บทย่อ
"ข้าจะไม่แต่งงานกับสตรีใด ถ้าคนผู้นั้นมิสามารถคว้าธงมังกรได้"คำสัตย์ที่เอ่ยเพียงให้พ้นตัว เพื่อมิต้องแต่งงาน แต่จู่ๆกลับมีสตรีจากต่างยุคโผล่มาคว้าธงมังกรไปครองเสียดื้อๆ เช่นนี้แม่ทัพหนุ่มจะทำเช่นไรล่ะ
1. มาได้ไง
ณ โรมแรมหรูแห่งหนึ่งในเมืองชินฮวา สาวสวยวัย 20 ปีกำลังยืนรับแสงแดดอุ่น ที่พึ่งโผล่ออกมาให้เห็นในช่วงสายของวัน เธอพึ่งเรียนจบมาได้เพียงแค่สี่เดือนถึงแม้จะอายุแค่นี้ แต่เพราะความขยันและสมองระดับกะทิล้วนๆ สามารถจบได้ภายในสองปี และนั่นทำให้เธอเป็นที่ต้องการของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
แต่เธอกลับชอบงานด้านเขียนนิยายมากกว่า จึงปิดบังเรื่องเรียนจบกับพ่อแม่เอาไว้ เพื่อจะได้อยู่ที่ประเทศจีนต่อได้อีกสักสองปี
นริศรา พีระพงษ์มานะกิจ หรือไข่มุก เธอเป็นนักศึกษาที่สนใจเรื่องราวในยุคโบราณของจีนมาก และยังชื่นชอบซีรี่ย์จีน จนขอมาเรียนต่อที่นี่ หน้าตาก็ออกแนวลูกครึ่งไทยจีนและยังผสมความเป็นลูกเสี้ยวอิตาลีมาจากแม่อีก ทำให้เธอมีหน้าตาที่โดดเด่นเป็นที่น่าสนใจไม่น้อย
"ว้าว! อากาศดีจังเลย ต่อไปก็ใช้ชีวิตอิสระได้ตั้งสองปีเลยนะเรา คุณพ่อคุณแม่อย่าโกรธมุกนะขอเวลานิสนึง"
สองมือเล็กพนมขึ้นท่วมหัวพูดขึ้นกับตัวเอง ไข่มุกเรียนจบด้านการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ ที่สร้างขึ้นมาใช้ได้จริง เธอเลยเป็นที่ต้องการของเหล่านักลงทุน แต่เธอก็หนีออกมาพักผ่อนในดินแดนในฝันของใครหลายๆ คนที่นี่จนได้ โดยใช้เงินจากการขายนิยายแนวเพ้อฝันของตัวเอง
"วันนี้ออกไปถ่ายรูปดีกว่า"
ไข่มุกอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานอาหารด้านล่างของโรงแรม ก่อนจะออกเดินทางไปยังสถานที่ใช้ถ่ายซีรี่ย์เรื่องโปรดของเธอ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนอยากมาสัมผัส
"ถึงแล้ว วิวสวยทุกวันแบบนี้แล้วฉันจะทิ้งไปได้ไง"
เธอมองวิวตรงหน้าซึ่งมีภูเขาสูงพร้อมกับทิวทัศน์รอบๆ อันสวยงาม แม่น้ำใสสะอาดจนเป็นสีเขียวมรกต สองฝั่งก็เต็มไปด้วยต้นหลิวและต้นท้อออกดอกบานสะพรั่ง
ไข่มุกกดชัตเตอร์รัวๆ เหมือนกลัวภาพตรงหน้าจะหายไป สองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าทั้งที่ยังคงถือกล้องถ่ายอยู่แบบนั้น เธอต้งใจจะเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ประกอบในนิยายที่เขียนอยู่ แต่กลับต้องชะงักเมื่อมีใครบางคนถามขึ้น ในขณะที่เสียงชัตเตอร์ยังคงดังอยู่
"คุณสนใจจะร่องแพชมทิวทัศน์ไหมคะ"
ไกด์นำเที่ยวเดินเข้ามาถาม เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางสนใจบรรยากาศแถวนี้มาก ทำเอาไข่มุกรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะไม่คิดว่าจะมีทริปแบบนี้ด้วยเพราะมันดูตรงตามความคิดของเธอ จึงรีบตอบตกลงโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายรอนาน
"ตกลงค่ะ ไม่ทราบว่าเราใช้เวลาบนเรือนานแค่ไหนเหรอคะ จะได้กะเวลาถูกเพราะฉันมีที่อื่นต้องไปอีก"
"ประมาณสามชั่วโมงค่ะ"
“ดีค่ะ เวลาเหลืองั้นเราไปเลยไหมคะ”
พอตกลงเสร็จเธอก็ตามไปลงแพพร้อมกับคนอื่นๆ พอเรือเริ่มลากแพออกจากฝั่ง ทุกคนก็เริ่มตื่นตากับทิวทัศน์ทั้งสองฝั่งซึ่งมันสวยงามมาก จนนักท่องเที่ยวต่างก็รีบยกมือถือและกล้องขึ้นถ่ายรูป และไข่มุกเองก็ทำเช่นเดียวกัน
"สวยจังโชคดีที่ลงแพมานะเนี่ย"
เรือลากค่อยๆ ขับเคลื่อนไปช้าๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นวิวสองฝั่งไปพร้อมกัน ต้นหลิวใหญ่ปลิวไปตามลม และกลีบดอกท้อบนเนินเขาก็ปลิวตกลงมาเช่นกัน
ทำเอานักท่องเที่ยวต่างก็ตกอยู่ในภวังค์ของความงดงาม ไม่ต่างจากไข่มุกซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปแต่จู่ๆ ก็มีลมพัดมาอย่างแรง จนทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าซึ่งกำลังถ่ายรูปเหมือนกันตกใจ ร่างสูงของสาวชาวยุโรปเซหกล้มชนเข้ากับร่างเล็กของไข่มุก และนั่นทำให้เธอพลัดตกน้ำทันที แต่ที่น่าแปลกใจก็คือแม่น้ำที่มองเห็นแม้แต่พื้นด้านล่าง กลับไร้เงาของคนที่พึ่งจมลงไป
เสียงกรีดร้องของคนบนเรือเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็ช่วยกันมองหาร่างเล็กของไข่มุก แต่กลับเจอเพียงกระเป๋าเป้สัมภาระเท่านั้น และกล้องที่นอนแอ้งแม้งอยู่ใต้น้ำ แต่กลับไร้เงาของคน
อีกฝั่งในยุคโบราณกว่าพันปี
วันนี้ในวังดูวุ่นวายเต็มไปด้วยเหล่านางกำนัลกำลังเดินขวักไขว่ไปมา เพราะมีพิธีเลือกสนมขององค์ชายทั้งสี่ของราชวงศ์หลิว โดยทั้งหมดเป็นสาวงามจากทั่วแคว้นและต่างแคว้นเข้ามาขอคัดเลือกในครั้งนี้ด้วย
"เสด็จแม่ลูกไม่อยากได้สนมหรือพระชายาเลยแม้แต่น้อย เหตุใดจึงต้องจัดงานเช่นนี้ด้วยพะย่ะค่ะ"
องค์ชายหลิวจินซีเอ่ยกับมารดาของตนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ และยังมีเหล่าขุนนางอีกมากมาย รวมถึงแม่ทัพของแคว้นอย่างหาญเฉินตูแม่ทัพหนุ่มใหญ่ของแคว้น ผู้เคยเอ่ยลั่นวาจาว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ใด นอกจากจะทำเรื่องบางอย่างที่ตนเคยลั่นวาจาไว้ก่อนนี้ได้เท่านั้น
และตนก็จะขออยู่ครองโสดเช่นนี้ต่อไป ทำเอาสาวงามทั่วเมืองต่างก็หมดหวัง เพราะธงมังกรนั้นถูกมัดอยู่บนปลายเสาซึ่งตั้งอยู่กลางสระน้ำในวังหลวง นั่นคงเป็นเรื่องยากสำหรับสตรีที่คิดจะทำ
เพราะสระน้ำนี้มีความลึกอีกทั้งยังกว้างมาก และความสูงของเสาที่โผล่ขึ้นจากน้ำก็สูงเทียบเท่ากำแพงวัง แต่ถึงกระนั้นก็มีหญิงสาวหลายนางทดลอง เพราะอยากเป็นฮูหยินของแม่ทัพรูปงามของแคว้น ซึ่งยังรั้งตำแหน่งอ๋องอีกด้วย แต่สุดท้ายก็มิมีผู้ใดทำได้เลยสักคน
"รู้เช่นนี้ลูกเอ่ยวาจาเช่นท่านน้าก็ดีหรอก จะได้มิต้องรับสนมหรือชายาเข้ามาให้ปวดหัวเช่นเสด็จพ่อ"
