บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ความลับของตระกูลหวัง

บทที่ 2

ความลับของตระกูลหวัง

เนิ่นนานกว่าหวังซิ่วอิงจะสงบสติอารมณ์ของตนเองได้ นางนั่งกอดซ่งฮุ่ยหลิงด้วยความอาลัยอาวรณ์ คิดไม่ถึงเลยว่าชะตาชีวิตของนางจะมาถึงเร็วเพียงนี้ บุตรสาวและบุตรชายของนางยังเด็กเกินไปนัก เช่นนี้แล้วพวกเขาสองคนจะใช้ชีวิตบนโลกโสมมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ยิ่งคิดหวังซิ่วอิงก็ให้นึกเสียใจและเศร้าใจ

"ลูกแก้วมนตราคือลูกแก้ววิเศษที่ท่านทวดของท่านทวดได้รับมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน บรรพบุรุษของแม่เป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้ ลูกแก้วมนตราจะผลัดเปลี่ยนมือเจ้าของไปเรื่อยๆ โดยผู้ที่จะถือครองได้นั้นจะต้องเป็นสตรีที่เกิดจากตระกูลหวังเท่านั้น และน่าแปลกที่ตระกูลหวังของแม่แต่ละรุ่นจะมีสตรีถือกำเนิดเพียงหนึ่งเดียว

แม่ได้รับลูกแก้วมนตรามาจากท่านยายของหลานเมื่อ 20 ปีก่อน คราแรกแม่ก็ไม่ได้เชื่อถือในลูกแก้วมนตรานัก แต่เมื่อลูกแก้วมนตรานิมิตภาพให้แม่เห็น ไม่นานจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาเสมอ ครั้งแรกคือภาพที่แม่ได้แต่งงานกับพ่อของเจ้า มีเจ้าและพี่ชายของเจ้าเป็นบุตร ครั้งที่สองคือภาพที่พ่อของเจ้าประสบเคราะห์กรรม และครั้งที่สามคือภาพที่แม่มอบลูกแก้วมนตราให้กับเจ้าในค่ำคืนนี้

ในช่วงชีวิตของผู้ที่ได้ครอบครองลูกแก้วมนตรานั้น จะเกิดภาพนิมิตรสามครั้งเท่านั้น ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเสมอ กล่าวคือลูกแก้วมนตราจะแสดงภาพนิมิตให้ผู้ที่ครอบครองได้เห็นภาพนิมิตในเหตุการณ์ในภายภาคหน้านั่นเอง

หลิงเอ๋อร์ไม่มีเวลาแล้ว เจ้าจงเตรียมตัวออกเดินทางเสียตั้งแต่คืนนี้เลย แม่กังวลว่าเจ้ากับอาหมิงจะเกิดอันตรายขึ้น อาหมิงแม่ฝากเจ้าดูแลน้องด้วย อย่าได้ทิ้งน้อง นี่คือเงินจำนวนหนึ่งที่แม่แอบเก็บเอาไว้ จงเดินทางไปยังเมืองหลวง นำตรานี้ไปที่ร้านรับฝากเงิน ท่านพ่อของเจ้าได้ฝากเงินเอาไว้ให้พวกเจ้าทั้งสองคน ภายภาคหน้าจะได้ไม่ลำบาก

ส่วนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆแม่เก็บรักษาไว้ที่วัดร้าง ภายในหอสวดมนต์ที่วัดประจำตระกูลหวัง จงจำให้ดีหลังตู้หนังสือสวดมนต์มีประตูลับซ่อนอยู่เอาไว้ กุญแจดอกนี้จงเก็บรักษาไว้ให้ดี

หลิงเอ๋อร์ อาหมิง รับปากแม่อย่าไว้ใจผู้ใด แม้แต่ครอบครัวท่านอาของเจ้าเองก็เช่นกัน พวกเขาไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่พวกเจ้าคิด ไป รีบไป!!"

