บทที่ 4 แสดงออก
โรงยิม
“กรี๊ด! กรี๊ด! พี่เจฟ พี่ที พี่จอมสู้ ๆ อร้ายยย!”
“ข้าวปั้นสู้ ๆ นิติศาสตร์สู้เค้า…กรี๊ดด!”
เสียงของกองเชียร์ของฝั่งนิติศาสตร์กับวิศวะดังกระหึ่มวันนี้ข้าวปั้นลงแข่งกับรุ่นพี่ในคณะเขาเป็นดาวเด่นในทีมที่สดใหม่กระชากใจสาว ๆส่วนฝั่งของวิศวะก็ไม่น้อยหน้า แก็งค์วิศวะหน้าหล่อทั้งสามก็ลงแข่งเป็นตัวเต็งเช่นกันงานนี้ไม่มีใครยอมใครฝั่งวิศวะนั้นมีเจฟที่เป็นหัวหน้าทีมและเขานั้นส่งยิ้มหวานละลายสายตาสาว ๆ ทั้งโรงยิม
แต่ทว่าเหมือนแพรกลับรู้สึกอึดอัดและไม่อยากเข้ามานั่งดูการแข่งขันเพราะเจอเขาที่นี่ ครั้นจะลุกหนีออกไปก็กลัวจะผิดสัญญากับปั้นว่าเธอจะมาเชียร์
“ปรี๊ด!” เสียงสัญญาณนกหวีดเป่าดังขึ้นเป็นการเริ่มต้นการแข่งขันกระชับมิตรระหว่างคณะ
ทั้งสองทีมผลัดกันทำแต้มคะแนนอย่างสูสีวิศวะนั้นเร็วกว่าจึงทำแต้มนำนิติศาสตร์ไปก่อนแต่ยังไม่ห่างมาก บรรยากาศภายในโรงยิมคึกคักเมื่อจอมพลโยนลูกบาสเข้ามือเจฟเขาเลี้ยงลูกหลบข้าวปั้นที่สกัดอยู่อย่างพลิ้วกระโดดชูททำคะแนนสามแต้มให้กับทีมคณะวิศวะ เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดดังก้องสายตาคมนั้นจึงเหลือบไปเห็นร่างบางใบหน้าหวานที่คุ้นตา เจฟถึงกับลืมตัวส่งยิ้มให้กับเหมือนแพรทั้งคู่สบสายตากัน
“แพรรุ่นพี่คนนั้นยิ้มให้ใครแต่เขาหล่อมาก เล่นเก่งมากด้วยชื่ออะไรสักอย่างเนี่ยแหละพวกสาว ๆ ห้องเราชอบพูดถึงบ่อยๆ อื้ม!...เจฟใช่! พี่เจฟวิศวะยานยนต์ปีสี่”
“เหรอ….ก็หล่อแต่ไม่ใช่แนวที่ฉันชอบ”
“ก็จริงพวกพี่เค้ามีกันสามคนหล่อรวยเจ้าชู้โคตร”
เมื่อการแข่งขันครึ่งแรกจบลงข้าวปั้นจึงเดินไปหาเพื่อนคะน้าและเหมือนแพร ซึ่งสองสาวก็ยื่นน้ำผ้าเย็นและเครื่องดื่มชูกำลังให้ทั้งสามคนคุยกันยิ้มหัวเราะสนิทสนม เหมือนแพรเห็นว่าหน้าของปั้นนั้นมีรอยช้ำจึงเอามือแตะดูทุกการกระทำของทั้งสามคนอยู่ในสายตาของเจฟหมด
เขาไม่พอใจอย่างมากที่เหมือนแพรสนิทกับปั้นถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้จึงเผลอบีบแก้วน้ำพลาสติกในมือแตกแบบไม่รู้ตัว นทีกับจอมเห็นเข้าจึงสงสัยเลยมองดูตามสายตาเพื่อนไปฝั่งตรงข้ามทั้งสองคนจึงพยักหน้าเข้าใจทันที
“ไอ้เจฟมึงใจเย็น ๆ ก่อนเขาอาจจะเป็นเพื่อนกัน”
“พูดมากพวกมึงน่ะ”
หลังจากหมดเวลาพักเจฟเริ่มเล่นหนักขึ้นเขาพยายามเข้ามาใกล้ข้าวปั้นและเล่นแรงชนกระแทกพยายามทำให้ข้าวปั้นล้มบ่อย ๆ เหมือนแพรกับคะน้ามองดูอยู่รู้สึกสงสารเพื่อนและมองว่าทางฝั่งวิศวะเล่นแรงนอกกติกา
ในจังหวะที่นทีได้บอลแล้วโยนต่อให้เจฟเพื่อทำคะแนนแต่เขากลับไม่ทำแบบ นั้นเลือกโยนลูกบาสใส่หน้าหล่อเหลาของปั้นเต็มแรงเมื่อปั้นโดนลูกบาสเต็มแรงถึงกลับล้มลงกับพื้นเอามือมากุมที่หน้า กรรมการจึงเป่านกหวีดเพื่อให้คนเจ็บออกมานอกสนามและทางฝั่งนิติศาสตร์จึงขอเวลานอก
“เฮ้ยย! ไอ้เจฟมึงอย่าทำแบบนี้คนดูอยู่” จอมพยายามเตือนสติเพื่อนให้เล่นตามกติกา
“แล้วไงกูไม่สนกูไม่ชอบขี้หน้ามัน”
“ไอ้เจฟยิ่งมึงทำเขาเจ็บน้องสาวคนสวยก็ยิ่งโอ๋มันมึงเห็นนั่นมั้ย?” นทีชี้ให้เจฟดูภาพที่เหมือนแพรและคะน้าคอยดูแลประคบน้ำแข็งพัดวีให้ข้าวปั้นอย่างห่วงใย
“ปั้นเจ็บมากมั๊ย?...พอเถอะ เราว่าพวกนั้นเล่นแรงเกินไปแล้วนะ” คะน้าที่กดแผลประคบเย็นให้ปั้นอยู่โกรธและไม่ยอมให้เขาลงเล่น
“ใช่ปั้นนายหยุดเถอะ เปลี่ยนคนลงแทนเราขอ” เหมือนแพรเห็นด้วยกับคะน้าปั้นถึงกับยิ้มและดีใจที่เหมือนแพรกับคะน้าเป็นห่วงเขาขนาดนี้ จึงกอดคอเพื่อนสาวทั้งสองคนและขอบคุณพวกเธอ
“เชี่ย! ควงสองเลยเหรอวะไอ้หน้าอ่อนนั้นร้ายไม่เบา” ทีถึงกับสบทคำออกมากับภาพที่เห็น
“เหอะ! ไอ้เจฟ” จอมมองดูสายตาของเจฟที่บ่งบอกว่าไม่พอใจที่สุดเขาถึงกับส่ายหน้า เขารู้ดีว่าเจฟเป็นคนแบบไหนทั้งมหาลัยไม่มีใครกล้าต่อกลอนกับเจฟทั้งนั้น
“กูจะทำให้ยัยนั่นยอมกูให้ได้”
หลังจากจบการแข่งขันคณะของวิศวะเอาชนะคณะนิติศาสตร์ไปได้ในคะแนนที่ห่างกันไม่มาก หลังจากจบการแข่งขันเจฟก็พยายามมองหาเหมือนแพรแต่เขาก็ไม่เจอเธอแม้แต่เงารวมถึงเพื่อนของเธอด้วยเขาได้ต่อสายไปหาคิมในทันที
คิม : ครับนายน้อย
เจฟ : ไปสืบทีไอ้ผู้ชายที่สนิทกับเหมือนแพรที่เรียนนิติศาสตร์เป็นใคร
คิม : ได้ครับไม่เกินสองชั่วโมงผมจะโทรกลับ
สองชั่วโมงต่อมาเจฟและเพื่อน ๆ นั่งในห้องพักส่วนตัวที่มีไว้สำหรับพวก VVIP เท่านั้นนั่นคือลูกชายของเจ้าของมหาลัยกับเพื่อนเท่านั้นที่เข้ามาได้ ภายในห้องนั้นมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันมีเตียงมีห้องน้ำหรูหราที่นี่จะเป็นห้องที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่ประจำหลังจากไม่มีเรียน
เจฟ : ว่าไงคิม
คิม : ผู้ชายคนนี้ใช่ไหม (คิมส่งรูปปั้นให้เจฟดู)
เจฟ : เออ! มันเป็นใครแฟนเหมือนแพรรึเปล่า
คิม : ไม่ใช่พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันผู้ชายชื่อข้าวปั้นเป็นลูกนักการเมืองดังมีอิทธิพล ส่วนผู้หญิงชื่อคะน้าเป็นลูกสาวร้านทอง
เจฟ : ขอบใจมึงมากเดี๋ยวกูให้โบนัสเดือนนี้
หลังจากวางสายเจฟเขาก็ยิ้มอารมณ์ดีดีขึ้นมาทันทีเขาดีใจที่เหมือนแพรยังไม่มีแฟน เป็นเขาคิดไปเองฝ่ายเดียวแล้วยังลงมือกลั่นแกล้งปั้นอีกจอมกับทีที่ได้ยินทุกการสนทนาระหว่างเจฟกับคิมก็เอือมในความขี้หวงและเอาแต่ใจของเจฟ
“ไอ้เจฟตกลงมึงชอบน้องคนสวยร้านสะดวกซื้อจริง ๆ เหรอวะ?” นทีถึงกับไม่เชื่อสายตาเพราะเจฟนั้นเย็นชากับผู้หญิงทุกคน
“ยัยเด็กนั่นคือผู้หญิงที่กูซื้อ.....กูเป็นคนแรกของเธอ”
“ไอ้เจฟ!” จอมถึงกับร้องลั่นสตั้นที่เจฟยอมเผยความจริง
“แล้วไง…ปกติมึงไม่เคยกินของซ้ำทุกคนที่มึงเคยกินมึงจะไม่คบไม่เอาอีกแล้วคนนี้ยังไง”
“กูไม่รู้…แต่กูรู้แค่ว่ากูนอนกับใครแล้วมันไม่เหมือนเดิมหลังจากที่นอนกับยัยเด็กนั่น”
“ชิบหายละว่ะ....กูชักจะเริ่มสงสารน้องคนนั้นแล้วสิ” นทีถึงกับอุทานออกมาเขารู้ดีว่าเจฟก็มีนิสัยรสนิยมเจ้าชู้เพลย์บอยไม่ต่างกับเขา
“ตกลงมึงจะเอาน้องเค้ามาเป็นเด็กมึงให้ได้เลยใช่ไหม หรือว่ามึงจะขอคบน้องเขาเป็นแฟนจริงจัง”
“กูไม่อยากผูกมัดมึงก็รู้ว่าม๊ากับป๊ากูไม่ชอบให้กูมีแฟน แล้วอีกอย่างการมีคนรักมันจะกลายเป็นจุดอ่อนสำหรับกู”
“เออๆ ถ้ามันคือความสุขของมึงแต่อย่าลืมนะว่ามึงไม่ควรบังคับใจใครกูเตือนมึงได้แค่นี้ไอ้เจฟ” จอมกล่าวเตือนสติเจฟด้วยความเป็นห่วงเพราะวันนี้เจฟทำรุนแรงมากกับข้าวปั้น
ร้านสะดวกซื้อ
“ทั้งหมดห้าร้อยหกสิบบาทค่ะ”
“เลิกงานกี่โมง ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ” ใบหน้าหล่อกระซิบไปที่ข้าง ๆ หูเหมือนแพร เธอพยายามตั้งสติและเธอเองก็ไม่พอใจกับพฤติกรรมของเจฟวันนี้มาก
“คุณลูกค้าที่ชำระเงินเสร็จแล้วกรุณาให้ลูกค้าคนที่ต่อแถวเดินเข้ามาชำระเงินด้วยค่ะ” สายตาแห่งความชิงชังและมองเขาด้วยหางตาแสดงทีท่าว่าไม่พึงพอใจ มองชายหนุ่มรูปหล่อในชุดชอปกางเกงยีนส์แบบเด็ก
วิศวะที่ยืนยิ้มกริ่มที่ข้าง ๆ เค้าท์เตอร์
ทางด้านเจฟเขาก็ไปเดินสูบบุหรี่ไฟฟ้ารอและออกไปเดินเล่นในมหาลัย เขาสั่งให้คิมจองร้านอาหารที่ภัตตาคารเอาไว้แล้ววันนี้เขาต้องคุยกับเธอให้ได้เพราะเขานั้นมีข้อเสนออะไรดี ๆ ให้กับเธอไว้แล้ว
ร่างสูงจึงนั่งที่โต๊ะหน้าร้านสะดวกซื้อเล่นมือถือรอจนถึงเวลาที่เธอเลิกงานพนักงานสาวในร้านต่างซุบซิบ ที่เห็นเจฟหนุ่มวิศวะแก็งค์ลูกคุณหนูหน้าหล่อของมหาลัยที่มานั่งคอยเด็กใหม่อย่างเหมือนแพร
“นี่คุณยังไม่กลับอีกเหรอ…”
“ใช่! ก็ฉันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอไงล่ะ”
มือหนาคว้าข้อแขนเรียวดึงเธอมาให้ขึ้นรถสปอร์ตหรูคู่ใจเหมือนแพรปฏิเสธไม่ยอมขึ้นรถไปกับเขา แต่สายตาของคนที่เดินผ่านไปมาต่างมองดูทั้งคู่อยู่เจฟจึงขู่เธอไปว่าถ้าไม่ยอมมากับเขาดี ๆ เขาจะกอดเธอให้อายทุกคนด้วยความกลัวจึงจำใจขึ้นรถแล้วมากับเขาโดยดี
ทั้งคู่ไม่พูดจากันสักคำในรถเหมือนแพรนั่งหันหน้าไปทางกระจกมองดูฝั่งถนนรอบนอก ส่วนเจฟนั้นยิ้มกริ่มอารมณ์ดีไม่นานรถสปอร์ตหรูก็ขับมาจอดที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
“นี่คุณทำไมขับรถมาร้านอาหารฉันต้องรีบกลับบ้านนะ”
“กินข้าวก่อนเถอะ ฉันหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว” มือหนาจึงฉุดมือบางที่ยืนตัวแข็งอยู่ข้าง ๆ รถเดินเข้ามาในร้าน
ภัตตาคารหรู
อาหารมากมายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะจนเหมือนแพรถึงกับสงสัยเขาจะกินมันหมดได้ยังไง พวกคนรวยกินทิ้งกินขว้างขนาดนี้เชียวหรือ
“กินข้าวเป็นเพื่อนฉันก่อนเดี๋ยวฉันจะคุยด้วย” เจฟจึงตักอาหารใส่จานให้เหมือนแพร เขาดูใส่ใจเธอไม่น้อยเมื่อทั้งคู่กินเสร็จร่างบางจึงเริ่มสนทนา
“คุณตามฉันให้มาคุยด้วยมีอะไรมิทราบ”
“ได้ข่าวว่าพี่สาวเธอป่วยหนักต้องใช้เงินเยอะไม่ใช่เหรอ”
“หึ! มันเรื่องส่วนตัวฉันคุณจะเสียมารยาททำไม”
“เธอแกล้งจำฉันไม่ได้ใช่ไหมเหมือนแพร”
“ขอโทษค่ะดิฉันจำคุณไม่ได้จริง ๆ” ร่างบางกำมือแน่นเม้มปากบางเธอโกหกเขาแต่มันไม่เนียนสักนิด
“เหอะ! จำผัวคนแรกของเธอไม่ได้จริง เหรอ… ใจร้ายนะแต่ฉันจำทุกอย่างใต้ผ้าเธอได้หมด” ใบหน้าหล่อเหลากับวาจาหยาบโลนพูดออกมาจนเธอรู้สึกประหม่า
“นี่คุณ…หยุดพูดเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินเข้าหรอกฉันกับคุณแค่ลูกค้ากับคนให้บริการเราไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวข้องกัน เรื่องนั้นมันควรจบตั้งแต่คืนนั้นแล้วฉันสนองคุณตามที่คุณปรารถนาคุณก็จ่ายค่าตอบแทนมาแล้ว”
“แต่ฉันยังอยากสนุกกับเธอต่อ….เธอจำข้อเสนอที่ฉันบอกเธอวันนั้นได้ไหม”
“ไม่ฉันบอกคุณไปแล้วนะคะว่าฉันไม่ต้องการ” เหมือนแพรโกรธและไม่พอใจอย่างมากที่เขายังราวีเธอไม่เลิกแบบนี้
“ฉันติดใจเธอเหมือนแพรฉันให้โอกาสเธอกลับไปคิดอีกสามวัน คิดดี ๆ เธอจะสบายไม่ต้องมาทำงานหลังขดหลังแข็งแบบนี้ พี่สาวเธอก็จะได้มียาดีมีโรงพยาบาลดี ๆ คอยรักษาเผลอ ๆ เธออาจจะหายก็ได้ถ้าเธอมีเงินมากพอ” ปากหนากระตุกยิ้มที่มุมปากเขานั้นเอาจุดอ่อนของเหมือนแพรมาล่อเพราะพี่สาวคือคนที่เธอรักที่สุด
“ค่ะ ฉันจะกลับไปคิดแต่คืนนี้ดิฉันขอตัวก่อน” ร่างบางลุกขึ้นกำลังจะเดินหนีคิมที่ยืนอยู่จึงขวางเธอเอาไว้
“คุณเหมือนแพรเชื่อนายน้อยผมเถอะครับ”
“ป่ะเดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้านเอง คิมจัดการเคลียร์ค่าอาหารที”
“ครับ! นายน้อย”
เจฟจึงพาเหมือนแพรขึ้นรถแล้วขับไปส่งเธอที่บ้านเหมือนแพร
ก็ไม่ได้กลัวเขาแต่อย่างใด ในใจเธอนั้นสับสนกับข้อเสนอนี้ไม่น้อยเธอรู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่แต่เจฟก็ยังไม่ได้มีครอบครัวเขายังโสดถ้าเธอจะยอมเป็นของเล่นให้เขาเพื่อแลกกับเงินมันก็น่าสนใจ ไม่ว่าใครจะมองเธอไม่ดีแบบไหนเธอไม่สนใจพี่สาวเธอต้องมีชีวิตรอดปลอดภัยเท่านั้นนี่ต่างหากคือเป้าหมายเดียวในชีวิตเธอ