บทย่อ
อลิชา” หญิงสาวในยุคปัจจุบันที่ย้อนคืนสู่อดีตเมื่อสมัย 3,000ปีก่อน ไปอยู่ในร่างผู้ชายซึ่งเป็นองครักษ์ของ “ฟาโรห์รามิเลส”งานนี้ฟาโรห์สุดหล่อจึงเกิดอาการแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆองครักษ์ของตนก็มีท่าทางกระตุ้งกระติ้งเหมือนผู้หญิง และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ…พระองค์เริ่มมีใจเอนเอียงจนคิดว่าจิตใจตนคงผิดปกติที่ไปนึกชอบผู้ชายด้วยกว่าจะรู้ความจริงว่าในร่างขององครักษ์มีวิญญาณหญิงสาวสวยแฝงอยู่ ก็จนวันที่ดวงจิตของอลิชาต้องย้อนคืนสู่โลกปัจจุบัน ทำให้พระองค์เสียใจมากที่ไม่ได้นึกเฉลียวใจมาก่อนหน้านี้เลยดวงจิตของอลิชาย้อนกลับเข้าร่างของตัวเองที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลมานานแรมเดือน เมื่อร่างกายเธอแข็งแรงดีแล้ว…อาถรรพ์แห่งไอยคุปต์ก็พาให้เธอหวนคืนสู่อดีตอีกครั้ง…ไปทั้งตัวและจิตวิญญาณ แต่คราวนี้เธอกลับไปหล่นตุ้บอยู่กลางศึกสงครามระหว่างอียิปต์และอัสซีเรียอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปเมื่อหญิงสาวสวยในชุดแปลกตา อยู่ดีๆก็โผล่มากลางศึกสงครามที่กำลังประจันหน้ากันอยู่ อีกทั้งความรัก ความลับ และความริษยา ทุกสิ่งอย่างกำลังอุบัติขึ้นแล้วในยุคโบราณ*****“ทำไมต้องแก้ผ้าจนล่อนจ้อนขนาดนั้นด้วย ห๊า” หญิงสาวแหกปากร้องลั่น ก่อนที่หูของเธอจะได้ยินเสียงตูมของน้ำ “ข้าไม่ชอบสวมอาภรณ์เวลาลงน้ำ” ทรงเข้ามากระซิบบอกใกล้ๆ“คนผีทะเล”“มีสองเวลาที่ข้าไม่ชอบสวมอาภรณ์ อยากรู้ไหมว่าเวลาไหนบ้าง” ถามอย่างมีเลศนัย ซึ่งหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืด“ไม่อยากรู้”“แต่ข้าอยากบอก…” ตรัสอย่างเอาแต่พระทัย ก่อนเสริมต่อว่า “เวลาที่1คือเวลาที่อาบน้ำ เวลาที่2คือเวลาที่อยู่บนเตียงกับเจ้า ข้าไม่ชอบสวมใส่เสื้อผ้า”
บทนำ…
บทนำ…
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างซึ่งประดับด้วยเครื่องเรือนชิ้นใหญ่เทอะทะ
แต่ทว่าล้วนมีสีทองเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเสริมความสดสว่างให้แก่ห้องอัน
เป็นที่พำนักของบุรุษร่างสูงซึ่งกำลังประทับยืนพิงผนังเย็นเฉียบ
เบื้องพระพักตร์คือหญิงสาวร่างบอบบาง ซึ่งอยู่ในอาภรณ์แปลกตา
น่าเสียดายที่พระองค์มองเห็นหน้าเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนตาไม่ถนัด เพราะช่างพร่าเบลอจนเห็นไม่ชัด
แต่กระนั้น…เรือนผมสีน้ำตาลแดงเป็นลอนที่ยาวสยายระบั้นเอวเล็ก
ก็มีเสน่ห์จนพระองค์แทบลืมหายใจ
“พระองค์สมชายชาตินักรบ” เสียงหวานเอ่ย พร้อมเล็บยาวที่กรีด
ไปตามแผงอุระกว้าง
“ถึงจะเป็นนักรบ ข้าก็ต้องการอิสตรีอยู่เคียงข้าง” สุรเสียงทุ้มตรัสราว
กระซิบ จับมือเล็กขึ้นจูบเบาๆ ซึ่งเธอก็ยิ้มที่มุมปาก ก่อนเป็นฝ่ายเขย่งปลายเท้า
จูบคางสาก หัตถ์หนาไวทายาด…คว้าหมับที่เอวบาง ฉกฉวยโอกาสจุมพิต
เรียวปากอิ่ม บดขยี้จนเธอเผยอริมฝีปากออก ยอมให้เจ้าชายแทรกลิ้นร้อน
เข้าเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อลิ้นอ่อนสมดังใจ
สองร่างเบียดชิดแนบสนิทแทบเป็นส่วนเดียวกัน ความเป็นชาายผงาดล้ำดุนดันเนื้อผ้าออกมากดหน้าท้องแบนราบของหญิงสาว ฝ่ามือหนาลูบไล้บั้นท้ายกลมกลึง เก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากบางที่พระองค์ไม่เคยพานพบในผู้หญิงคนไหน
ไฟปรารถนาลุกโชน เนตรคมฉ่ำเยิ้มด้วยประกายพิศวาสเมื่อถอนจูบออกแล้วร่างบางนั่งคุกเข่าเบื้องพักตร์พระองค์
“เจ้านั่งทำไมกัน” ตั้งท่าจะประคองเนื้อนวลให้ลุกขึ้นยืน หวังพาเธอไปที่เตียง ทว่าเธอกลับขัดขืน เสียงหวานเอ่ยยั่วเย้าจนคนฟังแทบคลั่ง
“ไม่…หม่อมฉันจะทำให้พระองค์ลืมหม่อมฉันไม่ลง”
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร” ถามสุรเสียงนุ่ม ซึ่งหญิงสาวก็บอกด้วยท่าทางเป็นต่อ
“ก็…ทำ…แบบนี้ไงเพคะ”
เข็มขัดทองคำสุกปลั่งถูกปลดออกด้วยมือนุ่มๆ พร้อมผ้าผืนใหญ่ซึ่งพันรอบพระโสณีของรามิเลสค่อยๆร่วงหล่นลงกองแทบพระบาทเผยให้เห็นแกนกลางเด่นสะดุดตา มือเรียวไม่รีรอที่จะจับมันลูบเบาๆ
“เจ้า…” ตรัสออกมาเพียงคำเดียวอย่างขัดเขิน โหนกปรางค์เป็นสีระเรื่อเมื่อต้องยืนเปลื้องผ้าต่อหน้าเจ้าหล่อน ก่อนจะครางเสียงพร่าในลำคอ
“เจ้า…อา…” สุรเสียงกระเส่าดังอย่างแหบโหย แทบไร้เรี่ยวแรงจะหยัดยืน เมื่อส่วนแกร่งแห่งบุรุษถูกครอบครองด้วยริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ค่อยๆไล้ลิ้นอย่างใจเย็น
เจ้าชายหนุ่มหรี่เนตรมองศีรษะทุยสวยของคนซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องพระบาท พักตร์คมสันแดงก่ำด้วยความต้องการของอารมณ์หวามที่ปะทุขึ้นมาจนสุดจะห้ามได้
ปรารถนาอยากกอดเจ้าร่างบางแนบแน่นอีกครั้ง
ปรารถนาอยากแทรกกายเป็นหนึ่งเดียวกับนางผู้นี้
“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ…ทุกส่วน…ของพระองค์ต้องเป็นของหม่อมฉันเท่านั้น” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพูด มือเล็กจับส่วนสำคัญของพระองค์ไว้มั่น
“อา..เจ้าอย่าทรมานข้าอีกเลย ข้าทนไม่ไหวแล้ว” องค์รามีเลสกระซิบเสียงพร่า ย่อกายลงช้อนร่างนิ่มขึ้นอุ้ม แล้วพาไปที่เตียงกว้างซึ่งตั้งตระหง่านรออยู่
ทันทีที่วางร่างแม่สาวจอมยั่วสวาทลงบนเตียงแล้ว เจ้าชายหนุ่มก็รีบตามมาทาบทับกายหอมกรุ่นอย่างรวดเร็ว
“ใจร้อนจัง” เธอว่า…ก่อนผลักอุระหนั่นแน่นให้เป็นฝ่ายลงไปนอนบนเตียงนุ่ม แล้วขึ้นนั่งทับหน้าท้องที่ไร้ไขมันส่วนเกินของบุรุษสูงศักดิ์
“ข้าใจร้อน…แต่เจ้าร้อนแรง อย่าทรมานข้าอีกเลย” พระองค์วอนขอ เนตรคมเบิกกว้างเมื่อเรียวปากอิ่มแนบลงที่โอษฐ์อุ่นจัดอย่างแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อโบกปีกมาสัมผัส
“ปากของพระองค์เป็นของหม่อมฉัน”
จูบที่ลำพระศอหนักๆพลางบอกเสียงอู้อี้
“ผิวกายของพระองค์เป็นของหม่อมฉัน”
แก้มนิ่มคลึงเคล้าแผงอุระกว้าง ลูบไล้กล้ามเนื้อช่วงหน้าท้องของพระองค์ไปมา
“อกของพระองค์เป็นของหม่อมฉัน”
รามีเลสนอนนิ่งอึ้ง เอื้อมหัตถ์ขึ้นมาหวังจะจับหน้าเรียว แต่กลับถูกคว้าหัตถ์ไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะจูบเบาๆที่หลังพระกรอย่างแสนสิเน่หา
“มือของพระองค์เป็นของหม่อมฉัน”
“ขอข้าตีตราจองเจ้าบ้างสิ” เจ้าชายหนุ่มตรัสด้วยท่าทางกริ่มๆ นัยเนตรสีดำขลับวิบวับเป็นประกาย จับร่างบอบบางลงนอนบ้างก่อนเป็นฝ่ายพลิกบทบาทขึ้นมาคร่อมทับเธอ
“จะเริ่มแสดงความเป็นเจ้าของเจ้าจากส่วนไหนก่อนดี” ถามด้วยท่าทางมีเลศนัย และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็เล่นเอาดวงเนตรคมดุถึงกับลุกวาวอย่างไม่พอพระทัย
“ไม่ได้เพคะ”
“ทำไม ?” ถามสั้นๆห้วนๆ
“หม่อมฉันจะเป็นของพระองค์ได้ก็ต่อเมื่อพระองค์มีใจยึดมั่นไม่เสื่อมคลาย”
“แล้วข้าต้องทำอย่างไร เจ้าจึงจะคิดว่าข้ามีใจมั่นเพียงพอ” ขนงเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด
“รอสิเพคะ…รอหม่อมฉันนะ อย่ายกผู้หญิงอื่นขึ้นเคียง โปรดรอหม่อมฉันก่อน”
“ทำไมต้องรอ ในเมื่อข้าต้องการเจ้าในเวลานี้ !” องค์รามีเลสตวาดก้อง สองหูยังได้ยินเสียงหวานใสบอกให้รอครั้งแล้วครั้งเล่า
“รอนะเพคะ…รอหม่อมฉัน…รอเวลา”
ร่างกลมกลึงสมส่วนค่อยๆจางลงอย่างช้าๆท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าชายแห่งอียิปต์ สองหัตถ์พยายามคว้ากอดเธอไว้ แต่ท้ายที่สุด…สิ่งที่พระองค์สัมผัสได้ก็มีเพียงลมและอากาศ
“เจ้าหายไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้ ข้าสั่งให้กลับมา !” ตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมลืมเนตรขึ้นตื่นจากฝันพิศวาส หทัยยังคงเต้นระรัวราวจะปะทุออกมานอกอุระ
อีกแล้ว…ฝันอีกแล้ว ตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม พระองค์ก็ทรงฝันถึงผู้หญิงปริศนาคนนี้นับสิบครั้ง
และทุกครั้งที่ฝัน… เจ้าของน้ำเสียงหวานๆจะบอกให้เขารออยู่ร่ำไป
องค์รามีเลสคลึงขมับทั้งสองข้าง พลางหลับเนตรลง…ชีวิตนี้ บุคคลที่พระองค์ต้องการพบมี 2 คนเท่านั้น คือเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ผู้ที่มีเรือนผมสีน้ำตาลแดง ร่างอวบ ดวงตาใสแจ๋วที่พระองค์เคยเจอเมื่อครั้งเยาว์วัย ส่วนอีกคนคือผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลแดงหยักศกเช่นกัน แต่กลับมองเห็นหน้าได้ไม่ชัด ผู้ที่มีเรือนร่างน่าปรารถนาเป็นที่สุด
คนแรก…พอจะรู้อยู่บ้างว่าคงมีตัวตนจริงๆ เพราะพระองค์เคยพบเจอตัวจริงมาแล้ว
ส่วนคนที่สอง…ต่อให้ค้นหาทั้งชีวิตก็คงไม่มีวันได้เจอ เพราะเธอเป็นเพียงนางในฝัน !!!