บทที่3 หญิงสาวจากประเทศไทย และเจ้าบุญช่วย 1
บทที่3
หญิงสาวจากประเทศไทย และเจ้าบุญช่วย
ณ สนามบินกรุงไคโร ในยุคปัจจุบัน พ.ศ 2555
หญิงสาวหน้าสวยที่สวมแว่นกันแดดสีชาและผมหยักศกสีน้ำตาลแดงตามธรรมชาติก้าวลงจากเครื่องบินอย่างมั่นใจพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เจ้าหล่อนลากจนตัวแทบเอียง โดยไม่ได้ให้ความสนใจกับหนุ่มๆที่ลอบมองเธออย่างชื่นชมเลยแม้แต่น้อย
“ยัยอลิช” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้อลิชาต้องหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าของคนที่เรียก
“มินนี่...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แกสวยขึ้นว่ะ” อลิชาสวมกอดเพื่อนรักอย่างดีใจ
“จริงเหรอ...ฮ่าๆๆ” มินนี่หน้าแดงอย่างเขินๆแล้วดันเพื่อนสาวออกพร้อมกวาดตามองอลิชาขึ้นๆลงๆอย่างสำรวจ
“ฉันสวยขึ้น แต่รู้สึกว่าแกจะเฉิ่มขึ้นนะอลิช” มินนี่จอมปากเปราะประจำกลุ่มพูดขึ้น เล่นเอาอลิชาชักเริ่มหน้าเสีย
“เฮ้ย จริงเหรอ...ฉันว่าฉันแต่งตัวทันสมัยแล้วนะ” อลิชาก้มลงมองตัวเองอย่างงงๆ
“ใช่ทันสมัย แต่นี่มันที่อียิปต์นะเว้ย ไม่ใช่ประเทศไทย ดูแกแต่งตัวเข้าสิ กางเกงขาสั้นมาเลยเรอะ แม่เปิ๊สก๊าด” มินนี่แหวเสียงดังจนคนอื่นๆเริ่มหันมามอง
“เบาๆหน่อยสิมินนี่” อลิชาพูดเสียงกระซิบรู้สึกอับอายจนแมบจะมุดแผ่นทรายหนี
มินนี่หันไปมองรอบๆตัวเห็นคนหลายคนมองมาที่เธอสองคนอย่างอยากรู้อยากเห็นปนขบขันเลยได้แต่ยิ้มแหะๆขอโทษเพื่อนสาว “โทษทีว่ะเพื่อน...ลืมตัว”
อลิชาส่ายหน้าอย่างระอาใจ เพื่อนเธอคนนี้ไม่ว่าจะกี่ปีก็ดูจะมีนิสัยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง “ฉันคิดว่าที่อียิปต์คงร้อนเลยใส่ขาสั้นมาน่ะสิ” อลิชาพูดเสียงอ่อน
“แล้วแกไม่กลัวขาดำเรอะ” มินนี่พูดกระแทกอย่างประชดประชัน
“ไม่ ฉันทาครีมมา ฮ่าๆๆ”
“ที่นี่เขานิยมใส่ชุดแบบมิดชิดกัน ไอ้จำพวกเปิดไหล่โชว์ต้นขานั่นเลิกไปได้เลย ....ไม่มีใครเขาแต่งตัวแบบนั้นเดินเตร็ดเตร่กันหรอก”
“จริงเหรอ” อลิชาหน้าม่อยลง
“จริงสิ แม้แต่จะเล่นเทนนิสหรือจะว่ายน้ำเขายังให้สวมชุดให้มิดชิดเลย จะมาเปลือยทั้งตัวหรือเปลือยแค่อกก็ไม่ได้เด็ดขาด...ฉันถึงเสียดายไง ว่าจะมาดูหนุ่มอียิปต์ล่ำๆเข้มๆอวดแผงอกสักหน่อย ฮ่าๆๆๆ”
“ยัยบ้า...ไหนๆก็ใส่มาแล้วนี่นาจะทำไงได้ล่ะ...ว่าแต่เมื่อไหร่แกจะพาฉันไปที่พักสักที ฮ๊ะ! ฉันเหนื่อยนะ”
“เออใช่...แกพักโรงแรมนะ ฉันจองห้องเอาไว้ให้แล้ว ฉันจะให้แกไปพักอยู่ที่บ้านฉัน แกก็ไม่เอานี่นา ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แทนที่จะได้นอนคุยกันทั้งคืน” ประโยคหลัง มินนี่บ่นกระปอดกระแปดพลางทำปากยื่นปากยาวจนอลิชาต้องหัวเราะคิกคัก
“แกมีสามีแล้วนะมินนี่ จะให้ฉันไปนอนคุยกับแกทั้งคืนได้ไง” อลิชาส่ายหน้าไปมา
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เดี๋ยวฉันจะเนรเทศคาเรออกไปนอนนอกห้องเอง เราจะได้คุยกันตามประสาเพื่อนรักที่ห่างกันมานานไง แกไปพักที่บ้านฉันเถอะนะ”
“ไม่เอาด้วยหรอก มาถึงที่อียิปต์ทั้งที ฉันอยากพักที่โรงแรมมากกว่า ไม่อยากรบกวนแกด้วย แกพาฉันไปที่พักทีเถอะ” อลิชาปฏิเสธ เธอรู้ดีว่าคาเรผู้เป็นสามีของมินนี่นั้นขี้หวงขนาดไหน ถ้าเธอไปนอนกับมินนี่แบบนั้น...บ้านคงแตกแน่ๆ เพราะคาเรคงไม่ยอมอยู่ห่างภรรยาเป็นแน่
“ก็ได้ แต่ก่อนอื่น แกแวะไปทานอาหารที่ร้านฉันก่อนแล้วกัน มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” มินนี่ถอนหายใจแล้วพูดอย่างใจกว้าง เล่นเอาอลิชาหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนจะยื่นมือเรียวไปวางทาบกับหน้าผากเพื่อน
“แกตัวร้อนหรือเปล่ามินนี่”
“อะไรของแกยะอลิช” มินนี่ปัดมือของอลิชาออก
“อ้าว ก็ปกติแกขี้งกจะตาย แล้วนี่นึกยังไงถึงจะเลี้ยงอาหารฉัน”
“ยัยบ้า” มินนี่ค้อนใส่เพื่อนอย่างโมโหแล้วสะบัดหน้า เดินนำเพื่อนไปที่รถ
“มินนี่ นั่นสุนัขของใครน่ะ” อลิชาที่เพิ่งรวบช้อนส้อม และหยิบกระดาษชำระมาเช็ดปากตัวเอง ถามขึ้นเมื่อเหลือบตาไปเห็นสุนัขตัวใหญ่ขนเกรียนสีน้ำตาล ยืนตัวผอมเพรียวหุ่นนายแบบอยู่ที่หน้าร้านอาหารของมินนี่ เธอคงจะไม่สนใจเจ้าสุนัขตัวนี้แน่ ถ้ามันไม่ยืนน้ำลายไหลชวนให้น่าสงสารแบบนั้นน่ะ
“หมาจรจัดมั๊งแก อย่าไปสนใจมันเลย” มินนี่ตะโกนตอบมาจากหลังเคาเตอร์ในขณะที่มือกำลังวุ่นวายกับการทอนเงินให้ลูกค้าชาวอียิปต์คนหนึ่ง
คำว่าจรจัด เหมือนไปสะกิดใจอลิชาเข้าอย่างจัง ความรู้สึกโหยหาครอบครัวที่เธอมีมาตั้งแต่เล็ก ถึงแม้ในเวลานี้เธอจะมีพ่อบุญธรรมใจดีที่รับเลี้ยงเธอตั้งแต่อายุ5ขวบแล้วก็ตาม แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากพบเจอพ่อแม่ที่แท้จริง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแวววาวเริ่มอ่อนแสงลง เหมือนกับเข้าใจความรู้สึกของคำว่า‘จรจัด’เป็นอย่างดี
“มินนี่ ฉันอยากเลี้ยงเจ้าสุนัขผู้น่าสงสารตัวนั้น…เป็นสุนัขไม่มีเจ้าของนี่เอง มิน่าล่ะ ซี่โครงบานเลยเชียว” อลิชาพูดโพล่งขึ้นมา เล่นเอามินนี่ที่กำลังเช็ดโต๊ะในร้าน ตาพองทันที
“จะบ้าหรือไงยะ...แกสงสารมันใช่ไหม แกจะเที่ยวรับเลี้ยงหมาข้างถนนที่ไม่มีเจ้าของทั่วอาณาจักรไม่ได้หรอกนะ”