"ช้าไปแล้วพะยะค่ะเสด็จพี่ เสด็จแม่ทรงจัดงานใหญ่ถึงเพียงนี้ เราคงต้องเลือกสนมเข้าตำหนักอย่างขัดไม่ได้เสียแล้ว ข้าเองก็อยากหายไปจากตรงนี้เสียจริง"
ฟานซีเอ่ยกับพี่ชายอย่างจินซีซึ่งเป็นโอรสองค์รองของราชวงศ์ พร้อมด้วยสีหน้าอึดอัดจนผู้เป็นพี่ถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ แต่จำต้องเงียบเมื่อเห็นสายตาของมารดามองอยู่
ในการคัดเลือกครั้งนี้ผู้ที่ไม่อยากได้สนมก็มี แต่ผู้ที่อยากได้สนมมาไว้ข้างกายไว้มากๆ กลับกำลังยืนยิ้มจ้องมองสตรีที่คุกเข่าอยู่บนลานกว้างข้างสระน้ำไม่ละสายตา
สนมกุ้ยเฟยนั่งอยู่ไม่ไกลจากหาญเฉินตูนัก เพราะอีกฝ่ายคือน้องชายคนเล็กของนางเอง
"เฉินตูเจ้าไม่คิดจะเปลี่ยนใจบ้างหรือ เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้วนะไยถึงอยากอยู่คนเดียวเช่นนี้ มีโอกาสเลือกสตรีเข้าจวนแล้วก็รีบมองหาเสียเถอะ"
เฉินตูหันมายิ้มให้พี่สาวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
“กระหม่อมเคยกล่าวไว้แล้วว่า หากมีสตรีใดสามารถเอาธงบนยอดเสาลงมาได้ เมื่อนั้นถึงจะยอมแต่งงาน สัจจะวาจาที่เอ่ยกระหม่อมถือเป็นคำสัตย์พะย่ะค่ะ"
"เจ้าลั่นวาจาเช่นนี้แล้วจะมีสตรีใดสามารถทำได้กันล่ะ เจ้าอายุสามสิบกว่าไปแล้วนะ เหตุใดถึงเรื่องมากเช่นนี้"
เฉินตูยิ้มให้กับพี่สาวซึ่งคอยรบเร้าให้ตนแต่งงานทุกครั้งเมื่อเจอกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิยอมลดละที่จะเกลี้ยกล่อมตนเลยสักครา เจอยามใดเป็นต้องพูดถึง
การเลือกสนมยังคงจัดดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
พร้อมกับการแสดงบนลานกว้างที่จัดขึ้นข้างสระน้ำกลางวัง ซึ่งมีธงมังกรสีทองโบกสบัดตามแรงลม ทำให้สตรีหลายนางต่างก็ให้ความสนใจกับผืนผ้าบนยอดเสา แต่ทันใดนั้น
“เปรี้ยง!!” เพียงครั้งเดียวของสายฟ้าซึ่งผ่าลงมายอดเสา เพียงเท่านั้นก็ทำให้เชือกผูกรั้งอยู่ ขาดออกจนธงมังกรหล่นลงมายังผิวน้ำ พร้อมกับแสงสว่างจ้าไปทั่วจนผู้คนต่างรีบมามุงดู รวมถึงองค์ชายทั้งสามและเหล่าขุนนาง
ไม่เว้นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างเฉินตูด้วย เมื่อเห็นว่าธงนั้นมิได้จมลง ทุกคนจึงมองอย่างประหลาดใจ
"เกิดเหตุอาเพศอันใดขึ้นโหรหลวง ไยธงมังกรจึงได้ถูกฟ้าผ่าเช่นนี้ได้ เสด็จแม่กลับเข้าตำหนักก่อนเถอะพะย่ะค่ะ"
ฟานซีเอ่ยถามโหรหลวง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับมารดาด้วยความเป็นห่วง แต่กุ้ยเฟยก็มีได้กลับเข้าตำหนักแต่อย่างใด เพราะอยากรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ โหรหลวงตรวจดวงชะตาบ้านเมืองตามคำสั่งทันที
"กระหม่อมตรวจแล้วมิใช่ลางร้ายพะยะค่ะ หากแต่เป็นนิมิตหมายที่ดี บ้านเมืองจะได้สิ่งล้ำค่ามาครอบครอง แต่กระหม่อมเองก็มองไม่เห็นว่าเป็นสิ่งใดพะย่ะค่ะ"
โหรหลวงกล่าวทูลจบ เฉินตูก็หันไปสั่งให้ทหารลงไปเก็บธงขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวลงน้ำเสียงเอะอะก็ดังขึ้นมาอย่างตกใจเสียก่อน
"นั่นอะไรน่ะ เงาในน้ำนั่นดูสิ"
ทุกคนรีบหันกลับมาที่สระน้ำอีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นว่ามีเงาคนอยู่ใต้น้ำซึ่งกำลังไขวคว้าบางสิ่งอยู่
ไข่มุกกำลังตะเกียกตะกายว่ายขึ้นเหนือผิวน้ำ เพราะเธอมองเห็นผ้าผืนใหญ่ลอยอยู่ด้านบน ตั้งแต่ตกลงมาเธอก็มองอะไรไม่เห็นเลยทั้งที่น้ำนั้นใสสะอาด แต่จู่ๆ ก็มีแสงส่องออกมาจากผ้าผืนนี้ เหมือนกับกำลังนำทางเธออยู่
สาวสวยโผล่ขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับกำผ้าผืนนี้ไว้ในมือ ก่อนจะหันไปเห็นเสาที่อยู่กลางน้ำ เธอจึงว่ายไปเกาะเพื่อผยุงตัวไม่ให้จมลงไปอีก
"โอ้ย! เกือบตายแล้วมึงอีมุก"
เสียงหวานสบถขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มองไปโดยรอบเลยสักนิด มือเรียวขาวยกขึ้นลูบหน้าตัวเองพร้อมกับพ่นน้ำออกจากปาก คราวนี้นัยน์ตาหวานเริ่มมองกวาดจนทั่ว คิ้วสวยขมวดเป็นปมเข้าหากันทันทีเมื่อมองไปรอบๆ แล้วมันกลับไม่ใช่แม่น้ำที่เธอล่องแพก่อนหน้านี้
"เฮ้ย! ที่ไหนเนี่ยแล้วแพไปไหนล่ะ ละ แล้วกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างบนนี่คือมามุงดูเราตกน้ำใช่ไหม"
ไข่มุกลอยตัวเกาะเสาร์มองซ้ายขวาอยู่นาน พร้อมกับหาทางขึ้นจากน้ำไปด้วย พอเห็นว่ามีบรรไดอยู่อีกด้าน เธอก็ว่ายน้ำไปที่นั่นทันที แต่!!
"ล้อมจับนางเอาไว้"
องครักษ์รีบออกคำสั่งกับเหล่าทหาร ทำเอาคนที่พึ่งก้าวขึ้นมาได้ถึงกับชะงัก และมันไม่ต่างจากกลุ่มคนที่มองเธออยู่เช่นกัน เพราะชุดที่ใส่เมื่อเช้าคือเสื้อยืดสีชมพูพอดีตัว กับกางเกงยีนส์สั้นโชว์ขาเรียวสวย และผ้าใบตามสไตล์ของเธอ นัยน์ตาสวยจ้องมองดาบปลายแหลมซึ่งมันกำลังหันมาหาเธอนับสิบเล่ม
"เดี๋ยวนะคะ ทำไมต้องชี้ของมีคมมาทางนี้ด้วย"
นิ้วเรียวจิ้มไปยังดาบตรงหน้าให้ต่ำลง แต่ก็ถูกตวัดขึ้นมาดังเดิมอีก ทำเอาไข่มุกหน้าถอดสีเพราะเริ่มกลัวขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของคนที่แต่งชุดจีนโบราณ
และยิ่งตอนนี้สาวสวยกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมาก เธอรีบเอาธงในมือมาคลุมตัวไว้ทันที
"ทำไมคนพวกนี้แต่งตัวเหมือนซีรี่ส์ยุคโบราณเลยล่ะ ฮ่าฮ่า คงไม่ได้โผล่มาในสมัยอดีตหรอกนะไข่มุกเอ๊ย มันมีแต่ในนิยายและซีรี่ส์นะแบบนั้น"
เธอพูดติดตลกกับตัวเองเบาๆ ถึงจะเริ่มขำไม่ออกก็เถอะ แต่ก่อนจะเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้ สายตาก็เริ่มหันไปสะดุดกับหนุ่มหล่อซึ่งกำลังเดินมา องค์ชายทั้งสามและแม่ทัพใหญ่หยุดลงตรงหน้าเธอราวกับมายืนให้ไข่มุกเลือก
“พ่อคุณเอ้ย อะไรจะหล่อปานนี้เนี่ย มายืนหล่อเท่ยังกะหนุ่มบาร์โฮสรอให้พี่เลือกอย่างนั้นแหละ ว่าแต่เป็นพระเอกซีรี่ย์หรือเปล่าหน้าไม่คุ้นกันเลย”
ไข่มุกคิดในใจพร้อมกับใช้สายตามองสี่หนุ่มราวกับตัวเองเป็นรจนาเลือกคู่ประมาณนั้น เสียแต่ไม่มีมาลัยและอีกอย่างที่นี่แผ่นดินจีน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ นัยน์ตาสวยกระพริบถี่ๆ มองคนทั้งสี่อย่างสงสัย
"พวกเจ้าวางดาบลงเถอะนางก็เป็นแค่สตรีเท่านั้น เหตุใดจึงคิดว่านางจะสามารถทำร้ายผู้ใดได้"
องค์ชายฟานซีออกคำสั่งพร้อมกับส่งยิ้มให้คนแปลกหน้า ซึ่งตอนนี้ขอบตาดำเขรอะเพราะอายไลเนอร์ที่มันไม่กันน้ำเอาซะเลย แต่สายตาขององค์ชายทั้งสามก็ไม่ได้ใส่ใจใบหน้าเธอเลยสักนิด
เพราะมัวแต่จ้องมองคนตัวเปียกที่มีรูปร่างเย้ายวนเสียมากกว่า แม้จะมีธงผืนใหญ่คลุมไว้ แต่มันก็ไม่ได้บดบังส่วนเว้าส่วนโค้ง โดยเฉพาะขาเรียวสวยที่ทั้งสามมองไม่วางตา ทำให้เฉินตูทนดูไม่ได้จึงถอดเสื้อคลุมตนออกเพื่อสวมให้กับคนที่ยืนตัวสั่นเพราะความหนาว
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยบอกกับคนที่มีน้ำใจกับเธอ แต่ไม่ทันไรเธอก็อยากจะถอนคำพูดเมื่อกี้นั้นคืนมา
“หึ อยากเป็นสนมในวังถึงกับแต่งตัวเยี่ยงนี้เข้ามา ช่างเป็นสตรีที่น่ารังเกียจไร้ยางอายสิ้นดี”
เพียงแค่นั้นไข่มุกก็ปรี๊ดแตกทันทีเพราะไม่เคยมีใครมาว่าเรื่องการแต่งตัวของเธอเลยมีแต่คนชมด้วยซ้ำ
“นี่เมื่อกี๊คุณว่าใคร ฉันก็แต่งแบบนี้ปกติมันแปลกตรงไหนมิทราบ พวกคุณจะถ่ายงานก็ทำไปสิจะมาจำกัดสิทธิ์กันทำไม แค่บอกว่าฉันจะกลับบ้านได้ยังไงก็พอ”
สาวสวยภายใต้เสื้อคลุมเทอะทะเพราะมันตัวใหญ่มาก เดินออกมาจากวงล้อมหันซ้ายขวาเพื่อหาทางกลับโรงแรม ซึ่งมองดูเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะมันมีแต่กำแพงสูงเหมือนสถานที่แห่งหนึ่งที่เธอพึ่งไปเที่ยวมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว “พระราชวังหลิวถงกวน”
ร่างเล็กหยุดชะงักเมื่อนึกถึงสถานที่นั้นออก ใจดวงน้อยกระตุกวาบหายใจแรงขึ้น เพราะมันอยู่ห่างเมืองชิงฮวาถึงร้อยกิโลเลยทีเดียว
และบริเวณนี้ไม่ใช่แม่น้ำทั้งยังมีแต่กำแพงสูงรวมถึงผู้คนแต่งตัวด้วยชุดโบราณ เธอยืนนิ่งมองโดยรอบอีกครั้ง ก่อนจะยกมือตบหน้าตัวเองเบาๆ เหมือนปลุกให้ตื่นเพราะคิดว่าอาจจะแค่หลับอยู่
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะมาโผล่ในยุคโบราณ เราคนไทยนะไม่ใช่คนจีน ถ้าจะทะลุมิติแบบนี้ก็ต้องเป็นคนชนชาติเดียวกันไหม เอ๊ะ! หรือว่าไม่ต้อง?”
สาวสวยยืนพึมพำกับตัวเองอย่างคนที่ไม่เข้าใจเหตุการ์ตรงหน้า พอนึกได้ว่าควรจะหามือถือสักเครื่องเพื่อโทรติดต่อใครสักคนให้มารับ เธอก็ได้ยินคำพูดของคนที่ยืนเยื้องออกไปไม่ไกล ใบหน้าสวยเริ่มถอดสี เมื่อได้ยินถ้อยคำแปลกหู ซึ่งเอ่ยถามหนุ่มหล่อที่เธอพึ่งต่อปากต่อคำไป
“จะทำเช่นไรกับนางดีขอรับท่านแม่ทัพ”