หวังซิ่วอิงยัดถุงเงิน กุญแจดอกเล็กสีทองเหลือง และตราประทับที่ใช้แสดงตนในการถอนเงินของร้านรับฝากเงินในเมืองหลวง นางดันเตียงออก แล้วแงะไม้กระดานออกมาสามแผ่น เผยให้เห็นบันไดที่ทอดตัวลงไปสู่พื้นด้านล่าง

“แม่กับพ่อรักเจ้าที่สุดลูกแม่”

หวังซิ่วอิ่งสวมกอดบุตรชายและบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย ซ่งเจียงโจวเองก็น้ำตาคลอเบ้าเช่นกัน เขารู้สึกปวดใจยิ่งนักที่ไว้ใจคนผิดจนทำให้ลูกเมียต้องมาลำบากไปด้วยเช่นนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็พอรู้มาบ้างจากสมุดบัญชีที่ซ่งเจียงซิ่งส่งมอบให้เขาตรวจนั้น มีการตกแต่งบัญชีเกิดขึ้น เขาเองก็เก็บเงียบมาตลอด แต่ลอบให้คนที่ไว้ใจได้มาสร้างช่องทางลับเผื่อว่าต้องใช้ในภายภาคหน้า แต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้

“ฮือฮือ ท่านแม่ ท่านพ่อ ข้า… ข้าไม่อยาก จาก…พวกท่านไป” น้ำเสียงเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาไม่ขาดสาย

“มาเถอะหลิงเอ๋อร์ พี่จะดูแลเจ้าเอง ข้าจะดูแลน้องเป็นอย่างดีขอรับท่านพ่อท่านแม่”

เด็กชายในวัย 12 หนาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาแดงก่ำดั่งคนที่กำลังพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ ซ่งลี่หมิงเป็นเด็กชายที่เฉลียวฉลาดเกินวัยเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน ด้วยเขานั้นคอยติดตามบิดาออกไปทำการค้าอยู่เสมอ พบเห็นผู้คนมามาก เขาจึงมีสายตาที่กว้างไกลมองออกว่าผู้ใดดี ผู้ใดร้าย ซึ่งเขาเองก็มองครอบครัวของท่านอาออกเช่นเดียวกัน

“รักษาตัวให้ดี จงมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขลูกรักของแม่” หวังซิ่วอิงร้องไห้ออกมาไม่มีเสียง น้ำตาของนางไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย

“พ่อฝากเจ้าดูแลน้องด้วย อย่าได้โง่เขลาดั่งเช่นพ่อ” ซ่งเจียวโจวเอ่ยเสียงสั่นพร่า มือหนาหยิบมีดสั้นที่ด้ามมีดประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงเลือดนกออกมา บนใบมีดสลักอักษรคำว่า ‘ไป๋’

“นำสิ่งนี้ติดตัวไป หากมีเรื่องเดือดร้อนที่แก้ไม่ตกจงนำมีดสั้นเล่มนี้ไปที่จวนชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง” เสียงสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย

“ไป!!”

หวังซิ่วอิงดันหลังทั้งสองคนเข้าไปยังช่องทางลับ จากนั้นจึงปิดกระดานแน่นหนา แล้วเลื่อนเตียงมาปิดช่องทางลับนั้นเอาไว้เพื่อพรางสายตาคนร้ายที่จะบุกเข้ามาในค่ำคืนนี้ เหตุใดนางถึงรู้อย่างนั้นหรือก็เพราะว่านางบังเอิญได้ยินบ่าวคนสนิทข้างกายบอกความนัยแก่คนของซ่งเจียวซิ่งนั่นเอง แม้แต่บ่าวข้างกายก็ยังกล้าทรยศนาง บนโลกใบนี้เห็นทีจะมีคนที่ไว้ใจได้เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง

คล้อยหลังที่ซ่งลี่หมิงกับซ่งฮุ่ยหลิงจากไปไม่นานนัก ภายในห้องที่คราแรกมืดสลัวเพราะหวังซิ่วอิงดับเทียนจนหมด ประตูก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับชายชุดดำจำนวนมากเดินตรงเข้ามายังร่างทั้งสองที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง สองสามีภรรยาทำหน้าตาตื่นตกใจเมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในยามวิกาล

“เจ้า พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร ช่วยด้วยๆ” หวังซิ่วอิงร้องเรียกเสียงดังลั่น แต่กลับสร้างความขบขันให้แก่ผู้มาเยือน

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สะใภ้ช่างโง่เขลายิ่งนัก พวกข้าบุกเข้ามาถึงเรือนนอนยังกล้าส่งเสียงร้องให้ผู้ใดช่วยอีกเล่า หรือว่าท่านกำลังร้องเรียกให้พวกภูติผีมาช่วยท่านกัน”

เสียงบุรุษที่ฟังดูคุ้นหูก้าวออกมาข้างหน้า เขากระชากผ้าคลุมปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าของคนคุ้นเคย เขาก็คือซ่งเจียวซิ่ง น้องชายของสามีนางนั่นเอง

“เจ้า!! อาซิ่งเหตุใดจึงทำเช่นนี้”

ซ่งเจียวโจวส่งเสียงร้องด้วยความตกใจเช่นเดียวกับภรรยา เขาตะกายตัวลุกขึ้นมา แต่ติดที่ขาทั้งสองข้างนั้นพิการ จึงทำให้ภาพของเขาดูน่าสังเวชนัก

“พี่ชาย ท่านเองก็ดูฉลาดมาตลอดนี่ ทำไมถึงได้มาโง่เขลาเช่นนี้เล่า ท่านรีบส่งกุญแจคลังสมบัติมาเถอะ แล้วประทับตราลงนามมอบร้านค้าให้ข้า ข้าสัญญาว่าจะดูแลบุตรทั้งสองของท่านเป็นอย่างดี รวมถึงพี่สะใภ้คนงามด้วย”

ซ่งเจียวซิ่งเอ่ยพลางหัวเราะร่วน สมบัติของพี่ชายนั้นเขาก็อยากได้ แต่พี่สะใภ้นั้นเขาอยากได้มากกว่า เรือนร่างงดงามเย้ายวน ใบหน้าสะคราญโฉม ยิ่งพิศยิ่งทำให้กึ่งกลางกายของเขาร้อนรุ่มไปด้วยความเสน่หา

“สารเลว!! ชั่วช้ายิ่งนัก อาอิงคือพี่สะใภ้ของเจ้านะ”

ซ่งเจียวโจวตวาดลั่นด้วยความโกรธแค้น ยิ่งได้เห็นสายตาที่น้องชายมองภรรยาของเขาด้วยสายตาหยาบโลนเช่นนี้ เขาก็ยิ่งโกรธตัวเองมากที่มิอาจจะลุกขึ้นมาปกป้องภรรยาได้

“หากท่านพี่ยอมทำตามที่เจ้าต้องการ เจ้าจะปล่อยพวกเราไปใช่หรือไม่” น้ำเสียงหวานเอ่ยถามขึ้นมา

แม้ในใจนางจะหวาดกลัวมากเพียงใด แต่นางรู้ดีว่ามิอาจจะแสดงด้านอ่อนแอออกมาให้พวกสารเลวนี้เห็นได้ สติเท่านั้นจึงจะช่วยนางกับสามีได้

“แน่นอนท่านพี่สะใภ้ ข้ารับรองว่าจะปล่อยพวกท่านไป ทั้งยังจะทะนุถนอมท่านเป็นอย่างดีด้วย”

ซ่งเจียวซิ่งแสยะยิ้มออกมาด้วยความย่ามใจ เขาเดินไปข้างหน้าพี่ชายแล้วหยิบหนังสือสัญญาออกมา หวังซิ่วอิงเองก็ลุกขึ้นไปหยิบกุญแจคลังสมบัติไปให้ซ่งเจียวซิ่งอย่างไม่อิดออด

ชายชุดดำผู้หนึ่งที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำ พินิจมองการกระทำของหวังซิ่วอิงด้วยความสงสัย นางว่าง่ายเกินไปจนน่าแปลกใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel