บท
ตั้งค่า

บทที่3 หญิงสาวจากประเทศไทย และเจ้าบุญช่วย 2

“รู้แล้วน่า ขอแค่ตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้นแหละ...ฉันอยากให้มันได้รับสิ่งดีๆบ้างสักครั้งหนึ่งในชีวิต เหมือนกับฉันที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กจรจัดมาก่อน หากไม่มีพ่อการุณรับฉันมาเลี้ยงเป็นเด็กในความปกครอง ป่านนี้ฉันคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความสุข กินอิ่มท้องและหลับเต็มตื่นอย่างทุกวันนี้หรอก”

คำพูดของอลิชาทำให้มินนี่ชะงักมือที่กำลังเช็ดเก้าอี้อยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมองอลิชาอย่างเข้าใจความรู้สึก

“อืมๆ ตามใจแกเถอะ แม่นักบุญ” มินนี่กระแทกเสียง แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่มุมปาก

“ขอบใจ แต่ที่โรงแรมเขาไม่อนุญาตให้นำสุนัขไปเลี้ยง...เพราะฉะนั้น ฉันขอฝากมันไว้ที่ร้านมินนี่หน่อยล่ะกันนะ แล้วก็ให้อาหารมันด้วย...ก็อาหารร้านแกนี่แหละ ทำให้มันกินด้วย แล้วมาเก็บตังค์ที่ฉัน” ประโยคนี้ของอลิชาเล่นเอามินนี่หุบยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าบูดบึ้งขึ้นทันควัน

“ยัยอลิช!! นี่หมายความว่าฉันต้องทำอาหารเลี้ยงหมาเหรอยะ ยัยบ้า...ไม่เอาเด็ดขาด อีกอย่างหนึ่งถ้าแกกลับประเทศไทย แล้วจะเอาไอ้หมาตัวนี้ไปไว้ไหน”

“เอาน่าเดี๋ยวฉันหาทางแก้ไขเอง เมื่อถึงเวลานั้น แต่ในเวลานี้แกก็ช่วยดูๆมันไปก่อน...ห้ามปฏิเสธนะยะ เพราะถือว่าเจ้าบุญช่วยเป็นลูกค้าขาประจำของแกแล้วมินนี่”

“บุญช่วย” มินนี่ทำหน้างงๆ

“ใช่บุญช่วย ฉันเพิ่งตั้งชื่อให้มันน่ะ เป็นไงเพราะมั๊ย” อลิชากอดอกทำท่าคอยืดอย่างภาคภูมิใจ

“บ้านนอกสุดๆ” มินนี่พึมพำ

“ว่าไงนะมินนี่ แกว่าไงนะ” อลิชาโวยวายขึ้นมา

“เปล่า ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกว่าชื่อบุญช่วยมันเชย ฉันว่าแกน่าจะตั้งชื่อมันว่าเบบี้ ริกกี้ หรือไม่ก็จอร์นสันไปเลย” มินนี่เสนอความคิด

“แกจะบ้าเหรอมินนี่ สุนัขขนเกรียนซี่โครงบาน แถมหน้าหักแบบนี้เนี่ยนะ ให้ชื่อจอร์นสัน ชื่อบุญช่วยน่ะดีแล้ว” อลิชาตัดบท แล้วพูดประโยคต่อไปว่า

“อยากกลับที่พักแย่แล้วล่ะมินนี่ เพลียชะมัด”

“เออๆ เดี๋ยวพาไปส่งถึงโรงแรม เพราะเดี๋ยวฉันต้องมาทำงานต่ออีก จะฝากร้านไว้กับลูกน้องนานๆก็ไม่ค่อยจะไว้ใจพวกมัน” พูดพลางหยัดกายขึ้นยืนตรงๆ บิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะพาอลิชามาที่รถเพื่อเตรียมขับไปที่พัก

เช้าวันใหม่

ก๊อกๆๆๆๆ

เสียงเคาะประตูรัวเหมือนไม่เกรงใจเจ้าของห้องดังขึ้น เล่นเอาร่างที่ขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่มต้องดีดตัวผึงลุกขึ้นอย่างตกใจ พลางบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ

“อลิช ตื่นหรือยัง แกจะนอนกินเมืองไคโรทั้งเมืองเลยหรือไง ห๊ะ!” เสียงแหวแหลมปรี๊ดที่ดังทะลุผนังเข้ามาทำให้อลิชาต้องพ่นลมหายใจออกทางจมูกเฮือกใหญ่พลางลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

“อรุณส......” ยังไม่ทันที่อลิชาจะกล่าวคำอรุณสวัสดิ์ มินนี่ก็กรีดร้องอย่างเสียสติเสียก่อน

“ยัยอลิชชชชชชช นี่มันอะไรกันยะ จนป่านนี้แล้ว แกยังอยู่ในชุดนอนอยู่อีกเหรอ ตกลงแกมาเที่ยวหรือมานอนกันแน่...แล้วจะไปเที่ยวมั๊ยวันนี้น่ะ”

“ไปสิ...แต่แกต้องเห็นใจฉันบ้างมินนี่ เวลาที่ไคโรกับประเทศไทยน่ะต่างกันตั้ง4ชั่วโมงนะ” คำว่าเที่ยวทำเอาอลิชาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เพราะถึงแม้เธอจะเคยมาประเทศอียิปต์กับพ่อการุณแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว...ตั้งแต่เธออายุแค่5ขวบ มาวันนี้ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่ดินแดนแห่งทะเลทรายอีกครั้ง โดยมีเพื่อนสาวที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมซึ่งปัจจุบันมินนี่ก็ได้มาเปิดร้านอาหารที่อียิปต์และแต่งงานที่นี่ มาเป็นไกด์นำเที่ยว จึงทำให้เธอตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

“ นั่นมันข้ออ้างของคนขี้เกียจตื่นต่างหากย่ะ เอ้า..จะไปก็เข้าไปเปลี่ยนชุดสิยะ ยังยืนบื้ออยู่อีก” เสียงแหลมๆของมินนี่ดึงสติของอลิชาให้กลับคืน

“ได้ๆรอแป๊บนะ” อลิชามุดหัวกลับเข้าห้อง แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงเพื่อนบ่นอุบอิบตามหลัง

“จริงๆเล้ย ไม่เข้าใจว่าแกจะมานอนหรือมาเที่ยว ถ้าจะมาเพื่อนอนฉันว่าแกนอนอยู่ที่บ้านน่าจะดีกว่าที่จะถ่อสังขารมานอนถึงนี่...เดี๋ยวฉันจะเดินดูอะไรแถวนี้นิดหน่อยนะอลิช” ว่าแล้วมินนี่ก็เดินออกจากบริเวณหน้าห้องพักของเพื่อนสาว โรงแรมนี้ดูใหญ่โตและน่าอยู่กว่าบ้านของเธอเป็นไหนๆ มินนี่หันซ้ายหันขวามองผู้คนที่เดินผ่านไปมาเรื่อยๆจนสายตาไปหยุดลงอยู่ที่สิ่งหนึ่ง

นั่นก็คือสระน้ำจำลองขนาดย่อมที่มีดอกบัวของปลอมดอกใหญ่อยู่ในน้ำสีฟ้าใสหลายดอก เธอเดินไปนั่งที่ขอบสระ พลางเอื้อมมือไปจับกลีบดอกบัวแข็งๆเล่น

ดอกบัวแห่งแม่น้ำไนล์..สร้างไว้ได้เหมือนจริงเลยทีเดียว นี่ถ้าเป็นของจริง เธอจะแอบเด็ดกลับไปสักดอกหนึ่ง

มินนี่เงยหน้าขึ้นมองด้านบนที่มีรูปปั้นตั้งอยู่กลางสระบัวจำลอง เป็นรูปปั้นผู้หญิงซึ่งสูงราวๆ165เซนติเมตร มีใบหน้าสะสวย ที่หางตาถูกเขียนด้วยผงถ่านจนคมกริบ ที่หลังตาเหมือนถูกทาด้วยหินลาปิส ลาซูรี่(หินลาปิสลาซูรี่ เมื่อนำมาบดจะได้เป็นผงสีฟ้า สตรีชาวอียิปต์ยุคโบราณนิยมนำมาทาที่หลังตา) สวมแต่งชุดด้วยเครื่องแต่งกายของสตรีสูงศักดิ์ในยุคโบราณ บนศีรษะมีเขาอยู่สองเขา ตรงกลางเขาเป็นรูปกลมๆคล้ายดวงอาทิตย์ ที่อ้อมแขนมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังดื่มนมจากอกของสตรีนางนั้น

มินนี่จ้องมองที่รูปปั้นราวกับต้องมนต์สะกดอยู่พักนึงก่อนที่เธอจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่อาการเบลอแปลกๆออกไปจากศีรษะ สายตาของหญิงสาวมองต่ำลงมายังป้ายที่ปักเอาไว้ด้านหน้าของรูปปั้น มีอักษรตัวใหญ่เขียนเอาไว้อย่างสะดุดตาว่า 'เทพเจ้าฮอรัสดื่มนมจากอกพระมารดาไอซิส'

หญิงสาวตวัดสายตากลับไปมองที่พระพักตร์สวยๆของรูปปั้นอีกครั้ง ที่แท้...ก็เป็นรูปปั้นของเทพีไอซิส(เทพีไอซิสเป็นราชินีของเทพโอซิริส ซึ่งเทพีไอซิสมีบุตรชื่อว่าฮอรัส)นี่เอง พลันความคิดของมินนี่ก็ต้องสะดุดลงเมื่อได้เห็นคล้ายๆกับว่าพระโอษฐ์ของรูปปั้นเทพีไอซิสจะขยับยิ้มส่งมาให้เธอ แต่ครั้นเธอกระพริบตาถี่ๆแล้วจ้องมองใหม่...รอยยิ้มนั้นก็ได้จางหายไปเสียแล้ว

มินนี่ลูบต้นแขนตัวเอง ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเดินกลับไปยังห้องพักของอลิชา จึงยังไม่ทันได้เห็นพระโอษฐ์ของรูปปั้นที่กำลังขยับขึ้นลงช้าๆเป็นเสียงแผ่วหวานเบาๆที่ไม่มีใครได้ยินว่า..

'ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องพาอาลิชซาไปพบบุตรของเราในโลกอดีต...”

หลังจากปิดประตูหนีเพื่อนปากมากแล้ว อลิชาก็รีบถอดชุดออกก่อนจะเข้าห้องน้ำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel