บทย่อ
เขาจำเป็นจะต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกก็เลยตัดสินใจสารภาพรักเธอออกไป แต่กลับโดนเธอปฏิเสธแถมยังบอกให้เขา 'กลับไปดูสารรูปตัวเองซะบ้าง'และการกลับมาเมืองไทยของเขาอีกครั้ง เธอกลับจำเขาไม่ได้!!
บทนำ
ไร่ปลายฟ้า
รถแวนสีดำแล่นเข้าไปจอดตรงลานจอดรถที่ทางไร่จัดเอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะพาครอบครัวมาพักผ่อน เพราะนอกจากที่นี่จะทำไร่ทำสวนแล้ว ยังมีสวนสนุกไว้สำหรับให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมอีกด้วย
“ว๊าวว! สวยมากเลยค่ะป๊า”
สาวน้อยวัยเจ็ดขวบกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจทันทีที่เดินลงจากรถพร้อมกับคุณพ่อและตามมาด้วยพี่ชายอีกสามคนของเธอ
“หนูชอบใช่ไหมคะ”
“ชอบมากค่ะ รักป๊าที่สุดเลย”
เด็กสาวหันไปตอบพร้อมกระโดดกอดผู้เป็นพ่อที่
นั่งลงเพื่อคุยกับเธอ
“งั้นเราเข้าไปด้านในกันดีกว่านะ”
ผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวสุดที่รักที่เป็นเหมือนดั่งดวงใจของเขาแล้วเดินเข้าไปด้านในสวนสนุก ลูกชายตัวแสบทั้งสามคนมีอาการตื่นเต้นทันทีที่เห็นบรรดาเครื่องเล่นเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด
“ป๊าๆ เบอยากไปเล่นอันนั้น”
“แกรมด้วยๆ”
“แต่ป๊าต้องไปธุระก่อนนะ”
“เดี๋ยวอัลดูแลน้องเองครับป๊า”
พี่ชายคนโตหันมาพูดกับพ่อด้วยใบหน้านิ่งๆ ตามสไตล์ของเขา ผู้เป็นพ่อลังเลนิดหน่อยเพราะเขาต้องการจะไปคุยธุรกิจกับเจ้าของไร่ปลายฟ้าก่อนแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยลูกสาวคนเล็กลงไปเล่นสนุกกับพี่ๆ
“ดูแลน้องด้วยนะลูก”
รับทราบครับ!
เสียงตอบรับอย่างแข็งขันของพี่ชายทั้งสามคนทำให้ผู้เป็นพ่อส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจัดการธุระของตัวเอง
“ไปกันเบล”
แกรมเดินมาจับมือน้องสาวของเขาเพื่อเข้าไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เสียงหัวเราะสนุกสนานดังไปทั่วสวนสนุก พวกเขาเล่นกันจนน้องสาวคนเล็กเริ่มงอแงเพราะอากาศที่ร้อนบวกกับความเหนื่อยล้าของร่างกาย
“เดี๋ยวน้องนั่งรอตรงนี้กับพี่นะ เฮียอัลไปซื้อน้ำกับไอแกรมแล้วกัน”
“อะไรอะเฮียเบ แกรมก็เหนื่อยนะอยากนั่งพักด้วย”
“นั่งอยู่นี่นั่นแหละ เฮียไปซื้อเอง”
พูดจบพี่ชายคนโตก็เดินออกไปซื้อน้ำให้น้องๆ ส่วนเด็กๆ อีกสามคนก็นั่งรอจนไม่นานพี่ชายคนโตของเขาก็กลับมา
พลั่ก!
ตุบ!
ยังไม่ทันที่จะได้ยื่นน้ำให้น้องๆ ก็มีเด็กผู้ชายตัวอ้วนคนหนึ่งถอยหลังมาชนเข้ากับเขาพอดีจนน้ำที่ถือมานั้นกระจัดกระจายไปหมด
“ขอโทษครับๆ”
เด็กผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นขอโทษทันที
“น้ำหนู!”
เมเบลกระโดดลงจากเก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปผลักเด็กผู้ชายคนนั้นให้ล้มลงไปอีกครั้ง
เฮ้ย!
“น้อง! ไปผลักเขาทำไม”
อัลรีบเข้าไปห้ามน้องสาวทันที
“นายเป็นอะไรไหม”
เบเดินเข้าไปถามก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าเด็กผู้ชายตรงหน้าเพื่อช่วยจับให้เขาลุกขึ้น
“ก็เขาเดินไม่ดูทางเลยนี่คะ! หนูหิวน้ำแล้วก็ร้อนจะตายอยู่แล้ว”
เมเบลบ่นพลางทำหน้ามุ่ยอย่างที่เธอทำอยู่บ่อยๆ เวลาที่โดนขัดใจ เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเล็กที่ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้าแม่ ทั้งพ่อและพี่ชายก็เลยพากันประคบประหงมดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหิน ความรักที่มันมากเกินไปบางครั้งก็เป็นภัยย้อนกลับมาทำร้ายเธอโดยที่คนในครอบครัวไม่รู้ตัว
“ถึงอย่างนั้นเบลก็ไม่มีสิทธิ์ไปผลักเขา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไม่ดูเอง”
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีพูดขึ้นหลังจากที่ยืนฟังเหล่าพี่น้องคุยกันอยู่สักพัก
“ไปที่โซนนั่งเล่นตรงนู้นดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้คนเอาน้ำไปให้”
พูดจบเขาก็หันไปเรียกพนักงานที่เดินอยู่แถวนั้นให้เอาน้ำไปเสิร์ฟตรงโซนนั่งเล่นที่คุณพ่อและคุณแม่ของเขากำลังนั่งคุยงานอยู่
“นายรู้จักพนักงานที่นี่เหรอ”
เบที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มคนนั้นถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อืม เราเป็นเจ้าของที่นี่”
เจ้าของ!
“น่าตกใจตรงไหนคะ บ้านเราก็รวยน่าจะรวยกว่าเขาสักอีก”
ท่าทางเย่อหยิ่งและริมฝีปากเล็กๆ ที่เชิดขึ้นจนแทบ
จะติดกับจมูก ทำให้เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งนั้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่โดนหัวเราะเป็นอย่างมาก
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ!”
“ก็หัวเราะน้องไง ฮ่าๆ”
“นี่! หยุดหัวเราะฉันนะไออ้วน!”
เมเบล!
พี่ชายทั้งสามถึงกับกุมขมับเพราะปวดหัวกับความปากร้ายและเอาแต่ใจของน้องสาว แต่นั้นไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแย่เลย ท่าทางขี้หงุดหงิดของเธอมันยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งมากกว่าเดิม
“พี่ว่าน้องไม่ควรชื่อเมเบลนะ”
“แล้วจะให้ชื่ออะไร ห๊ะ!”
“แอน นา เบล!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
สามปีต่อมา
พบหรือรักแรกพบลูกชายคนโตของคุณไฟและคุณพริกเจ้าของไร่ปลายฟ้า ตัดสินใจเข้ามาเรียนต่อมัธยมปลายที่กรุงเทพฯ ซึ่งคุณไฟได้ส่งปราบลูกชายคนเดียวของจันและโสภณขึ้นมาเรียนต่อที่นี่เป็นเพื่อนเขาด้วยและที่โลกกลมมากกว่านั้นก็คือเขาได้เข้ามาเรียนที่ห้องเดียวกับเบต้าจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ส่วนน้องสาวตัวแสบน่ะเหรอ
“กรี๊ดดดดด! ไอยักษ์เอาตุ๊กตาฉันคืนมานะ”
ตอนนี้พบอายุสิบแปดปีแต่น้ำหนักของเขากลับปาเข้าไปเกือยร้อยกิโลกรัมแล้วด้วยซ้ำ บวกกับความสูงเกือบร้อยแปดสิบทำให้เขามีรูปร่างที่ดูใหญ่โต
“พี่บอกให้พูดเพราะๆ ใช่ไหม”
“แล้วทำไมฉันต้องพูดเพราะกับคนที่ชอบแกล้งฉันด้วย ห๊ะ!”
“ก็เพราะเราพูดไม่เพราะไง พี่ถึงแกล้ง!”
เขาพูดพลางมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ถึงเวลาจะผ่านมาสามปีแล้วแต่เขาก็ยังจำเหตุการณ์ครั้งแรกที่เจอกันได้เป็นอย่างดี เอาแต่ใจและขี้หงุดหงิดขนาดไหนวันนี้เธอก็ยังเหมือนเดิม
“จะไม่ยอมคืนให้ดีๆ ใช่ไหม”
“พูด... อ๊ากก!”
เมเบลเข้าไปกัดแขนของพบทันทีที่มีโอกาสซึ่งนั้นก็ทำให้พบเผลอปล่อยตุ๊กตาของเธอตกลงพื้น
“สมน้ำหน้า!”
นอกจากจะไม่มีคำขอโทษแล้วพบยังได้รับเพียงแค่ประโยคที่ควรจะทำให้เขารู้สึกโกรธ แต่ไม่เลยเขากลับยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวแทน
‘ถึงจะร้ายแต่ก็น่ารักไม่เบาเลยล่ะ’
วันปัจฉิมนิเทศ
วันปัจฉิมนิเทศของพี่ม.หกที่ตอนนี้ต่างก็เดินถ่ายรูปและผลัดกันเขียนเสื้อนักเรียนเพื่อเป็นที่ระลึกหลังจากเรียนจบ ซึ่งวันนี้เมเบลก็มาร่วมแสดงความยินดีกับพี่ชายคนรองของเธอด้วยนั่นเอง
“เฮีบเบ”
“เบล! มากับใคร”
“เฮียแกรมค่ะ”
“มันไปไหนแล้วล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน มาๆ ถ่ายรูปกันดีกว่าค่ะ”
เมเบลพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือของเฮียเบขึ้นมากดเซลฟี่
“น้องเบล เขียนเสื้อให้พี่ด้วยสิ”
เพื่อนร่วมห้องของเบที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันมาหาเธอ
พร้อมกับยื่นปากกาให้
“หนูไม่อยากเขียน”
เธอมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองปากกาแล้วตอบออกไปอย่างไม่ใยดี
“ตัวแค่นี้ทำไมหยิ่งจังวะ”
“พูดให้มันดีๆ หน่อย”
เบที่ได้ยินแบบนั้นหันมาจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง ก็แค่เพื่อนร่วมห้องมีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่น้องสาวของเขา
“ทำไมวะ ทีน้องมึงยังไม่เห็นจะพูดดีๆ กับกูเลย”
“มีไรกันวะ”
พบที่เพิ่งเดินเข้ามาถามขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าดูตึงเครียดกว่าปกติ
“หึ! ก็แค่เด็กไม่มีแม่คอยสอน”
“มึง!”
ผั๊วะ!
เบถึงกับฉุนจัดกำลังง้างหมัดขึ้นเพื่อเข้าต่อยเพื่อนคนนั้นแต่มันดันล้มลงไปนอนกองด้วยฝีมือของพบซะก่อน
“ถ้ามีแม่คอยสอนแล้วสันดานแบบมึง ก็อย่ามีดีกว่า”
“นะ..นี่ มึงต่อยกูเหรอ ทำไม ชอบมันใช่ไหม”
คนที่โดนต่อยลงไปนอนอยู่ที่พื้นยังคงปากดีไม่หาย ถ้าไม่ติดว่ายังอยู่ในโรงเรียนป่านนี้เขาคงจะเข้าไปกระทืบมันซ้ำแล้วล่ะ
“เอาเวลาปากดีของมึงไปหาหมอฟันเถอะ”
ประโยคของพบทำให้ผู้ชายคนนั้นมีอาการเลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวาแล้วเจอเขากับฟันหน้าของเขาร่วงอยู่ที่พื้น
“ฮ่าๆๆๆ ฟันร่วงเลย”
“ยังจะไปหัวเราะเขาอีก”
เมเบลที่ยืนหัวเราะเสียงดังโดนพบลากแขนเดินออกมาจากกลุ่มตรงนั้น แต่เธอก็ยังไม่หยุดหัวเราะสักที
“ฮ่าๆๆ นายเก่งมาก มันฟันร่วงเลย”
“น้องงงง”
เบเรียกน้องสาวเสียงต่ำเพื่อปรามเบาๆ ที่เธอยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ
“กูฝากเบลหน่อยนะ เดี๋ยวมา”
“เออ”
เบเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขามีธุระที่ต้องไปจัดการ ตอนนี้โต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นไม้ก็เลยเหลือเพียงแค่พบและเมเบลเท่านั้น
“ถ้าพี่ไม่อยู่อย่าไปพูดไม่ดีใส่ใครอีกนะ”
ประโยคของพบทำให้เด็กสาวหยุดชะงักไป ถึงเธอจะแสดงออกด้วยท่าทางที่เอาแต่ใจ พูดจาแรงและขี้วีนใส่เขาแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกผูกพันกับเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะเขาสนิทกับเฮียเบมากทำให้มานอนอยู่ที่บ้านบ่อยๆ ถึงจะคอยแกล้งเธอแต่ก็มักจะมีขนมมาปลอบใจเธอเสมอ
“นายจะไปไหน”
สิ่งที่เมเบลกลัวมากที่สุดคือการจากลา เธอได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีราวกับเจ้าหญิงแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกโหยหายแม่จางหายไปเลยและยิ่งทุกคนแสดงออกว่ารักเธอมากเท่าไหร่เธอก็ไม่อยากให้คนเหล่าหายไปจากชีวิตของเธอสักคน
“พี่ต้องไปเรียนต่อ”
“ก็แค่เรียนต่อ”
“ที่เมืองนอก”
“ทำไม! มหา’ ลัยดีๆ ที่นี่ก็มีตั้งเยอะแยะ”
“ไม่อยากให้พี่ไปเหรอ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาถามออกไปแบบนั้น เขารู้ดีว่าการพูดเรื่องนี้ ยังไงเธอก็ไม่มีทางเข้าใจเพราะเธอยังเด็กเกินไปที่จะคิดเรื่องพวกนี้
“ฉะ...ฉัน ทำไมฉันจะต้องไม่อยากให้ไปด้วย นายจะไปเรียนต่อที่ไหนก็เรื่องของนายเลย”
เมเบลพูดพร้อมจะลุกขึ้นเดินออกไปถ้าไม่ติดว่าคนตัวโตจับข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน
“เมเบล”
“แล้วคอยดูนะ ฉันจะพูดไม่ดีอย่างที่นายไม่ชอบใส่ทุกๆ คน และถ้าเขาจะทำร้ายฉันเหมือนวันนี้อีกก็รู้ไว้เลยว่ามันเป็นความผิดของนาย ผิดที่นายไม่ยอมอยู่ปกป้องฉัน!”
เมเบลสะบัดมือของพบออกก่อนจะเดินหนีไป เพราะไม่อยากให้เห็นว่าเธอกำลังเสียใจแค่ไหน นิสัยที่เอาแต่ใจทำให้เธอไม่มีเพื่อน พบเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของเธอถึงเขาจะอายุมากกว่าแต่เขาก็จะมาเล่นเป็นเพื่อนเธอตลอด เธอจึงรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียเพื่อนคนเดียวของเธอไป