3
“นัทธ์เป็นอะไรลูก” ปานแก้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ คิดว่าลูกชายเป็นอะไรร้ายแรงถึงได้กรีดร้องเช่นนี้
“หนูมีไอ้นั่น ไอ้นั่น อ๊าย! น่าเกลียด” อะตอมหันมาบอก พลางชี้มายังอวัยวะเพศของตัวเองที่อยู่กลางลำตัว
“หือ... ลูกเป็นผู้ชายก็ต้องมีไอ้นั่นสิ แล้วนี่จะมาโชว์อะไรให้แม่ดูฮึ แม่เห็นแต่เด็กแล้ว แม่ไม่ตื่นเต้นหรอก” ปานแก้วว่าไปโน่น ทำเอาอะตอมหน้าแดงก่ำ
“ขะ... ขอโทษค่ะ เอ๊ย! ครับ” เธอรีบปิดประตูเป็นการไล่มารดาเพื่อนออกไปจากห้อง ทำเอาปานแก้วได้แต่ทำหน้างง ในขณะที่อะตอมก้มมองหว่างขาตัวเอง พลางกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้
โคตรน่าเกลียด ทำไมของอีตานั่นดำอย่างนี้นะ เฮ้ย! ของเธอก็ไม่ได้ขาวนี่ ป่านนี้อีตานั่นเห็นของเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้ว โอ๊ย! กรรมเวร เจอหน้ากัน เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนี่
ในขณะที่อะตอมนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโถชักโครก ปานแก้วที่ออกมาเจอสามีเดินเข้าห้องพักเข้ามาพอดีก็รีบปรี่เข้าไปหา
“คุณคะ”
“มีอะไรคุณ หน้าตาแตกตื่น”
“ลูกเราแปลก แปลกมากค่ะ”
“แปลกยังไง”
“ก็เมื่อกี้โชว์ไอ้นั่นให้ฉันดู บอกว่าตัวเองมีไอ้นั่นได้ยังไง”
“หือ... เดี๋ยวนี้ลูกเราชอบโชว์ของลับแล้วเหรอ” ประณตพูดแล้วหัวเราะลงลูกคอ ในขณะที่ปานแก้วค้อนสามีตาคว่ำ
“คุณคะ ยังจะมาพูดเล่นอีก ตั้งแต่ลูกเราประสบอุบัติเหตุ คุณไม่สังเกตเหรอคะว่าลูกเราแปลกๆ ไป”
“ผมก็ว่าแปลกๆ แต่บางทีลูกอาจจะกำลังป่วย เดี๋ยวก็คงหายแหละ อย่าคิดมากเลยคุณ นั่นลูกออกมาจากห้องน้ำแล้ว” เพราะเป็นลูกคนเดียว สองสามีภรรยาเลยรักมากเป็นพิเศษ
ปานแก้วรีบเข้าไปประคองลูกมาขึ้นเตียง ในขณะที่อะตอมได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติง เธอจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงนี่
กรรมเวรจริงๆ เธอได้แต่นอนถอนใจเฮือกๆ อย่างครุ่นคิด ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี
“นัทธ์เป็นอะไรหรือเปล่าลูก นอนถอนใจเฮือก ๆ หนักอกหนักใจอะไร หรือไม่สบาย ปวดเนื้อปวดตัวตรงไหนหรือเปล่า แม่จะได้บอกพยาบาล”
“ปะ... เปล่าคะ ครับ ผมแค่ง่วงนอนครับ” อะตอมโกหกคำโต อยากหลบเลี่ยงการพูดคุยกับบิดามารดาของเพื่อน ตอนนี้เธอไม่ค่อยชินกับสรรพนามที่ต้องใช้ แต่ก็เอาเถอะ ต่อไปพยายามจะไม่ให้หลุดอีก
“งั้นก็นอนนะลูก แม่ไม่กวนแล้ว ตื่นมาจะได้กินข้าวกินยา” ประโยคของปานแก้วทำให้อะตอมข่มตาหลับลง คิดว่าคงนอนไม่หลับ แต่สุดท้ายเธอก็นอนหลับลงไปในทันที
อะตอมนอนหลับไปก่อนที่เธอจะฝัน
“น้องดำ” เสียงล้อเลียนคุ้นเคยดังขึ้น ทำเอาอะตอมหันขวับไปมอง
“อย่ามาล้อกันนะ”
“ก็ดำจริงๆ”
“นายขาวนักหรือไง เชอะ! นายดำตับเป็ด”
“เธอดำกว่า”
“นายน่ะสิดำกว่า”
“เธอน่ะสิดำกว่า” ทั้งสองเถียงกันไปมา ในขณะที่อะตอมโวยวายร้องลั่น ตะกายไปมาอยู่บนเตียง
“นัทธ์ ลูก นัทธ์ ฝันร้ายเหรอลูก” ปานแก้วตรงเข้าเขย่าร่างลูกชายไปมา ทำให้อะตอมสะดุ้งสุดตัว และพบว่าเธอฝันไป แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อกวาดสายตามองบิดามารดาเพื่อนแล้วเจอกับร่างของตัวเองที่นัทธ์ครอบครองอยู่นั่งอยู่บนรถเข็น
“เฮ้ย!” อะตอมหลุดอุทานออกมา
“เป็นอะไรของเธอนี่ เห็นหน้าฉันทำยังกับเห็นผี” นัทธ์เอ่ยถาม
“นายมานานแล้วเหรอ”
“มาสักพักแล้ว จะมาเยี่ยมเธอไง” สรรพนามที่สองหนุ่มสาวคุยกันทำให้คนเป็นพ่อแม่ทำหน้างุนงง
สองหนุ่มสาวเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดไป เลยรีบเปลี่ยนสรรพนามเสียใหม่
“นายเป็นไงบ้าง” นัทธ์เอ่ยถาม พลางเปลี่ยนสรรพนามเรียกอะตอมเสียใหม่
“ก็ดี แล้วเธอล่ะ” อะตอมตอบโต้กลับไป สีหน้าพยายามไม่ให้มีพิรุธอันใด ทำให้คนเป็นพ่อแม่ที่มีสีหน้าสงสัยมองสบตากัน และต่างคิดว่าลูกๆ คงป่วยเลยสับสนในตัวเอง
“ก็โอเค” นัทธ์เอ่ยถาม
“หมอใกล้ให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่จ๊ะ” รดาเอ่ยขึ้น ก่อนที่เพื่อนๆ ในห้องเรียนจะมาเยี่ยมสองหนุ่มสาวและพูดคุยกันอย่างออกรส
“น่ารัก” นัทธ์ตาลอย มองใบหน้าหวาน ๆ ของดารินที่ขยับเข้ามาเอ่ยถามเสียงหวาน
“อะตอมเป็นยังไงบ้างจ๊ะ อะตอม อะตอม!”
“ครับ เอ๊ย! จ้ะ” นัทธ์พูดผิดพูดถูก หลงลืมตัวเองไปชั่วขณะ นั่นทำให้อะตอมที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับมองด้วยความหมั่นไส้
“รินถามว่าอะตอมเป็นยังไงบ้าง ใจลอยไปไหนจ๊ะ”
“เราโอเค เจ็บแขนนิดหน่อยจ้ะ” นัทธ์เอ่ยตอบ
“หมอให้ออกจากโรงพยาบาลตอนไหนจ๊ะ”
“ก็ถ้าเช็กแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงก็คงให้ออกแล้วล่ะจ้ะ แต่เราอยากกลับห้องแล้ว รดาเข็นรถไปส่งเราหน่อยสิ” นัทธ์เอ่ยขึ้น ซึ่งดารินก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ไปจ้ะ งั้นเราไปส่ง” ดารินจัดการเข็นรถให้เพื่อนเพื่อพาไปส่งที่ห้อง เพื่อน ๆ จึงตามไปด้วย ทำเอาอะตอมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงถอนใจอย่างหงุดหงิดที่เพื่อนของเธอไปจนหมด เหลือแต่เพื่อนของนัทธ์เท่านั้น
“เป็นอะไรวะไอ้นัทธ์ ทำหน้าบูดเหมือนตูดลิง” ทศเอ่ยถาม
“นี่ปากนายเหรอ” อะตอมทำเสียงในลำคอ เหมาะกันจริง ปากหมาเหมือนกันเลยคบกันได้ เพื่อนของนัทธ์แต่ละคนปากปีจอด้วยกันทั้งนั้น แถมยังชอบแซวสาวอีก
“เอาน่า อย่าเครียดไปเลย สาว ๆ เขาก็คงอยากมีเวลาส่วนตัวคุยกันบ้าง” ศักดิ์ตบไหล่เพื่อน
“โอ๊ย!” อะตอมร้องเสียงหลง
“เจ็บเหรอวะ ขอโทษว่ะ ฉันตบเบา ๆ เองนะ ทำไมแกบอบบางขนาดนี้วะ”
“เจ็บน่ะสิ มือหนักยังกะยักษ์” อะตอมทิ้งตัวลงนอน ไม่อยากเสวนากับสามหนุ่มนักหรอก ทำเอาสามหนุ่มต้องขอตัวกลับ เมื่อเพื่อนนอนหันหลังให้ แล้วหลับตาหนีเพื่อยุติการสนทนา
“งั้นพวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทศ ศักดิ์และชัยเลยรีบเอ่ยขอตัว ยกมือไหว้บิดามารดาของเพื่อนเมื่อทั้งสองเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้เด็กๆ คุยกันเป็นส่วนตัว
หลังจากที่สามหนุ่มออกไปแล้ว อะตอมก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ
“เป็นอะไรลูก ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่าค่ะ”
“ลูกพูดค่ะอีกแล้ว แม่ว่าไม่ควรให้ลูกออกจากโรงพยาบาลก่อนที่จะได้เช็กสมองและความผิดปกติของลูกก่อน”
“ขอโทษครับ ผมมึนๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ” อะตอมรีบอธิบาย เธออยากตบปากตัวเองนัก แต่มันยังไม่ชินจริงๆ นี่นา
“ไม่ได้การละ แม่จะให้หมอเช็กทุกอย่างของลูกอีกครั้ง”
“ไม่ต้องหรอกครับ สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
“สิ้นเปลืองอะไร บ้านเรารวยจะตายไป นัทธ์เป็นลูกคนเดียว ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา พ่อกับแม่จะทำยังไงล่ะ” ห้ามปรามไม่ฟัง อะตอมเลยต้องยอมให้มารดาเพื่อนพาไปให้หมอตรวจเช็กอีกรอบ ซึ่งนัทธ์ก็โดนบิดามารดาของเธอทำเช่นนั้นเหมือนกัน ซึ่งคุณหมอก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นั่นถึงทำให้ทุกคนคลายใจ