ลิขิตรัก ยัยคุณหนู [ซีรีย์ชุดลิขิตรักลำดับที่3]

79.0K · จบแล้ว
นญาดา
51
บท
7.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาจำเป็นจะต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกก็เลยตัดสินใจสารภาพรักเธอออกไป แต่กลับโดนเธอปฏิเสธแถมยังบอกให้เขา 'กลับไปดูสารรูปตัวเองซะบ้าง'และการกลับมาเมืองไทยของเขาอีกครั้ง เธอกลับจำเขาไม่ได้!!

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันประธานนางเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นนักศึกษารักวัยรุ่นรักแรกพบ

บทนำ

ไร่ปลายฟ้า

รถแวนสีดำแล่นเข้าไปจอดตรงลานจอดรถที่ทางไร่จัดเอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะพาครอบครัวมาพักผ่อน เพราะนอกจากที่นี่จะทำไร่ทำสวนแล้ว ยังมีสวนสนุกไว้สำหรับให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมอีกด้วย

“ว๊าวว! สวยมากเลยค่ะป๊า”

สาวน้อยวัยเจ็ดขวบกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจทันทีที่เดินลงจากรถพร้อมกับคุณพ่อและตามมาด้วยพี่ชายอีกสามคนของเธอ

“หนูชอบใช่ไหมคะ”

“ชอบมากค่ะ รักป๊าที่สุดเลย”

เด็กสาวหันไปตอบพร้อมกระโดดกอดผู้เป็นพ่อที่

นั่งลงเพื่อคุยกับเธอ

“งั้นเราเข้าไปด้านในกันดีกว่านะ”

ผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวสุดที่รักที่เป็นเหมือนดั่งดวงใจของเขาแล้วเดินเข้าไปด้านในสวนสนุก ลูกชายตัวแสบทั้งสามคนมีอาการตื่นเต้นทันทีที่เห็นบรรดาเครื่องเล่นเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด

“ป๊าๆ เบอยากไปเล่นอันนั้น”

“แกรมด้วยๆ”

“แต่ป๊าต้องไปธุระก่อนนะ”

“เดี๋ยวอัลดูแลน้องเองครับป๊า”

พี่ชายคนโตหันมาพูดกับพ่อด้วยใบหน้านิ่งๆ ตามสไตล์ของเขา ผู้เป็นพ่อลังเลนิดหน่อยเพราะเขาต้องการจะไปคุยธุรกิจกับเจ้าของไร่ปลายฟ้าก่อนแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยลูกสาวคนเล็กลงไปเล่นสนุกกับพี่ๆ

“ดูแลน้องด้วยนะลูก”

รับทราบครับ!

เสียงตอบรับอย่างแข็งขันของพี่ชายทั้งสามคนทำให้ผู้เป็นพ่อส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจัดการธุระของตัวเอง

“ไปกันเบล”

แกรมเดินมาจับมือน้องสาวของเขาเพื่อเข้าไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เสียงหัวเราะสนุกสนานดังไปทั่วสวนสนุก พวกเขาเล่นกันจนน้องสาวคนเล็กเริ่มงอแงเพราะอากาศที่ร้อนบวกกับความเหนื่อยล้าของร่างกาย

“เดี๋ยวน้องนั่งรอตรงนี้กับพี่นะ เฮียอัลไปซื้อน้ำกับไอแกรมแล้วกัน”

“อะไรอะเฮียเบ แกรมก็เหนื่อยนะอยากนั่งพักด้วย”

“นั่งอยู่นี่นั่นแหละ เฮียไปซื้อเอง”

พูดจบพี่ชายคนโตก็เดินออกไปซื้อน้ำให้น้องๆ ส่วนเด็กๆ อีกสามคนก็นั่งรอจนไม่นานพี่ชายคนโตของเขาก็กลับมา

พลั่ก!

ตุบ!

ยังไม่ทันที่จะได้ยื่นน้ำให้น้องๆ ก็มีเด็กผู้ชายตัวอ้วนคนหนึ่งถอยหลังมาชนเข้ากับเขาพอดีจนน้ำที่ถือมานั้นกระจัดกระจายไปหมด

“ขอโทษครับๆ”

เด็กผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นขอโทษทันที

“น้ำหนู!”

เมเบลกระโดดลงจากเก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปผลักเด็กผู้ชายคนนั้นให้ล้มลงไปอีกครั้ง

เฮ้ย!

“น้อง! ไปผลักเขาทำไม”

อัลรีบเข้าไปห้ามน้องสาวทันที

“นายเป็นอะไรไหม”

เบเดินเข้าไปถามก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าเด็กผู้ชายตรงหน้าเพื่อช่วยจับให้เขาลุกขึ้น

“ก็เขาเดินไม่ดูทางเลยนี่คะ! หนูหิวน้ำแล้วก็ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

เมเบลบ่นพลางทำหน้ามุ่ยอย่างที่เธอทำอยู่บ่อยๆ เวลาที่โดนขัดใจ เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเล็กที่ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้าแม่ ทั้งพ่อและพี่ชายก็เลยพากันประคบประหงมดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหิน ความรักที่มันมากเกินไปบางครั้งก็เป็นภัยย้อนกลับมาทำร้ายเธอโดยที่คนในครอบครัวไม่รู้ตัว

“ถึงอย่างนั้นเบลก็ไม่มีสิทธิ์ไปผลักเขา”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไม่ดูเอง”

เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีพูดขึ้นหลังจากที่ยืนฟังเหล่าพี่น้องคุยกันอยู่สักพัก

“ไปที่โซนนั่งเล่นตรงนู้นดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้คนเอาน้ำไปให้”

พูดจบเขาก็หันไปเรียกพนักงานที่เดินอยู่แถวนั้นให้เอาน้ำไปเสิร์ฟตรงโซนนั่งเล่นที่คุณพ่อและคุณแม่ของเขากำลังนั่งคุยงานอยู่

“นายรู้จักพนักงานที่นี่เหรอ”

เบที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มคนนั้นถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“อืม เราเป็นเจ้าของที่นี่”

เจ้าของ!

“น่าตกใจตรงไหนคะ บ้านเราก็รวยน่าจะรวยกว่าเขาสักอีก”

ท่าทางเย่อหยิ่งและริมฝีปากเล็กๆ ที่เชิดขึ้นจนแทบ

จะติดกับจมูก ทำให้เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งนั้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่โดนหัวเราะเป็นอย่างมาก

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ!”

“ก็หัวเราะน้องไง ฮ่าๆ”

“นี่! หยุดหัวเราะฉันนะไออ้วน!”

เมเบล!

พี่ชายทั้งสามถึงกับกุมขมับเพราะปวดหัวกับความปากร้ายและเอาแต่ใจของน้องสาว แต่นั้นไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแย่เลย ท่าทางขี้หงุดหงิดของเธอมันยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งมากกว่าเดิม

“พี่ว่าน้องไม่ควรชื่อเมเบลนะ”

“แล้วจะให้ชื่ออะไร ห๊ะ!”

“แอน นา เบล!”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!”

สามปีต่อมา

พบหรือรักแรกพบลูกชายคนโตของคุณไฟและคุณพริกเจ้าของไร่ปลายฟ้า ตัดสินใจเข้ามาเรียนต่อมัธยมปลายที่กรุงเทพฯ ซึ่งคุณไฟได้ส่งปราบลูกชายคนเดียวของจันและโสภณขึ้นมาเรียนต่อที่นี่เป็นเพื่อนเขาด้วยและที่โลกกลมมากกว่านั้นก็คือเขาได้เข้ามาเรียนที่ห้องเดียวกับเบต้าจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ส่วนน้องสาวตัวแสบน่ะเหรอ

“กรี๊ดดดดด! ไอยักษ์เอาตุ๊กตาฉันคืนมานะ”

ตอนนี้พบอายุสิบแปดปีแต่น้ำหนักของเขากลับปาเข้าไปเกือยร้อยกิโลกรัมแล้วด้วยซ้ำ บวกกับความสูงเกือบร้อยแปดสิบทำให้เขามีรูปร่างที่ดูใหญ่โต

“พี่บอกให้พูดเพราะๆ ใช่ไหม”

“แล้วทำไมฉันต้องพูดเพราะกับคนที่ชอบแกล้งฉันด้วย ห๊ะ!”

“ก็เพราะเราพูดไม่เพราะไง พี่ถึงแกล้ง!”

เขาพูดพลางมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ถึงเวลาจะผ่านมาสามปีแล้วแต่เขาก็ยังจำเหตุการณ์ครั้งแรกที่เจอกันได้เป็นอย่างดี เอาแต่ใจและขี้หงุดหงิดขนาดไหนวันนี้เธอก็ยังเหมือนเดิม

“จะไม่ยอมคืนให้ดีๆ ใช่ไหม”

“พูด... อ๊ากก!”

เมเบลเข้าไปกัดแขนของพบทันทีที่มีโอกาสซึ่งนั้นก็ทำให้พบเผลอปล่อยตุ๊กตาของเธอตกลงพื้น

“สมน้ำหน้า!”

นอกจากจะไม่มีคำขอโทษแล้วพบยังได้รับเพียงแค่ประโยคที่ควรจะทำให้เขารู้สึกโกรธ แต่ไม่เลยเขากลับยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวแทน

‘ถึงจะร้ายแต่ก็น่ารักไม่เบาเลยล่ะ’

วันปัจฉิมนิเทศ

วันปัจฉิมนิเทศของพี่ม.หกที่ตอนนี้ต่างก็เดินถ่ายรูปและผลัดกันเขียนเสื้อนักเรียนเพื่อเป็นที่ระลึกหลังจากเรียนจบ ซึ่งวันนี้เมเบลก็มาร่วมแสดงความยินดีกับพี่ชายคนรองของเธอด้วยนั่นเอง

“เฮีบเบ”

“เบล! มากับใคร”

“เฮียแกรมค่ะ”

“มันไปไหนแล้วล่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน มาๆ ถ่ายรูปกันดีกว่าค่ะ”

เมเบลพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือของเฮียเบขึ้นมากดเซลฟี่

“น้องเบล เขียนเสื้อให้พี่ด้วยสิ”

เพื่อนร่วมห้องของเบที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันมาหาเธอ

พร้อมกับยื่นปากกาให้

“หนูไม่อยากเขียน”

เธอมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองปากกาแล้วตอบออกไปอย่างไม่ใยดี

“ตัวแค่นี้ทำไมหยิ่งจังวะ”

“พูดให้มันดีๆ หน่อย”

เบที่ได้ยินแบบนั้นหันมาจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง ก็แค่เพื่อนร่วมห้องมีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่น้องสาวของเขา

“ทำไมวะ ทีน้องมึงยังไม่เห็นจะพูดดีๆ กับกูเลย”

“มีไรกันวะ”

พบที่เพิ่งเดินเข้ามาถามขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าดูตึงเครียดกว่าปกติ

“หึ! ก็แค่เด็กไม่มีแม่คอยสอน”

“มึง!”

ผั๊วะ!

เบถึงกับฉุนจัดกำลังง้างหมัดขึ้นเพื่อเข้าต่อยเพื่อนคนนั้นแต่มันดันล้มลงไปนอนกองด้วยฝีมือของพบซะก่อน

“ถ้ามีแม่คอยสอนแล้วสันดานแบบมึง ก็อย่ามีดีกว่า”

“นะ..นี่ มึงต่อยกูเหรอ ทำไม ชอบมันใช่ไหม”

คนที่โดนต่อยลงไปนอนอยู่ที่พื้นยังคงปากดีไม่หาย ถ้าไม่ติดว่ายังอยู่ในโรงเรียนป่านนี้เขาคงจะเข้าไปกระทืบมันซ้ำแล้วล่ะ

“เอาเวลาปากดีของมึงไปหาหมอฟันเถอะ”

ประโยคของพบทำให้ผู้ชายคนนั้นมีอาการเลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวาแล้วเจอเขากับฟันหน้าของเขาร่วงอยู่ที่พื้น

“ฮ่าๆๆๆ ฟันร่วงเลย”

“ยังจะไปหัวเราะเขาอีก”

เมเบลที่ยืนหัวเราะเสียงดังโดนพบลากแขนเดินออกมาจากกลุ่มตรงนั้น แต่เธอก็ยังไม่หยุดหัวเราะสักที

“ฮ่าๆๆ นายเก่งมาก มันฟันร่วงเลย”

“น้องงงง”

เบเรียกน้องสาวเสียงต่ำเพื่อปรามเบาๆ ที่เธอยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ

“กูฝากเบลหน่อยนะ เดี๋ยวมา”

“เออ”

เบเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขามีธุระที่ต้องไปจัดการ ตอนนี้โต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นไม้ก็เลยเหลือเพียงแค่พบและเมเบลเท่านั้น

“ถ้าพี่ไม่อยู่อย่าไปพูดไม่ดีใส่ใครอีกนะ”

ประโยคของพบทำให้เด็กสาวหยุดชะงักไป ถึงเธอจะแสดงออกด้วยท่าทางที่เอาแต่ใจ พูดจาแรงและขี้วีนใส่เขาแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกผูกพันกับเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะเขาสนิทกับเฮียเบมากทำให้มานอนอยู่ที่บ้านบ่อยๆ ถึงจะคอยแกล้งเธอแต่ก็มักจะมีขนมมาปลอบใจเธอเสมอ

“นายจะไปไหน”

สิ่งที่เมเบลกลัวมากที่สุดคือการจากลา เธอได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีราวกับเจ้าหญิงแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกโหยหายแม่จางหายไปเลยและยิ่งทุกคนแสดงออกว่ารักเธอมากเท่าไหร่เธอก็ไม่อยากให้คนเหล่าหายไปจากชีวิตของเธอสักคน

“พี่ต้องไปเรียนต่อ”

“ก็แค่เรียนต่อ”

“ที่เมืองนอก”

“ทำไม! มหา’ ลัยดีๆ ที่นี่ก็มีตั้งเยอะแยะ”

“ไม่อยากให้พี่ไปเหรอ”

ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาถามออกไปแบบนั้น เขารู้ดีว่าการพูดเรื่องนี้ ยังไงเธอก็ไม่มีทางเข้าใจเพราะเธอยังเด็กเกินไปที่จะคิดเรื่องพวกนี้

“ฉะ...ฉัน ทำไมฉันจะต้องไม่อยากให้ไปด้วย นายจะไปเรียนต่อที่ไหนก็เรื่องของนายเลย”

เมเบลพูดพร้อมจะลุกขึ้นเดินออกไปถ้าไม่ติดว่าคนตัวโตจับข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน

“เมเบล”

“แล้วคอยดูนะ ฉันจะพูดไม่ดีอย่างที่นายไม่ชอบใส่ทุกๆ คน และถ้าเขาจะทำร้ายฉันเหมือนวันนี้อีกก็รู้ไว้เลยว่ามันเป็นความผิดของนาย ผิดที่นายไม่ยอมอยู่ปกป้องฉัน!”

เมเบลสะบัดมือของพบออกก่อนจะเดินหนีไป เพราะไม่อยากให้เห็นว่าเธอกำลังเสียใจแค่ไหน นิสัยที่เอาแต่ใจทำให้เธอไม่มีเพื่อน พบเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของเธอถึงเขาจะอายุมากกว่าแต่เขาก็จะมาเล่นเป็นเพื่อนเธอตลอด เธอจึงรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียเพื่อนคนเดียวของเธอไป