายด้วยล่ะ เพราะนายอาจจะอึ้งจนต้องอ้าปากค้าง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel