4
“ออกจากโรงพยาบาลต้องไปรดน้ำมนต์กับหลวงตาที่วัดแล้วล่ะ จะได้พ้นเคราะห์พ้นโศก” ปานแก้วเอ่ยกับลูกชายเมื่อเตรียมเก็บของกลับบ้าน เพราะหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว และหมอนัดมาตรวจเช็กร่างกายอีกครั้งในอีกอาทิตย์ถัดไป
ซึ่งบิดามารดาของอะตอมก็พาลูกสาวกลับบ้านเช่นกัน
“นี่ห้องนอนของยายนั่นเหรอนี่” กลับถึงบ้าน บิดามารดาของเพื่อนก็พาขึ้นมาพักผ่อนบนห้อง
นัทธ์สำรวจห้องของอะตอมอยู่พักใหญ่ เพราะโทรศัพท์พังไปทั้งสองเครื่องทำให้ตอนนี้เขาไม่มีโทรศัพท์ใช้ บิดามารดาของเพื่อนบอกว่าจะพาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ ทำซิมใหม่เบอร์เดิม ทำให้เขากับอะตอมยังไม่มีโทรศัพท์ด้วยกันทั้งคู่
“ห้องนอนหวานแหววชะมัด ยายอะตอมนมใหญ่เหมือนกันนะนี่” เขาหยิบชุดชั้นในของเธอขึ้นมาดู แต่ละตัวน่ารักเซ็กซี่ทั้งนั้น มือน้อยนวดเบาๆ ที่เต้านมอวบอิ่มที่เขายึดครองอยู่ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“นมอวบนุ่มมือดีจัง” เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง พบว่ามันหอมมาก เป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ติดตัวเพื่อนสาวของเขาอยู่ตลอดเวลา
“ดารินคนสวย คราวนี้ฉันก็ได้ใกล้ชิดเธอแล้วสิ” ตอนดารินมาเยี่ยม เขาก็อ้อนให้ดารินป้อนข้าว ป้อนยา ซึ่งดารินไม่ได้คิดอะไร เพราะดารินเป็นเพื่อนสนิทกับอะตอม จึงไม่สงสัยในท่าทีของเขา
นัทธ์เพิ่งสำนึกว่าการที่เขาอยู่ในร่างของอะตอมมันก็ดีเหมือนกันนะ
ในขณะที่นัทธ์กำลังนอนฝันหวาน อะตอมก็หน้ายุ่งที่ขึ้นมาบนห้องพักของเพื่อนชายแล้วเห็นสภาพห้องดูไม่จืดเลยสักนิด
“ยี้! ไอ้นัทธ์ ไอ้ซกมก ทำไมข้าวของถึงวางไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้นะ น้าปานเรียบร้อย ทำอาหารเก่ง ทำไมนายไม่ได้ความเรียบร้อยสะอาดสะอ้านมาจากแม่ของนายสักกะผีกเดียว” บ่นไปจัดข้าวของไป จนปานแก้วขึ้นมาดูลูกชายก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“นัทธ์ทำอะไรน่ะลูก” ปานแก้วเอ่ยถามลูกชายด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังเก็บกวาดห้อง
“เก็บกวาดห้องแล้วก็จะพับผ้าจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยครับ” อะตอมเอ่ยตอบมารดาเพื่อน อยู่กับบิดามารดาของเพื่อนมาหลายวัน เธอจึงพยายามให้ชินกับการพูดครับผม
“เก็บกวาดห้องผับผ้าเหรอจ๊ะ” ปานแก้วทำหน้าเหมือนเห็นผี นางแทบหลุดอุทานออกมาเสียอย่างนั้น
“ทำไมเหรอครับ” อะตอมเห็นสีหน้าของปานแก้วจึงเอ่ยถาม
“ปกติแม่จัดข้าวของให้ลูก แล้วลูกก็ทำรกเหมือนเดิม แถมยังบ่นกับแม่ว่าหาของไม่เจออีก แล้ววันนี้อะไรเข้าสิง ลูกถึงได้ลุกขึ้นมาจัดข้าวของเอง แม่งงน่ะสิ” ปานแก้วมองลูกชายตาไม่กะพริบ
“ผมคิดว่ามันรกน่ะครับก็เลยอยากที่จะจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง”
“ดีแล้วจ้ะ เวลาหยิบจับอะไรจะได้ง่ายขึ้น แม่ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ” อะตอมเอ่ยตอบด้วยความเกรงใจ
“ให้แม่ช่วยดีกว่า ลูกเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ความจริงลูกจะต้องพักผ่อนนะ มาจัดข้าวของแบบนี้เหนื่อยแย่เลย” ปานแก้วไม่ฟังคำทัดทาน รีบเข้าไปช่วยลูกชายจัดข้าวของทันที
เพียงไม่นานข้าวของทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง แต่กิริยาท่าทางของลูกชาย ทำเอาปานแก้วมองด้วยความสงสัยเสียเหลือเกิน
คนเราจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้เชียวหรือ หรือเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนตอนเกิดอุบัติเหตุ ไม่อย่างนั้นทำไมท่าทีของลูกชายถึงได้ดูเรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงแบบนี้นะ
“นัทธ์จ๊ะ”
“ว่าไงครับแม่”
“หิวหรือยังลูก”
“ยังเลยครับ”
“ถ้าหิวแล้วแม่จะทำอาหารให้กิน”
“คุณแม่จะทำอะไรครับ เดี๋ยวผมลงไปช่วยทำ”
“เมื่อกี้เราว่าอะไรนะ”
“ผมบอกว่าจะลงไปช่วยคุณแม่ทำอาหารยังไงครับ”
“นี่แม่หูฝาดไปหรือเปล่า เรานี่นะจะช่วยแม่ทำอาหาร” ปานแก้วกะพริบตาปริบๆ พลางถามใหม่อีกรอบ
“ทำไมเหรอครับ” อะตอมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็ร้อยวันพันปีเราไม่เคยเข้าครัวไปช่วยแม่ทำอาหารยังไงล่ะ แล้วเราจะไปช่วยแม่ทำอาหาร ทำอาหารเป็นเหรอ คนไม่เคยทำน่ะ”
“ก็พอทำได้ครับ ผมลองดูคลิปในยูทูบ ทำอาหารก็สนุกดีเหมือนกัน แล้วก็จะให้คุณแม่สอนด้วย” อะตอมรีบอธิบาย
“อยากทำก็ไป ดีจริงเกิดอุบัติเหตุกลับมาลูกแม่ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ ถือว่าฟาดเคราะห์ เดี๋ยวแม่จะพาไปรดน้ำมนต์ที่วัดกับหลวงตาพรุ่งนี้นะจ๊ะ จะได้หมดทุกข์หมดโศกเสียที”
“ครับ” อะตอมรับคำ ก่อนจะลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ปานแก้วไม่ได้สงสัยอะไร
ปานแก้วสังเกตลูกชายแล้วให้นึกสงสัยเสียเหลือเกิน คนไม่เคยทำอาหารทำไมถึงได้ทำอาหารได้อย่างคล่องแคล่วแบบนี้
ประณตที่เดินผ่านหน้าห้องครัวถึงกับต้องถอยกลับมามองอีกรอบเมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังช่วยภรรยาของเขาทำอาหารอย่างแข่งขัน
“คุณคะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะ” ปานแก้วเอ่ยกับสามีหลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ
“คุณมีอะไรหรือเปล่า”
“ลูกเราแปลก แปลกมากจริงๆ นะคุณ”
“แปลก” ประณตทวนคำของภรรยา
“คุณว่าแปลกใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ ผมงงว่าลูกแปลกตรงไหน”
“คุณนี่ นึกว่าเห็นเหมือนอย่างที่ฉันเห็นเสียอีกว่าลูกแปลกไป” ปานแก้วตีแขนสามีก่อนจะทำหน้างอ
“ไหนเล่าให้ผมฟังซิว่าลูกแปลกไปยังไง”
“ก่อนหน้าที่จะลงมาทำอาหารด้วยกัน ลูกนั่งจัดของในห้อง ปัดกวาด ทำความสะอาด แล้วก็พับผ้า”
“มันแปลกเหรอ” ประณตทำหน้าเหวอ
“แล้วลูกเคยทำซะที่ไหนกันล่ะคะ”
“ผมก็ไม่ได้สังเกตนะ”
“ก็คุณทำงานนอกบ้าน ไม่ได้ดูแลเรื่องในบ้านเหมือนฉัน คุณก็เลยไม่รู้ไง ปกติฉันจัดห้องให้ลูกทีไร กลับไปรกเหมือนเดิมทุกที แถมยังโดนบ่นว่าหาของไม่เจอ แต่วันนี้ลูกเหมือนโดนอะไรเข้าสิง ลุกขึ้นมาจัดข้าวของในห้องจนเรียบร้อย”
“อืม... แบบนี้ถือว่าแปลก”
“แล้วที่พีคสุดคือลูกทำกับข้าว คุณคิดดู ลูกบอกจะช่วย แต่ทำเองเลยนะคุณ ล้างผัก หั่นผัก รู้หมดเมนูไหนใส่อะไร ชิมแล้ววิจารณ์ได้เป็นฉากๆ เครื่องปรุงมีอะไรบ้างก็รู้หมด ฉันลองหลอกถาม ก็พูดออกมาละเอียดยิบ”
“ขนาดนั้นเชียว”
“หรือคุณไม่แปลกใจ ตอนเดินผ่านหน้าห้องครัว ฉันยังเห็นว่าคุณหยุดยืนมองลูกทำอาหารอยู่เลย”
“ผมก็แปลกใจ แต่คิดว่าคุณอาจจะคะยั้นคะยอให้แกหัดทำอาหารไง แกจะได้เอาตัวรอดได้เวลาไปอยู่กับคนอื่น”
“ฉันเปล่าคะยั้นคะยอ ไม่ได้การละคุณ พรุ่งนี้ต้องพาลูกไปรดน้ำมนต์โดยด่วน ไม่อย่างนั้นลูกอาจจะแปลกไปมากกว่านี้ก็ได้”
“คุณอยากได้ลูกคนเดิมกลับมา”
“ก็ไม่เชิงนะคุณ อยากได้แบบนี้มากกว่า”
“อ้าว”
“แต่ถ้าได้แบบนี้แล้วลูกมีผลกระทบอะไรกับชีวิตในอนาคต ฉันเอาคนเดิมก็ได้นะ” ปานแก้วมองสามีอย่างเคร่งเครียด