ลิขิตรักลูกแก้วมนตรา (กำเนิดกลุ่มหมิงหลิง)

56.0K · ยังไม่จบ
กะปอมพ่นไฟ
100
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ลูกแก้วมนตราเอ๋ย...จงนิมิตความฉิบหายของศัตรูให้ข้าที ลูกแก้วมนตราเอ๋ย...จงบันดาลความล่มจมของศัตรูให้ข้าที ลูกแก้วมนตราเอ๋ย...จงประทานชีวิตของพวกมันมาให้ข้าที หนี้เลือดนี้ จักต้องล้างด้วยเลือด!!

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณคนต่ำต้อยแม่ทัพพลิกชีวิตนางเอกเก่งแก้แค้นแฟนตาซี จีนโบราณพระเอกเก่ง

บทนำ

บทนำ

เมืองเว่ย ชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ย

นายทหารเวรผู้มีหน้าที่ตีฆ้องเพื่อบอกเวลาว่า ณ ตอนนี้คือยามโฉ่ว (01.00-02.59) แล้ว เขาเดินผ่านหน้าจวนแห่งหนึ่งซึ่งดูผิดแปลกไป เมื่อเห็นประกายไฟสีแดงอมส้มลอดออกมาจากประตูจวน กอปรกับกลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยมาตามลม เขาจึงรีบร้องตะโกนดังลั่นเพื่อปลุกผู้คนที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมา

“ไฟไหม้ ไฟไหม้ รีบช่วยมาดับไฟเร็ว ไฟไหม้!!”

มือหยาบกร้านรีบคว้าพลุไฟจุดขึ้นเป็นสัญญาณ เพื่อบอกทหารที่เฝ้าระวังภายในกำแพงให้ทราบว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ท้องฟ้ายามรัตติกาลพลันอาบย้อมไปด้วยแสงพลุสีเขียวสว่างสดใส ผิดกับเหตุการณ์ชุลมุนที่กำลังเกิดขึ้น

ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงร้องเตือนไฟไหม้รีบลุกกันออกมาดู บางคนคว้าถังน้ำมาดับไฟด้วย แต่อนิจจาเพราะกำแพงของจวนแห่งนี้สูงใหญ่เกินไป ทำให้กว่าผู้คนจะเข้าไปช่วยดับไฟได้ ไฟก็ล้างผลาญไปหมดสิ้นเสียแล้ว จวนแห่งนี้คือจวนของคหบดีชื่อดังแห่งเมืองเว่ย จวนตระกูลซ่ง

“ไฟไหม้หมดเลยขอรับ แต่แปลกที่ทุกคนโดนไฟคลอกตายกันหมด จะมีเพียงบุตรของนายท่านซ่งเท่านั้นที่เรายังหาศพกันไม่พบขอรับ”

นายทหารผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามารายงานผู้บังคับบัญชา เขาคือเหลียนซ่าง ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเว่ย ผู้มีชื่อเสียงว่าสังหารศัตรูตาไม่กะพริบ

“หาให้ทั่ว คนตายต้องพบศพ แล้วแจ้งเรื่องนี้ให้บ้านรองซ่งแล้วหรือยัง”

“แจ้งไปแล้วขอรับ ตอนนี้นายท่านรองซ่งกำลังเดินทางมาขอรับ”

เหลียนซ่างพยักหน้ารับ จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปสำรวจยังจวนตระกูลซ่ง ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพังจากการที่โดนเพลิงเผาทำลายไป

หากสังเกตให้ดีจะพบว่าศพที่ถูกไฟคลอกตายนั้น มีบาดแผลอื่นอยู่ก่อนแล้ว บางศพถูกฟันคอ ตัดแขน ตัดขาด้วย เพลิงไหม้ในครั้งนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรมเสียมากกว่า โดยการใช้พระเพลิงมาเผาทำลายหลักฐานนั่นเอง ทหารชั้นผู้น้อยที่มีประสบการณ์ยังมองออกว่านี่ไม่ใช่เหตุไฟไหม้ธรรมดา แต่มีคนจงใจทำ!

เมื่อเดินเข้าไปยังห้องด้านในที่ตอนนี้ไฟได้มอดดับลงไปหมดแล้ว เหลือเพียงซากเถ้าถ่านจากเพลิงไหม้ที่ดำเป็นตอตะโก กลางห้องนั้นพบศพที่คาดว่าจะเป็นชายหญิงคู่หนึ่งนอนกอดกันในอ้อมแขนซึ่งกันและกัน ศพทั้งคู่ไหม้เกรียมดำจนไม่อาจจะทราบว่าเป็นผู้ใดได้ แต่เมื่อพินิจให้ดีจะพบว่ามีหยกพกตกอยู่ที่ข้างศพ ‘ซ่งเจียวโจว’ คือนามของเจ้าของจวน

“ศพคู่นี้น่าจะเป็นนายท่านซ่ง กับฮูหยินซ่งขอรับ” นายทหารที่เข้ามาตรวจตราในที่เกิดเหตุรายงานแก่เหลียนซ่างด้วยความเคารพ

“มีสิ่งใดที่บ่งชัดว่าคือนายท่านซ่งกับฮูหยินซ่ง” เหลียนซ่างเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

“มีหยกพกที่แกะสลักเป็นตัวอักษรว่าซ่งเจียวโจวขอรับ ส่วนศพสตรีนั้นที่ข้อมือข้างขวามีกำไลหยกที่ด้านในแกะสลักไว้ว่า ‘หวังซิ่วอิง’ ขอรับ”

นายทหารหยิบของทั้งสองสิ่งส่งให้แก่เหลียนซ่าง แม้ของทั้งสองชิ้นจะถูกไฟเผาไหม้ไปบ้าง แต่ตัวอักษรยังคงเห็นชัดเจน

“อืม เจ้านำหลักฐานส่งไปเก็บไว้ที่จวนเจ้าเมือง แจ้งเรื่องเหตุเพลิงไหม้แก่ท่านเจ้าเมืองด้วยว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ คาดว่าต้นเพลิงจะมาจากโรงครัว” น้ำเสียงแหบห้าวเอ่ยสั่งการ นายทหารที่ยืนอยู่ตรงนั้นสามนายหันมามองหน้ากันด้วยความมึนงง

“แต่ว่ามีศพที่ถูกดาบฟันนะขอรับ เห็นได้ชัดว่านี่คือการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐาน” ทหารหนุ่มนายหนึ่งเอ่ยแย้งด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำตามที่ข้าสั่ง แล้วจงปิดปากของพวกเจ้าไว้ซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”

เหลียนซ่างเอ่ยเสียงเหี้ยม จ้องมองนายทหารทั้งสามนายด้วยดวงตาแข็งกร้าว

“ขอ… ขอรับ ข้า ข้าน้อยจะแจ้งท่านเจ้าเมืองตามนี้ขอรับ”

นายทหารผู้นั้นหวาดกลัวจนตัวสั่นเทารีบเอ่ยตอบรับทันที จากนั้นนายทหารชั้นผู้น้อยทั้งสามคนก็รีบออกไปทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพเหลียนซ่างทันที

อนิจจาช่างน่าสงสารคนตระกูลซ่งยิ่งนัก ดูท่าการตายครั้งนี้ของพวกเขาจะสูญเปล่าเสียแล้ว หากท่านแม่ทัพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตัวเขาที่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อยจะกล้าเอ่ยปากได้อย่างไรกัน มีเพียงแต่หวังว่าบุตรทั้งสองของนายท่านซ่งจะยังคงมีชีวิตอยู่ และหนีรอดจากคนเลวไปได้