ลิขิตรักข้างรั้ว

44.0K · จบแล้ว
B.J.
26
บท
976
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอกับเขาจะทำอย่างไร เมื่อต้องสลับร่างกัน ความมันก็บังเกิด

นิยายรักโรแมนติกตลกรักหวานๆโรแมนติก

1

“ว้าย! ไอ้บ้า ถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำระวังเป็นตากุ้งยิงนะ” อะตอมอุทานออกมา ก่อนจะเอามือกอดอก

“ก็เธอมานุ่งกระโจมอกอาบน้ำให้ฉันดูเอง” นัทธ์ที่ถือขันน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำอยู่ตอบโต้กลับไป เขานุ่งผ้าขาวม้าเดินมาอาบน้ำที่ตุ่มข้างบ้านของตนเองเหมือนเช่นทุกวัน

ทั้งสองมีบ้านใกล้กัน อาณาเขตรอบบ้านโอบล้อมด้วยต้นไม้และด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าคือแม่น้ำไหลผ่าน อากาศในยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก

นัทธ์กับอะตอมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด แต่เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่มีชื่อเสียงพอสมควร เขากับเธอเรียนเอกพัฒนาชุมชน ชั้นปีที่สอง

“ฉันนี่นะมานุ่งกระโจมอกให้นายดู นี่แน่ะ ๆ” คนพูดตักน้ำในโอ่งสาดเข้าใส่เต็ม ๆ ทำเอานัทธ์ต้องร้องออกมา

“ฉันเปียกหมดแล้วยายตัวแสบ”

“อาบน้ำก็ต้องเปียกสิ คิกๆ” คนแกล้ง หัวเราะอย่างสะใจ ก่อนที่จะโดนน้ำถังใบใหญ่สาดเข้ามาเต็ม ๆ

“นี่นายเอาน้ำมาสาดฉันเหรอ”

“เป็นไงเย็นฉ่ำไหม” นัทธ์หัวเราะอย่างชั่วร้าย ไม่นานทั้งสองก็สาดน้ำใส่กันจนเลอะเทอะไปหมด

เสียงทะเลาะกับเสียงน้ำสาดใส่กัน ทำให้บิดามารดาของทั้งสองต้องส่ายหน้าให้กับความชอบทะเลาะกันของลูก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ทะเลาะกันตลอด แต่ก็เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้

“แม่ได้ยินเสียงอะไรเอะอะโวยวาย ทะเลาะกับตานัทธ์อีกแล้วเหรอ” รดาเอ่ยถามอะตอมผู้เป็นลูกสาว

“ก็ไอ้นัทธ์สิคะแม่กวนโมโห หนูเลยสาดน้ำใส่เสียเลย”

“แล้วเขาก็สาดกลับ ทะเลาะกันลั่นบ้านเหมือนทุกวัน” รดาดักคอ ในขณะที่อาคมได้แต่ยิ้มขำในขณะที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงหัวโต๊ะ พลางจิบกาแฟไปด้วย

“หืม... ขนมปังไส้สับปะรดของคุณแม่อร่อยจังเลยค่ะ” อะตอมหยิบมาชิมแล้วเอ่ยชมว่าอร่อย

“จะเอาไปฝากนัทธ์บ้างก็ได้นะ”

“เรื่องอะไรคะ ปากปีจอนัก ให้อดไปเลย”

“เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปกับเขาทุกวัน ต้องมีน้ำใจตอบแทนเขาบ้างสิ”

“หนูก็ช่วยค่าน้ำมันรถแล้วไงคะ แต่เอาไปให้หมอนั่นก็ได้ เห็นชอบชมว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อย” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแตรรถก็ดังอยู่หน้าบ้าน ทำเอาคนที่กำลังยกโกโก้ร้อนขึ้นดื่มถึงกับสำลัก

“แค่ก แค่ก แค่ก”

“ระวังหน่อยสิจ๊ะ” รดาลูบหลังลูกสาวเบาๆ

“หนูต้องไปแล้วนะคะ ขืนช้าหมอนั่นไอ้ทิ้งหนูแน่”

“อย่าวิ่งสิจ๊ะลูก เดี๋ยวก็สะดุดหกล้มหรอก” รดาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยิ้มออกมา

“จะบีบแตรอะไรนักหนาหึ” อะตอมรับหมวกกันน็อกมาสวมใส่ขณะที่ปากก็บ่นไปด้วย ก่อนจะยื่นแซนวิชไส้สับปะรดให้เพื่อน

“อะไร”

“แซนวิชไส้สับปะรด คุณแม่ทำเผื่อนายด้วย”

“ลาภปาก”

“ตะกละ”

“ก็มันอร่อยนี่นา เอานี่ไป”

“อะไร”

“คุณแม่ฝากขนมปังหน้าหมูมาให้”

“หูย... อยากกินอยู่พอดี” เธอยื่นมือไปรับขนมปังหน้าหมูจากเขา แต่กลับโดนดึงหนี

“อะไรของนายนี่”

“รับปากก่อนว่าจะช่วย”

“ช่วยอะไรของนายหึ”

“เธอก็รู้ว่าฉันชอบดาริน”

“แล้วไง”

“เป็นแม่สื่อให้หน่อย”

“เรื่อง”

“งั้นก็ไม่ต้องกิน”

“ก็ได้”

“เห็นแก่กินเหมือนกันนะ”

“งั้นไม่ช่วย ขนมปังหน้าหมูหน้ามหาวิทยาลัยก็อร่อย ฉันไปซื้อกินที่นั่นก็ได้ ฉันมีเงิน”

“เอาไป สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย”

“อืม... แต่มันต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนายด้วยนะ ฉันจะไปบอกให้แล้วกันว่านายชอบ” อะตอมถอนใจเฮือกใหญ่ เธอไม่ค่อยอยากสนับสนุนให้นัทธ์คบหากับดารินเลย มันเป็นเหตุผลที่เขาฟังแล้วอาจจะคิดว่าเธอใส่ร้ายเพื่อน เพราะคนกำลังหน้ามืดตามัว หรือเธอจะลองให้นัทธ์ไปเจอของจริงดู

“อย่าเพิ่งบอก”

“อ้าว... ทำไมล่ะ”

“ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”

“เริ่มแบบที่บอกรักไปเลยไง ชอบเขาก็บอกรักเขาไปแล้ว จะไปอำพะนำอยู่ทำไม”

“ขอทำใจก่อนสิ”

“เบื่อจริง ๆ” เธอบ่นไม่จริงจังนัก ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเขา

“ทำไมนายไม่พารถยนต์ไปนี่ ฉันใส่กระโปรงมันนั่งยาก”

“รถยนต์ไม่แรงเท่ามอไซค์”

“วะ! ว้าย! อะไรของนายนี่” เธอรีบผวากอดเอวเขาเอาไว้แน่น เมื่อจู่ ๆ เขาก็ออกรถแบบไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว

“เกาะแน่นๆ สิ”

“ก็เกาะอยู่นี่ไง ดีนะที่ฉันเกาะเอวนายเอาไว้ ไม่งั้นตกลงไปคอหักกันพอดี” เธอตะโกนคุยกับเขา

“ก็เห็นว่าเกาะแล้วไง เลยออกรถ”

“นัทธ์ระวัง นั่นรถข้างหน้า กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของนัทธ์จะชนเข้ากับรถด้านหน้าโครมใหญ่

เสียงเบรกรถ เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่พลเมืองดีจะโทร. แจ้งตำรวจ และเรียกรถพยาบาลมายังที่เกิดเหตุ

บิดามารดาของทั้งสองรีบมายังโรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ว่าลูกประสบอุบัติเหตุรถชน

“ลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” รดาเดินไปมาตรงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างเป็นกังวล

“พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ตานัทธ์น่าจะขับรถเร็วแน่ ๆ บอกแล้วว่าอย่าขับรถเร็ว” ปานแก้วเอ่ยขอโทษออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังเป็นกังวล เพราะเป็นห่วงลูกชายกับสาวน้อยข้างบ้านเพื่อนลูกชายสุดหัวใจ

“ลูกต้องไม่เป็นอะไรค่ะ เรามาสวดมนต์ให้ลูกปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ” รดาบีบมือของปานแก้วเอาไว้ จะโทษอีกฝ่ายก็จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่นี่คือเวลาที่ต้องสวดมนต์อธิษฐานให้ลูกๆ ปลอดภัย

“คุณหมอ ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ” ประณตตรงเข้าไปเอ่ยถามถึงอาการของลูกชาย

“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ยังไม่ฟื้น ตอนนี้จะเคลื่อนย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยนะครับ”

“แล้วลูกสาวผมล่ะครับ” อาคมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ปลอดภัยทั้งคู่นะครับ แต่ยังไม่ฟื้น หมอขอตัวก่อนนะครับ” ประโยคของคุณหมอ สร้างความโล่งใจให้ทุกคน ก่อนที่จะพากันเดินไปยังห้องพักผู้ป่วย ซึ่งสองหนุ่มสาวอยู่ห้องพักใกล้กัน บิดามารดาของทั้งสองจึงไปมาหาสู่กันได้

“นัทธ์ ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะ” ปานแก้วนั่งอยู่ข้างเตียงลูกชาย ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา มองบาดแผลตามตัวแล้วให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก