บทที่1 เขาคือใคร 3
เจ้าชายรามีเลสเบือนพักตร์หนีแววตายวนยั่วของเหล่านางรำ พลันสายพระเนตรก็ไปสะดุดอยู่ที่ดวงเนตรดำใหญ่ที่จับจ้องมองพระองค์อยู่ก่อนแล้ว
ราชินีฟาริอามุนกระพริบเนตรถี่ๆเมื่อรู้สึกองค์(ตัว)ว่าเจ้าชายรามีเลสรู้แล้วว่าพระนางเฝ้าทอดพระเนตรอยู่ แต่แล้วหทัยก็เกิดวิบวับราวจะปลิดออกจากขั้ว เมื่อเนตรคมดุที่โผล่พ้นขอบผ้ามากลับเบือนเมินราวไม่สนพระทัยพระนางเลยแม้แต่น้อยนิด
“ฮ่าๆๆแผ่นดินอียิปต์อันเกรียงไกร ไม่ว่าชาติไหนเป็นต้องยอมศิโรราบภายใต้การปกครองของฟาโรห์องค์นี้ ฟาโรห์อิมฮูเทปอย่างข้า ฮ่ะๆๆ” เสียงสรวลอย่างสุดแสนจะปลาบปลื้มดังมาจากโอษฐ์หนาบานของฟาโรห์องค์ปัจจุบันที่ประทับเคียงองค์ราชินีฟาริอามุน
พระราชินีปรายพระเนตรมองสวามีอย่างหยามเหยียด อียิปต์จะรุ่งเรืองเกรียงไกรจนชาติใดไม่กล้าต่อกรได้อย่างไร หากไม่มีเจ้าชายรามีเลสผู้อยู่เบื้องหลังบัลลังก์ทอง เจ้าชายที่แม้จะเปิดเผยเพียงขนงเข้มปลายตวัดเฉียงและดวงเนตรคมดุที่พ้นขอบผ้าสีดำ แต่กลับดูมีสง่าราศีและอำนาจภายในองค์ที่ทุกคนพากันหวั่นเกรงแม้ในยามนั้นพระองค์จะไม่มีดาบอยู่ในหัตถ์ก็ตาม ผิดกับฟาโรห์อิมฮูเทปที่นอกจากจะไม่มีราศีแล้วร่างกายยังหนาอ้วนไขมันแผละ และสิ่งที่ทำให้พระนางรับไม่ได้มากที่สุดเห็นจะเป็นอุปนิสัยขี้ขลาดและไร้หัวคิดของพระองค์นี่แหละ ราชินีฟาริอามุนเบ้โอษฐ์อย่างเบื่อหน่ายกับสิ่งรายรอบองค์รวมทั้งสวามีที่น่ารังเกียจของพระนางด้วย จะมีสิ่งที่น่าชื่นพระทัย ชื่นพระเนตรอยู่องค์เดียวเท่านั้น...เจ้าชายรามีเลส ที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งฟาโรห์เป็นที่สุด !!
“เจ้าชายรามีเลส...พระองค์จะทรงเสวยน้ำจัณฑ์กับหม่อมฉันเพื่อฉลองที่ฮิตไทน์และอียิปต์จะเป็นมิตรต่อกันได้หรือไม่” เจ้าชายอิชมิอาลแห่งฮิตไทน์ถือน้ำจัณฑ์มาสองจอก พลางยื่นส่งให้เจ้าชายรามีเลส
“เชิญพระองค์” เจ้าชายรามีเลสผายพระหัตถ์ไปยังที่ประทับหนานุ่มที่อยู่ข้างพระองค์ พลางรับแก้วน้ำจัณฑ์มาจิบ
“ขอบพระทัย” เจ้าชายอิสมิอาลลอบทอดพระเนตรพระพักตร์ของเจ้าชายรามีเลสอย่างครุ่นคิด ถึงจะเห็นเพียงขนงเข้มและดวงเนตรคมดุแต่พระนาสิกได้รูปสวยที่ดันเนื้อผ้าออกมาก็พอจะรู้ได้ว่าพระนาสิกของพระองค์โด่งขนาดไหน ไหนจะวรองค์สูงเพรียวสง่าที่มักจะสวมภูษาสีดำอยู่เสมอ ยิ่งทำให้พระองค์ดูลึกลับน่าค้นหาเป็นที่สุด
นี่กระมังรูปโฉมที่ทำให้สตรีหลายนางแทบคลั่ง...รวมทั้งพระขนิษฐาของเจ้าชายอิสมิอาลด้วย...
“ท่านยังไม่มีงานมงคลอีกหรือ” เจ้าชายอิชมิอาลลองตะล่อมตรัสถาม รู้สึกใจหายเหมือนกันที่เนตรคมดุจับจ้องที่พระองค์ราวจะให้ทะลุไปถึงความคิด
“ท่านอิชมิอาลคงหมายถึงพิธีสมรสของข้า” เจ้าชายรามีเลสตรัสหยั่งเชิง ก่อนจะต่อประโยคต่อไปด้วยสุรเสียงเรียบเรื่อยไม่บ่งบอกความรู้สึก
“ข้าคิดว่า...คงอีกนาน”
“ไม่มีสตรีนางใดที่พระองค์พึงพอพระทัยจนยกย่องนางขึ้นเคียงบัลลังก์เลยหรือ” เจ้าชายอิชมิอาลลอบแย้มพระสรวลอย่างพึงพอพระทัย หากเจ้าชายรามิเลสยังทรงพระทัยว่าง ดวงเนตรยังไม่ชำเลืองแลสตรีคนไหน ก็หมายความว่าพระขนิษฐาของพระองค์ก็มีสิทธิ์เช่นกัน
“ตรัสอะไรผิดไปหรือเปล่าเจ้าชายอิชมิอาล...ข้ายังเป็นเพียงเจ้าชายยังไม่ได้เสวยราชย์ขึ้นครองอียิปต์...แล้วเช่นนี้ท่านจะรีบให้ข้าหาสตรีเคียงบัลลังก์ไปทำไมเล่า”
“ถึงอย่างไรท่านก็เป็นรัชทายาทที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติแทนฟาโรห์อิมฮูเทปอยู่ดี แต่หากท่านจะคิดว่าข้าล่วงเกินหรือเป็นการสาปแช่งองค์อิมฮูเทป ข้าก็ต้องขออภัย”
เจ้าชายรามีเลสยังคงวางพักตร์เรียบสนิทไม่บ่งความรู้สึกส่วนพระองค์ก่อนจะตรัสสุรเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เจ้าชายรามีเลสยกน้ำจัณฑ์ขึ้นจิบ ดวงเนตรดำดุทอดพระเนตรเลยเจ้าชายอิชมิอาลไปยังนางรำที่ร่ายรำอยู่อย่างเฉยเมย ท่ามกลางเสียงเพลงที่บรรเลงอย่างสนุกสนานเป็นท่วงทำนองที่เร้าใจเหล่าเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและขุนนางต่างพากันพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด ยิ่งมีแอลกอฮอล์เข้ามาในกระแสเลือดยิ่งทำให้รู้สึกคึกคักมากกว่าช่วงพลบค่ำ เหล่าทหารผู้น้อยพากันสรวลเสเฮฮาดื่มเหล้าดีกรีแรงที่หน้าพระตำหนัก บางคนเมาหลับจนกลิ้งน่าเกะกะตา บ้างก็เต้นวาดลวดลายแบบเซๆจนน่ากลัวจะล้ม
“ท่านอีมู จะนำพิษงูเห่าไปไหน” เสียงแว่วๆของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นเบาๆเหมือนกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน
ขนงเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆอย่างไม่แน่พระทัย ดวงเนตรคมแลสบพระเนตรกับเจ้าชายอิชมิอาลอย่างหวาดระแวง ครั้นเห็นอีกฝ่ายยังดื่มน้ำจัณฑ์อย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้มีทีท่าว่าจะรับรู้คำพูดที่ลอยมาแว่วๆแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะเสียงบรรเลงดนตรีดังด้วยกระมังบวกฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องรอบตัวสักเท่าไหร่ และคนพูดเองก็ชะล่าใจเกินกว่าจะระวังคำพูดของตัวเอง... เจ้าชายรามีเลสลอบถอนปัสสาสะพลางลุกจากที่ประทับ
“เจ้าชายอิชมิอาล ข้าคงต้องขอตัว...เชิญท่านสำราญต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งเบาๆแต่เจ้าชายอิชมิอาลกลับเอาแต่พักตร์แดงก่ำและทอดพระเนตรมองนางรำหวานเยิ้มจนไม่สนพระทัยอะไรแม้แต่เจ้าชายรามีเลสที่ลุกขึ้น
เจ้าชายรามีเลสผินวรกายไปยังจุดกำเนิดเสียงที่พระองค์ได้ยิน...แต่เสียงสรวล(หัวเราะ)แหลมบาดพระกรรณที่ดังขึ้นทำให้พระองค์หยุดชะงัก เนตรคมดุเหลือบแลสบพระเนตรกับเจ้าของเสียงสรวล ....ราชินีฟาริอามุนทรงชะงักสุรเสียงสรวลลง เหลือเพียงแค่รอยแย้มยิ้มบางๆแตะแต้มโอษฐ์อิ่มเท่านั้น แต่แววพระเนตรที่พระองค์สบด้วยนี่สิ ....เล่นเอาเจ้าชายรามีเลสถึงกับพระทัยหายวาบด้วยแรงสังหรณ์บางอย่าง...เพราะแววพระเนตรนั้นบ่งบอกถึงความสมหวังและชัยชนะอะไรสักอย่างที่ดูจะไม่ธรรมดาเอาเสียเลย !!!
ฟึ่บ...
หัตถ์แกร่งค่อยๆแหวกพระวิสูตรออกช้าๆ เนตรสีนิลฉายแววผิดหวังเมื่อเห็นหัวหน้านางกำนัลมูซา และนางกำนัลนาอีพากันพูดเรื่องผ้าผ่อนแพรพรรณตามประสาอิสตรีที่ชื่นชอบของสวยงามไปเสียแล้ว
“เจ้าชายรามีเลส” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นเบื้องปฤษฎางค์(หลัง) ทำให้เจ้าชายรามีเลสปิดพระวิสูตรไว้ตามเดิม
“มีอะไรกับข้างั้นหรือฟาเซียส...ทำไมไม่ไปดื่มกินอย่างคนอื่น” เจ้าชายรามีเลสถามองครักษ์หนุ่มอย่างสงสัย
“กระหม่อมดื่มมาบ้างแล้วพะยะค่ะ แต่ยังไม่ทันได้ดื่มให้เมา ก็มีนางกำนัลเมซาที่พระองค์ส่งไปเฝ้าจับตามองที่ตำหนักองค์ราชินีฟาริอามุนมาขอเข้าเฝ้าเจ้าชายเป็นการส่วนพระองค์พะเจ้าค่ะ” ฟาเซียสทูลตอบเสียงกระซิบเพราะเกรงผู้อื่นจะได้ยิน ทั้งๆที่ภายในตำหนักดูสนุกสนานเกินกว่าที่จะมีคนให้ความสนใจเขาและเจ้าชายเนตรดุองค์นี้...แต่ก็นั่นแหละ ป้องกันไว้ดีกว่าต้องเกิดปัญหาใหญ่หลวงในอนาคต