4. คู่(กัด)กัน
เสียงหัวเราะของมารดาดังขึ้นจนแม่ทัพเองก็อดที่แปลกใจไม่ได้ แต่พอเดินเข้ามาด้านในผู้ซึ่งแปลกใจมากกว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมารดาของเฉินตูนั่นเอง
"เจ้ามาได้เช่นไร แล้วเหตุใดจึงมาสภาพนี้"
นายหญิงหลิวดุบุตรชายตนที่แต่งกายเช่นนี้เดินเข้ามา เพราะนั่นทำให้สาวใช้ในจวนต่างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับจ้องตาเป็นมันกันเลยทีเดียว ซึ่งคนข้างๆ ก็มีท่าทีเช่นเดียวกับบ่าวในจวน
"หมิงจูเจ้าเป็นสตรีเหตุใดถึงจ้องพี่เขาเช่นนั้น"
"อุ๊ย! ขอโทษเจ้าค่ะ หมิงจูแค่แปลกใจว่าพี่เขาเป็นใคร ถึงได้แต่งตัวแบบนี้เข้ามา”
ไข่มุกรีบกลบเกลื่อนสายตาตัวเองด้วยคำพูดทันที พร้อมกับคิดในใจพและยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว
“ของดีขนาดนี้ไม่มองก็บ้าแล้ว ทั้งหล่อทั้งล่ำ ทรงแดดดี้ชะมัด อีมุกจะละลายแล้วพ่อคุณเอ๊ย”
นัยน์ตาสวยยังคงเผลอมองซิกแพกเป็นลอนบนหน้าท้องอีกฝ่าย ไหนจะมัดกล้ามแน่นๆ นั่นอีก แต่พอเงยหน้าขึ้นสบกับสายตาคมที่จ้องอยู่ ก็มีอาการน้ำลายติดคอขึ้นมาทันที เพราะดูท่าเธอจะกลืนมันลำบากเหลือเกิน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาที่โต๊ะด้วยแล้ว ริมฝีปากอิ่มก็พยายามฉีกออก เพื่อสร้างมิตรภาพดีดีกับคนมาใหม่ ซึ่งตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่เธออยู่
“สงสัยความสวยจะใช้ไม่ได้กับผู้ชายสมัยนี้แฮะ แบบนี้แย่แน่ จะจับเราไปผูกแล้วเอาหวายเฆี่ยนไหมนะ”
เธอคิดในใจอีกครั้งเมื่อยังเห็นเขาจ้องอยู่ ก่อนจะใช่ท่าไม้ตายลองดูอีกครั้ง ไข่มุกส่งยิ้มหวานจนแก้มเนียนบุ๋มลงไปเพื่อให้อีกฝ่ายนึกสงสาร และดูเหมือนมันจะได้ผลเมื่อคนตัวโตหันหนีไปดื้อๆ
“ท่านแม่มิได้เป็นอะไรใช่หรือไม่ คนที่จวนไปรายงานว่าที่นี่มีเรื่องเกิดขึ้นลูกเป็นห่วงจึงรีบกลับมา”
นายหญิงหลิวมองหน้าบุตรชายนิ่ง ก่อนจะหันไปหาคนที่ให้ไปส่งข่าว แค่ให้ไปบอกว่าตนจะไปไหว้ที่พระเมืองใกล้เคียงเท่านั้น เสิ่นจางขยับเข้ามาช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าน้อยยังมิทันได้เอ่ยสิ่งใดเลยขอรับ ท่านแม่ทัพก็ควบม้าตะบึงมาก่อนแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะห้ามเช่นไร”
“อ้าว! แล้วมิได้มีเรื่องใดเกิดขึ้นในจวนหรือ”
คำถามนั้นเอ่ยกับเสิ่นจาง แต่สายตากลับมองมายังคนนั่งตัวตรงอยู่อีกฝั่ง ริมฝีปากอิ่มยังคงฉีกยิ้มให้กับแม่ทัพหน้าบึ้ง แต่ก็นั่นแหละยังคงเป็นหน้าเดิมที่ตอบกลับมา พอคนตัวโตหันหนีปากเล็กก็คว่ำใส่ทันที
“ชิ อุตส่าห์ยิ้มให้ยังจะมาเก๊กอีก”
ทำเอาคนสนิทแม่ทัพถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ เพราะไม่เคยมีผู้ใดแสดงท่าทีเช่นนี้ใส่ผู้เป็นนายของตนเลย
“พวกเจ้ามีสิ่งใดชอบใจกันหนักหนา ถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ ออกไปรอข้างนอกทุกคน”
เสียงเย็นเฉียบจากแม่ทัพหนุ่มดังขึ้น จนทำเอาคนตัวเล็กอดเกร็งตามไม่ได้ เธอตั้งท่าขยับเพราะคิดว่าคงต้องออกไปด้วย ก็ไข่มุกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้นี่หน่า
“จะไปไหน เจ้าคือเจ้าของเรื่องคิดจะหนีงั้นหรือ”
ร่างเล็กชะงักการกระทำทันที ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งอีกครั้ง แล้วยกนิ้วขึ้นชี้หน้าตัวเองเพื่อยืนยันคำพูดอีกฝ่าย คำตอบที่ได้มาคือสายตาคมจ้องมองอย่างอ่านไม่ออก
“ระ เรื่องอะไรคะ”
ไข่มุกถามออกไปเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจับผิดเธอราวกับผู้ต้องหา เท่านั้นยังไม่พอเพราะเขาหันทั้งตัวมาประจันหน้าด้วย ตอนแรกหันข้างก็หล่อแล้ว แถมผ้าคลุมยังปิดมิดชิดอีก แต่ตอนนี้แววตาสวยมันวาวไปกับแผงอกแน่นๆ ตรงหน้าเสียแล้ว
เมื่อนายหญิงของจวนเห็นก็ถึงกับส่ายหัวกับท่าทางของเธอ ก่อนจะหันมาหาบุตรชายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ตอนนี้
"เจ้ารีบกลับไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเถอะ มานั่งเปลื้องอาภรณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ไม่เห็นหรือว่าน้องอยู่ด้วย ทำตัวไร้มารยาทผู้ใดกันสอนเจ้ามา"
เฉินตูยังคงนั่งนิ่งมองสตรีข้างกายมารดา เพราะก่อนนี้มิเคยถูกตำหนิเช่นนี้เลย เขากวาดสายตามองอยู่นาน ทำเอาอีกฝ่ายอดอึดอัดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคนตัวโตคิดอะไร จนกระทั่งแม่ทัพหนุ่มเอ่ยออกมานั่นแหละ
"นางคือคนที่ลูกพามาเช่นนั้นหรือท่านแม่"
"ใช่หมิงจูคือคนที่เจ้าอุ้มมาเมื่อเจ็ดวันก่อนนั่นแหละ แล้วก็เป็นสตรีนางเดียวที่คว้าธงนั้นไว้ด้วย"
นายหญิงหลิวเอ่ยย้ำเพื่อให้เฉินตูคิดตาม แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงสายตาซึ่งคาดเดาไม่ได้ของบุตรชาย พร้อมกับร่างสูงลุกขึ้นยืนไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
เฉินตูหันหลังกลับเดินออกไปยังห้องของตนเสียง่ายๆ และสายตาของสตรีต่างวัยซึ่งขมวดคิ้วเหมือนกัน เพราะต่างก็แปลกใจที่แม่ทัพหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเลย นายหญิงหลิวหันกลับมาหาหมิงจูอีกครั้ง
"กลัวพี่เจ้าหรือเปล่าเฉินตูก็เป็นแบบนี้แหละเย็นชา ไม่พูดไม่จาชีวิตมีแต่ทำศึกอย่างเดียว แม่น่ะอยากให้แต่งงานจะแย่ แต่ก็ไม่ยอมแต่งเสียที"
คนถูกเรียกว่าหมิงจูนั่งฟังมารดาเอ่ยถึงบุตรชายด้วยเสียงตัดพ้อ ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่พึ่งมาคงจะไม่ชอบหน้าตนเท่าไหร่นัก และการอยู่ที่นี่ของเธอคงทำให้เขาห่วงผู้เป็นแม่ไม่น้อย เพราะดูจากท่าทางที่รีบมาเช่นนี้ คงมีคนไปรายงานเรื่องที่เธอฟื้นแล้วแน่ๆ
"หน้าตาก็หล่อดีอยู่หรอก แถมยังหุ่นดีด้วย แต่ดูแล้วคงเหมือนพวกบ้าอำนาจมากกว่า ทำตัวอย่างกับมาเฟียในนิยาย สุดท้ายก็คลั่งรัก"
ไข่มุกคิดในใจพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมาอย่างลืมตัว “ฮ่าฮ่า” ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่รวมถึงบ่าวที่พึ่งเดินเข้ามาต่างก็หันมาทางเธออย่างแปลกใจ
“มีอะไรทำให้เจ้าแอบขันอยู่คนเดียวเช่นนี้หมิงจู”
ใบหน้าหวานชะงักทันที ก่อนจะยิ้มแห้งส่งให้นายหญิงหลิว จะไม่ให้เธอนึกขำได้ยังไง อุตส่าห์หลงยุคมาทั้งที ทำไมไม่เจอองค์ชายหล่อๆ หรือฮ่องเต้เท่ห์ๆ ก็ไม่รู้ ดันมาเจอแม่ทัพจอมเย็นชาอายุเยอะอีกต่างหาก ถึงจะหล่อระเบิดก็เถอะ แต่หน้าบึ้งแบบนี้ก็ไม่ไหว
"ว่าอย่างไรเจ้าคิดอะไรอยู่ หรือว่ากลัวพี่เฉินตูแต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ใช่อย่างที่ข้าเอ่ยหรอกใช่หรือไม่"
ไข่มุกยิ้มบางๆ ส่งให้ มันก็จริงอย่างที่นายหญิงหลิวบอก เธอไม่ได้คิดกลัวเลยสักนิด ถึงอีกฝ่ายจะโตกว่ามากก็เถอะ แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือเกรงใจมากกว่า อย่างน้อยเธอก็นึกถึงความดีของเขาที่ไม่ปล่อยให้หนาวตายในวัง
ภายในห้องของแม่ทัพหนุ่ม หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จพร้อมกับแต่งตัว ก็เดินมานั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือซึ่งอยู่ห้องติดกันจนเดินทะลุผ่านมาได้
"ท่านแม่ทัพไม่ออกไปทานอาหารกับนายหญิงหรือขอรับ เห็นว่าตอนนี้ตั้งสำรับเสร็จแล้ว"
หยางรุ่ยรินน้ำชาส่งให้ผู้เป็นนาย ซึ่งนั่งชันเข่าหนึ่งข้างเพื่อวางมืออ่านตำราพิชัยสงครามเช่นทุกครั้ง
"ท่านแม่ก็มีคนทานด้วยแล้วนี่ ยังจะให้ข้าไปขัดทำไม"
เสียงเรียบเอ่ยออกมาราวกับมิใส่ใจสิ่งใด
"ท่านแม่ทัพไม่อยากทำความคุ้นเคยกับว่าที่ภรรยาหน่อยหรือขอรับ ข้าน้อยเห็นไกลๆ ยังรู้ว่านางเป็นสตรีที่งามมาก บุรุษใดได้เห็นเป็นต้องพึงใจเป็นแน่"
ใบหน้าหล่อแหงนขึ้นมองคนสนิท ก่อนจะก้มลงอ่านตำราเช่นเดิมราวกับเห็นเป็นเรื่องไร้สาระก็ไม่ปาน ทำเอาสองสหสายอดมองหน้ากันไม่ได้
"ข้าพูดอะไรผิดเช่นนั้นหรือตงเร่อ"
หยางรุ่ยเอ่ยพร้อมกับใช้มือเกาหัวตัวเองอย่างสงสัย
"ข้าว่าเจ้าไม่ได้พูดสิ่งใดผิดหรอก แต่ผิดตรงท่านแม่ทัพต่างหาก เหตุใดถึงไม่บอกให้เจ้าแต่งงานกับสตรีผู้นั้นเช่นคราแรก ก่อนนี้เจ้าเอ่ยถึงนางท่านแม่ทัพบอกว่าเช่นไร"
"นั่นสิ เช่นนี้ท่านแม่ทัพคงจะพอใจสตรีนางนี้อยู่บ้างแล้วล่ะ เจ้าว่าเช่นนั้นหรือไม่"
คนสนิททั้งสองกระซิบคุยกัน แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน
"ก็อก! ก็อก!"แต่หลังจากนั้นก็เงียบลงจนสหายทั้งสองต่างหันมองหน้ากัน เพราะหากเป็นคนในจวนก็จะแจ้งเรื่องทันที แต่นี่กลับมีเพียงเสียงเคาะเท่านั้น
"ใครกัน! เจ้าต้องการอะไรถึงมิพูดไม่จา"
"คุณแม่ เอ๊ย! ท่านแม่ให้มาตามพี่เฉินตูไปทานอาหารเจ้าค่ะ สำรับตั้งเสร็จนานแล้วอาหารจะเย็นชืดหมด"
เสียงหวานของหมิงจูเอ่ยขึ้นหน้าประตู พร้อมกับเสียงฝีเท้ากำลังตรงมา พร้อมกับบานประตูเปิดออกพร้อมร่างสูงซึ่งอยู่ในชุดอาภรณ์ลายพยัคฆ์สีดำน่ามอง ผมดำถูกม้วนขึ้นเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ทำเอาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าถึงกับตาโตมองอย่างตะลึง
“โอ้วแม่เจ้า! นี่มันเฉินเหว่ยถิงยุคโบราณแท้ๆ ทำไมถึงได้หล่อแดดดี้ขนาดนี้เนี่ย คนแก่นี่มันน่ากินจริงๆ”
ไข่มุกเผยสายตาคลั่งไคล้ให้อีกฝ่ายอย่างลืมตัว ก็เธอมันแฟนตัวยงซีรี่ย์จีนโบราณนี่หน่า ได้มาเจอหนุ่มหล่อในสมัยจริงแบบนี้มีเหรอที่เธอจะทนไหว แววตาของเธอมันปิดไม่มิดเลยสักนิด โดยไม่ทันสังเกตุเห็นนัยน์ตาที่จ้องมองอย่างจับผิด
เพราะมิเคยมีสตรีใดทำกิริยาเช่นนี้กับตนมาก่อน แม้จะมีเคยคนเสนอตัวให้ก็เถอะ แต่ทุกนางก็มีจริตมากพอไม่ส่งสายตาตรงๆ เช่นนี้ นิ้วเรียวจิ้มลงยังหน้าผากกว้างของคนตัวเล็กเพื่อดันออกให้พ้นทาง
ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินเลี่ยงออกมาราวกลับเห็นเธอเป็นเชื้อโรค แต่สาวสวยก็ไม่ได้สนใจการกระทำของอีกฝ่าย สองเท้าเล็กก้าวเดินพร้อมกับแหงนดูท้องฟ้า ที่ตอนนี้แสงแดดกำลังกระทบกับเมฆขาวและมันกำลังจะลับขอบฟ้า มันเป็นภาพที่เธอมักจะถ่ายเก็บไว้อยู่เป็นประจำ เลยทำให้ไข่มุกหยุดชะงักทันที เมื่อนึกถึงครอบครัวตัวเอง
"เจ้ามาตามข้าไปทานข้าว แต่กลับให้ข้ายืนรอทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร"
เสียงตำหนิดังขึ้นเรียกความสนใจของสาวสวยหันกลับมายังชายหนุ่มตรงหน้า นัยน์ตาคมหรี่ลงก่อนจะเดินต่อไปยังห้องอาหาร
“พูดดีดีเหมือนหน้าตามันจะตายหรือไง”
ไข่มุกยังคงกร่นว่าอีกคนในใจพร้อมกับเบ้ปากใส่ ทำเอาสองสหายที่เดินตามมาถึงกับขันเอ็นดูสตรีตัวน้อยที่มักจะทำท่าเช่นนี้ใส่แม่ทัพตนเสมอ ซึ่งมันต่างจากหญิงสาวในแคว้นยามได้พบหน้าบุรุษรูปงามอย่างอ๋องหาญเฉินตูผู้นี้ แม้ผู้เป็นนายจะไม่ชอบให้ใครเรียกยศศักดิ์ที่มีอยู่ก็เถอะ
แต่ความเป็นจริงทุกคนต่างก็รู้ว่าแม่ทัพหาญเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง และเป็นทายาทของราชวงศ์เก่าเมื่อร้อยปีก่อน ซึ่งขอยุติการครองราชย์มาเนิ่นนานแล้ว และขอทำหน้าที่เป็นแม่ทัพดีกว่า
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงห้องทานอาหาร คนเป็นแม่เห็นแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจ เพราะบุตรชายยอมตามคนน้องมา ก็คงแปรได้ว่าเฉินตูยอมผูกมิตรกับหมิงจูแล้ว แต่!
“ทีหลังท่านแม่อย่าให้คนอื่นไปตามลูกเช่นนี้อีก บ่าวในจวนมีมากมายไยต้องให้นางเสนอหน้าไปเอง”
ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังชมเธออยู่เสียอย่างนั้น แต่ตอนนี้เธอกำลังนึกถึงเพลงของพลอยชมพู มันสื่อถึงความรู้สึกในตอนนี้ได้ดีที่สุด
“บางอย่างที่อยากบอกเธอ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้”
มันต่างก็ตรงเธอไม่ได้กำลังจะสารภาพรักอีกฝ่ายเท่านั้นแหละ เธอพยามข่มความรู้สึกอยู่ต่างหาก
“ยิ้มไว้ไข่มุก ฮึบไว้ พุทโธ พุทโธ”
เสียงหายใจฝึดฟัดของเธอทำเอาใบหน้าหล่อเผยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และคนน้องเองก็ยังไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะมันรวดเร็วราวกับไม่ได้เกิดขึ้นเลย แต่ก็ใช่ว่าจะรอดสายตาของมารดาที่นั่งมองตั้งแต่เข้ามานั่งแล้ว
“เอาล่ะ เจ้าก็อย่าเป็นบุรุษปากร้ายนักเลย น้องพึ่งมาอยู่ที่นี่ อีกอย่างนางก็จำสิ่งใดไม่ได้ เจ้าควรจะช่วยไม่ใช่ดีแต่ตำหนิเช่นนี้”
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มองมายังคนที่นั่งเงียบเมื่อได้ยินคำพูดของนายหญิงหลิว จะไม่ให้เธอมีอาการได้ยังไง ก็ก่อนนี้เธอโกหกเอาไว้ว่าจำอะไรไม่ได้ พอคนแก่ตรงหน้าทำดีด้วยไข่มุกก็ยิ่งรู้สึกผิด ไม่รู้จะเริ่มยังไงให้ทุกคนเข้าใจ
“จำอะไรไม่ได้หรือ เจ้าจะบอกว่าจู่ๆ ก็โผล่ขึ้นกลางสระน้ำในวัง โดยไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรจะให้เชื่อเช่นนั้นหรือ”
ไข่มุกนิ่งไปเมื่อคนตัวโตเอ่ยเช่นนั้น เพราะแม่ทัพหนุ่มคงไม่มีทางเชื่อแน่ แต่จะให้บอกความจริงเขาจะไม่จับเธอไปขังคุกหลวงหรือไง
“ว่าอย่างไร ข้าเชื่อว่าจำจำเรื่องราวทุกอย่างได้ ถ้าไม่เอ่ยสิ่งใดข้าจะให้คนพาตัวเจ้าไปขังที่คุกหลวงแทน”
นัยน์ตาสวยเปิดกว้างทันที เพราะคิดว่าแม่ทัพหาญจะทำอย่างที่พูดแน่ ถ้าเธอยังคงนิ่งเงียบอยู่ แต่คำตอบที่เอ่ยออกมามันก็ทำทุกคนอดเอ็นดูเธอไม่ได้ ยกเว้นคนที่ยังคงทำหน้ายักษ์ใส่เธออยู่
“ขอหมิงจูทานอาหารก่อนนะเจ้าค่ะ แล้วจะเล่าให้ฟัง”