บทที่2 ลางสังหรณ์ 3
“ขออภัยพะยะค่ะ...แต่กระหม่อมกำลังตกใจจริงๆ...ชายผู้นี้เป็นทหารของราชินีฟาริอามุนพะยะค่ะ!!!”
“ทำไมเจ้ายังไม่จัดการกับพระองค์” ราชินีฟาริอามุนดำเนินงุ่นง่านภายในตำหนักส่วนพระองค์
“ท่านพระทัยร้อนเกินไป จะดำเนินแผนการใหญ่ต้องใจเย็นๆ” เสียงของชายผู้เป็นยอดชู้ดังขึ้นจากแท่นบรรทมที่ยับยู่ยี่ ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มทอดมองวรองค์อวบอัดซึ่งสวมเพียงภูษาบางเบาราวจะให้เห็นทุกสัดส่วนอย่างชื่นชม
“แล้วเจ้าจะทำตามแผนวันไหน”
“ราตรีต่อไปคือจุดจบของมัน” เสียงเหี้ยมพูดขึ้น ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์!
“ขอให้มันจริงเถอะ ข้าเบื่อสวามีตัวอ้วนอย่างฟาโรห์อิมฮูเทปเต็มทน” พระนางทรงบ่นอย่างหงุดหงิด ในขณะที่มือหนาจับปทุมถันซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าเนื้อบาง คลึงเคล้นเล่นอย่างสนุกมือ
“เบื่อสวามีตัวอ้วน ถ้าเช่นนั้นก็มาเล่นรักกับผัวหุ่นดีอย่างข้าอีกสักครั้งจะดีไหม เผื่อพระนางจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง”
“ไม่…เมื่อกี้ก็เพิ่งเสร็จไป ข้าปวดเมื่อย” ราชินีตรัสสะบัดสะบิ้ง ปัดมือหยาบออกจากอก ซึ่งฝ่ายชายก็หัวเราะในลำคออย่างขบขัน
“มา…ข้านวดให้”
ตอนแรกตั้งท่าว่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อถูกฝ่ามือที่คุ้นเคยนวดคลึงอกทั้งสองข้าง พระนางก็เริ่มโอนอ่อน ภูษา(เสื้อผ้า)เลื่อนหลุดออกจากช่วงบน ริมฝีปากหนาครอบครองยอดปทุมพร้อมออกแรงดูดดึงอย่างไม่รู้เบื่อ
“อื้อ…” เสียงครางดังออกจากลำศอ เมื่อถูกปลุกเร้าสัญชาตญาณจนร้อนรุ่มไปทั่วร่าง แอ่นกายกดศีรษะชายชู้ให้แนบใบหน้าเข้าที่ถันอวบของพระนาง
“พระนางทรงร้อนแรงเสมอจริงๆ แบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ข้ากำลังจะทำหน่อย” พูดเสียงอู้อี้ ก่อนจะดำเนินบทรักต่อไป…ระหว่างหญิงชั่วกับชายโฉดซึ่งมีข้อตกลงร่วมกัน !
รุ่งเช้า
“เจ้าชายรามีเลส...มีผู้นำกระดาษปาปิรุสแผ่นนี้มาเสียบไว้ที่พระทวารตำหนักอมอนเรของพระองค์พะยะค่ะ” เสียงคามินองครักษ์ฝ่ายขวาที่วิ่งกระหืดกระหอบมารายงานพร้อมกระดาษม้วนหนึ่งทำให้พระองค์ละพระหัตถ์ที่กำลังลูบหัวลูกสิงโตทะเลทรายทันที
“เอ่อ” คามินทำท่าลังเลเหมือนไม่แน่ใจว่าสมควรจะเข้าไปยื่นกระดาษปาปิรุสให้พระองค์ตอนนี้ดีหรือไม่ เพราะเจ้าลูกสิงโตตัวขนาดย่อมที่เจ้าชายเก็บมาเลี้ยงนั้น นอนแยกเขี้ยวขาววาววับใส่เขาเหมือนไม่พอใจที่เขาโผล่พรวดพราดเข้ามา
แฮ่
เจ้าสิงโตที่ยังโตไม่เต็มวัย แต่ดีอยู่หน่อยที่อดนมแล้วจึงไม่มีปัญหามากนักเมื่อเจ้าชายรับมาเลี้ยง ขู่คำรามใส่เขาราวจะเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าชายเสียเอง...นี่เจ้าชายจะทรงแต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ทำไมนะ ทำไมถึงไม่มอบตราสัญลักษณ์ให้กับเจ้าสิงโตขี้โมโหตัวนี้แทน เพราะดูจากท่าทางมันแล้ว...จะปกป้องพระองค์ดีกว่าเขาเสียอีก...คามินคิดในใจอย่างหงุดหงิดกับแววตาเอาเรื่องของสิงโตจอมอวดเก่ง
“อืม...เมื่อคืนข้าไม่ได้กลับตำหนักอมอนเร เพราะต้องไปไมตรีจิตกับเชื้อพระวงศ์ในตำหนักหลวงที่จัดงานฉลองทั้งคืน แล้วใครกันเป็นคนนำกระดาษแผ่นนี้มาไว้ที่ทวาร ทำไมจึงไม่ฝากนายทวารที่ยืนเฝ้าอยู่” เจ้าชายรามีเลสตรัสถามอย่างสงสัย ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นดำเนิน(เดิน)ไปหาเจ้าองครักษ์เสียเอง
“เอ่อ คือว่าเมื่อคืนมีงานฉลองกัน นายทวารที่ต้องเฝ้าหน้าพระตำหนักจึงพลอยขาดสติฟุบหลับเพราะฤทธิ์น้ำเมาพะยะค่ะ” คามินกราบทูล
“หึ ดีจังนะทหารของข้า เมาหลับจนไม่รู้เรื่อง หากเป็นคนร้ายป่านนี้มันมิหยิบประแจจากบั้นเอวเจ้าทหารขี้เมาที่หลับอยู่มาค้นตำหนักข้าเสียหมดหรือไง”
คามินยิ้มแหยๆ เพราะรู้ดีว่าเจ้าชายรามีเลสได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายที่ช่างประชดประชันที่สุดก็ว่าได้...ถ้าจะให้ดี อย่าทำอะไรให้พระองค์ตำหนิได้ ดูจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
หัตถ์แกร่งรับม้วนกระดาษมาอ่านก่อนจะอึ้งไปจนพาลทำให้บรรยากาศรอบองค์พลอยเงียบเชียบไปด้วย เจ้าสิงโตเหมือนจะรับรู้ถึงบรรยากาศไม่ดี มันจึงรีบลุกขึ้น พร้อมเดินส่ายพุงกลมๆของมันหนีไปหา ‘อิดิล’นายทหารที่มีหน้าที่นำอาหารมาให้สิงโตทันที ทิ้งให้คามินมองตามก้นบานๆของมันที่เดินบิดจากไปอย่างอิจฉา...เจ้าสิงโตขี้โกง ยามเจ้าชายอารมณ์ดี ก็ทำมาเคล้าเคลียออดอ้อนอยู่ใกล้ๆ แต่พอสถานการณ์เปลี่ยนเจ้านี่ก็รีบหนีทันที สุดท้ายก็เหลือแค่เขาคนเดียวนี่แหละที่ต้องอยู่รับหน้ากับลมพายุที่ดูจะเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล
เจ้าชายรามีเลสจ้องอักษรไฮโรกลิฟริกที่อยู่ในกระดาษปาปิรุสนิ่ง หากดวงเนตรพระองค์แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงได้ ป่านนี้กระดาษแผ่นนั้นคงเหลือแต่เศษผงธุลีแล้วกระมัง
“องค์ราชินีฟาริอามุนทรงดำเนินแผน...สังหารฟาโรห์อิมฮูเทปแห่งอียิปต์ในราตรีนี้!” เจ้าชายรามีเลสทรงอ่านเนื้อความในกระดาษปาปิรุส เพื่อให้คามินได้ร่วมรับรู้ด้วย
“ใครกัน มันบังอาจส่งอะไรแบบนี้มา” คามินขบกรามแน่นด้วยความเคร่งเครียดไม่แพ้เจ้าชายรามีเลส
“ไม่หรอกคามิน...ข้าว่าถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้ที่ส่งปาปิรุสแผ่นนี้มาจะมีประสงค์ดีหรือร้าย เนื้อความในนี้จะจริงหรือไม่ก็ตาม ข้าคิดว่าเราไม่ควรประมาทแม้แต่นิดเดียว!”
ยามเย็น เมื่อตะวันเริ่มลับหายไปกับเหลี่ยมทะเลทรายบังเกิดเป็นภาพมายาซึ่งงดงามราวภาพแห่งความฝัน ราชินีฟาริอามุนที่เพิ่งเสด็จกลับจากชมอุทยานและไล่ให้เหล่านางกำนัลกลับตำหนักไปก่อน เพราะอยากมีเวลาส่วนพระองค์บ้างแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม ยังอดไม่ได้ที่จะหยุดชมทัศนียภาพเบื้องหน้าอย่างหลงใหล...ใช่หลงใหลในภาพมายา เหมือนกับที่พระนางทรงรักใคร่และชื่นชมในสิ่งภายนอกของเจ้าชายรามีเลส!
“ราชินีฟาริอามุน” สุรเสียงเข้มแต่หนักแน่นที่ได้ยินอยู่เบื้องปฤษฎางค์ทำให้พระนางหันขวับไปทันที
ยามเมื่อได้สบกับเนตรคมดุ
ดูเหมือนหทัยจะสะท้านไหว
นิลเนตรของพระองค์ดูราวบ่อน้ำลึกที่พระนางอยากกระโจนลงไปนัก ทั้งๆที่รู้ว่าอันตรายก็ตาม
“เจ้าชายรามีเลส...” ราชินีสาวหลบเนตรดุอย่างขวยอาย พวงปรางค์ระเรื่อขึ้นจนอีกฝ่ายทอดพระเนตรเห็นได้ชัด
“ท่านจะให้เกรียรติข้า...ไปเสวยกระยาหารกับข้าที่ตำหนักอมอนเรได้หรือไม่”คำกล่าวเชิญชวนของเจ้าชายรามีเลสส่งผลให้พระเนตรของราชินีเบิกโพลงอย่างคาดไม่ถึง เพราะเจ้าชายไม่เคยเลยสักครั้งที่จะชวนพระนางเป็นการส่วนพระองค์เช่นนี้ แม้แต่จะทักทายโอภาปราศรัยทั่วไป พระองค์ยังแทบไม่เคยตรัสกับพระนาง แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น เจ้าชายรามีเลสถึงเปลี่ยนไป...วูบหนึ่งความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือความเคลือบแคลง หรือว่าพระองค์จะระแคะระคายอะไร...แต่แล้วความรู้สึกอิ่มเอิบก็เข้ามาแทนที่...หรือว่าพระองค์จะเริ่มสนพระทัยพระนาง
“ได้...ได้สิพระองค์” ราชินีฟาริอามุนรีบตอบรับคำเชิญสุรเสียงละล่ำละลักจนดูเหมือนรีบร้อนจนเกินเหตุ...โดยลืมสังเกตว่าบุรุษตรงหน้าส่งสายพระเนตรสมเพชให้พระนางแค่ไหน
“งั้น...ก็ขอขอบพระทัย” เจ้าชายรามีเลสค้อมเศียรลงนิดๆเป็นเชิงขอบคุณ...แต่จะมีใครเล่าล่วงรู้พระทัยว่าพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด !