บทที่ 2 คนใหม่
ณ แคว้นจ้าว
เมืองทางตอนเหนือของประเทศจีนช่วงฤดูหนาวมีอากาศเย็นจัด จากที่ปกติก็มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ช่วงเช้าของวันใกล้สิ้นปีแบบนี้ผู้คนมักจะออกมาจับจ่ายใช้สอยในตลาดกันค่อนข้างหนาตา ทุกร้านรวงเปิดร้านต้อนรับลูกค้ากันอย่างครึกครื้นในร้านแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
แม้ข้างนอกจะคึกคักไปด้วยผู้คนแต่ภายในบ้านของเถ้าแก่จางนั้นเงียบเหงา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
เถ้าแก่จางและฮูหยินจางหน้าตาหมองเศร้า เนื่องมาจากลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของพวกเขาประสบอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ หลังจากพิธีมอบปิ่นปักผม
พวกเขามีบุตรยาก ยามเมื่อมีได้ก็ดีใจยิ่งนัก และในความโชคดีมักมีโชคร้ายพ่วงมาด้วย เด็กหญิงตัวน้อย ๆ ที่ฮูหยินจางคลอดออกมานั้นหน้าตาน่ารัก ผิวขาวดุจหิมะ ผมดำขลับ ตาโตเหมือนเม็ดแอลมอนด์ แต่นอกจากความสวยน่ารักที่สวรรค์ประทานมาให้แล้วยังมีอาการหน้ามืดบ่อย ๆ ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันที่ติดตัวเธอมาด้วย
ในห้องนอนเรือนหลังเล็กมีร่างขาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงอุ่น ร่างบอบบางถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาสีแดง ขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วขาวขึ้นไปอีก บริเวณรอบ ๆ ห้องถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ฮูหยินรู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอชอบ
จางจินเยว่ นอนนิ่งแบบนี้นับตั้งแต่หน้ามืดแล้วพลัดตกลงไปในสระน้ำกลางสวนที่บ้านก็เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ใบหน้าขาวซีดเผือด นอนหายใจเบา ๆ แบบนี้จนเถ้าแก่จางและฮูหยินจางเริ่มจะทุกข์ตรมข้าวปลาเริ่มไม่กิน
ฮูหยินจาง หรือ จางซือเชี่ยน เป็นหญิงสาวที่แม้ใกล้จะวัยกลางคนแล้วก็ยังคงความสวยผุดผาดได้ ผิวขาวใสและเค้าลางความงามส่งต่อให้กับลูกสาวของเธอจางจินเยว่เต็ม ๆ เจ้าของใบหน้างามที่ตอนนี้เริ่มซูบตอบนั่งกุมมือลูกสาวของตัวเองอย่างเช่นทุก ๆ เช้า สะดุ้งจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นใกล้ ๆ
"นายหญิงเจ้าคะ ข้าขออนุญาตเช็ดตัวให้คุณหนูค่ะ"
เจียวเหม่ย เด็กรับใช้ประจำตัวของจางจินเยว่ ปลุกนายหญิงจากภวังค์ เธอสงสารนายหญิงเหลือเกินกว่าจะมีบุตรก็ใช้เวลาแสนนาน เมื่อสมหวังได้ลูกสาวตัวน้อยก็เป็นเด็กขี้โรค คุณหนูจินเยว่ของเธอป่วยบ่อยมาก ๆ เมื่อตอนยังเล็กแทบจะไม่ได้ออกจากเรือนไปไหนเพราะสามวันดี สี่วันไข้ ดีหน่อยที่เธอโตขึ้นเริ่มไม่มีอาการป่วยให้เห็นมีเพียงอาการหน้ามืดบ่อย ๆ เท่านั้น จนกระทั่งวันพิธีมอบปิ่นปักผมคุณหนูหน้ามืดตอนเดินข้ามสะพานที่กลางสระในสวนที่บ้านทำให้ตกไปในสระบัวที่น้ำเย็นเฉียบทันทีและเธอก็หมดสติมาจนวันนี้
เด็กรับใช้คนสนิทของจางจินเยว่คนนี้นอนแทบไม่หลับตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เธอรักเป็นห่วงคุณหนูเหมือนน้องสาวคนหนึ่งของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่จำความได้ตอนที่เธอเดินเท้าเปล่าตากหิมะอยู่ด้านนอกนั้นก็มีนายหญิงมาชวนไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ซึ่งก็คือนายหญิงจางซือเชี่ยนคนนี้ นายหญิงดีกับเธอมาก ๆ ให้หมอรักษาแผลโดนหิมะกัดที่เท้าให้เธอจนหาย แถมยังขอให้เธอช่วยดูแลคุณหนูตัวน้อยแสนน่าชัง
"เจ้าชื่ออะไรหรือ"
"ข้าชื่อเจียวเหม่ยเจ้าค่ะ"
"แล้วพ่อแม่ของเจ้าล่ะเจียวเหม่ย ทำไมถึงได้มาเดินตากหิมะคนเดียวแบบนี้"
"ฮรึก ฮือ" เด็กน้อยร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อโดนถามถึงพ่อแม่
"งั้นเจ้าไปอยู่กับข้าก่อนมั้ย บ้านข้าอยู่ไม่ไกลจากนี่หรอก"
"เจ้าค่ะ"
นับแต่วันนั้นเธอก็กลายมาเป็นเด็กหญิงรับใช้ส่วนตัวของคุณหนูจางจินเยว่ทันที เธอไม่กล้าเล่าให้ใครฟังว่าพ่อแม่ของเธอไปไหน ด้วยเธอกลัวว่าคนพวกนั้นจะตามมาจับเธอไปด้วย
นายหญิงจางเมื่อเห็นเจียวเหม่ยบรรจงเช็ดตัวให้กับลูกสาวสุดที่รักของเธอ ผิวกายซีดขาวทำให้เธอสะท้อนในอกรีบหันหน้าหนีทันทีด้วยเกรงว่าน้ำตาจะไหลออกมาด้วยความสงสารลูกน้อยของเธอ
เจียวเหม่ยค่อย ๆ ใช้ผ้าที่ชุบน้ำร้อนบิดจนหมาดบรรจงเช็ดไปที่ใบหน้า ตามแขน ตามขาของคุณหนู ก่อนจะรู้สึกผิดสังเกตเมื่อเห็นนิ้วมือของคุณหนูกระดิก และเริ่มขยับแขน
"นายหญิงเจ้าคะ คุณหนู"
จางซือเชี่ยนรีบพุ่งตัวมาหาลูกสาวทันทีที่เห็นเธอลืมตา กุมมือลูกสาวไว้แน่นก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ ปากก็พร่ำขอบคุณสวรรค์ที่ส่งลูกสาวของเธอกลับมาไม่หยุด เจียวเหม่ยรีบวิ่งไปเรียกหมอประจำตระกูลจางทันที
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นไปทั่วเมื่อทุกคนทราบข่าวว่าคุณหนูของบ้านฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหมดสติไปถึงสองสัปดาห์ ทุกคนยิ้มแย้มด้วยความดีใจ บรรยากาศในบ้านกลับมาสดชื่นอีกครั้งหลังจากได้รับข่าวดี
จางจินเยว่ ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่แต่งเหมือนในซีรีส์จีนที่เธอเคยเห็นผ่าน ๆ ตาตามป้ายบิลบอร์ดโปรโมทซีรีส์แนวจีนโบราณ เธอกะพริบตาก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความมึนงง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอยืนอยู่ที่สะพานข้ามน้ำและเธอก็จำความเย็นเยียบของน้ำในแม่น้ำหรือแม้แต่ความอึดอัดจากการหายใจไม่ออกก่อนที่จะหมดสติได้ดี แล้วใครกันช่วยเธอขึ้นมา
"จินเยว่ลูกแม่ เป็นยังไงบ้าง" เสียงเรียกจางผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหน้าเหมือนแม่เธอมาก ๆ กำลังนั่งกุมมือของเธออยู่ บนหน้าของจางซือเชี่ยวเปียกปอนไปด้วยน้ำตา แต่ปากและตาพราวไปด้วยรอยยิ้มยินดี
"แม่ งั้นแสดงว่าหนูตายแล้วงั้นสิ" จางจินเยว่พูดออกมาหลังจากได้ยินคนตรงหน้าแทนตัวเองว่าแม่
"ยังลูกหนูยังไม่ตาย ลูกของแม่จะไม่ตายง่าย ๆ แน่นอน" จางซือเชี่ยนที่อยู่ในอารามดีใจ ไม่ทันได้สังเกตว่าการพูดของจางจินเยว่คนตรงหน้าไม่เหมือนคุณหนูจางจินเยว่คนเดิมอีกแล้วแต่เป็นจินเยว่จากอนาคตยุค 2023
เมื่อหมอประจำตระกูลได้ทำการตรวจร่างกายให้กับคุณหนูของบ้านเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็ออกไปปล่อยให้เธอได้พักผ่อน โดยทิ้งให้จางจินเยว่ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนักว่าตอนนี้เธออยู่ที่ใด หรือเธอสูญเสียความทรงจำไปอย่างที่หมอประจำตระกูลบอกจริง ๆ
จางจินเยว่ลุกเดินสำรวจห้องที่เธออยู่ ในห้องเต็มไปด้วยดอกไม้หน้าตาสวยงามส่งกลิ่นหอมให้ความรู้สึกสดชื่น จนเธออดสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ได้ เธอกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับภาพวาดเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหน้าตาเหมือนเธอมาก มีอักษรจีนเขียนด้านข้างว่า "จางจินเยว่"
"นี่คือตัวเราหรือ และที่แน่ ๆ ตอนนี้ไม่ใช่ปี 2023 แน่นอน"
จางจินเยว่คิดในใจพร้อมกับไล้มือไปตามรูปภาพตรงหน้า เธอมองอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ว่าจะมองมุมไหนนี่ก็คือเธอชัด ๆ ไม่ว่าจะคิ้ว ตา จมูก ปาก หรือแม้แต่ใบหูก็คือตัวเธอจริง ๆ ช่างน่าประหลาดเสียจริงแถมเธอคนนี้ก็ยังชื่อเดียวกับเธอซะด้วย
เด็กสาวเดินสำรวจไปจนถึงมุมหนึ่งของห้องที่เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ โดยดูได้จากบรรดาสมุดกระดาษสา และพู่กันที่วางอยู่ตรงนั้น เธอเปิดดูตู้ใกล้ ๆ กันนั้น ก็พบกับสมุดเล่มหนึ่ง ที่มีหมึกเขียนด้วยตัวอักษรจีนว่า "ชีวิตของจางจินเยว่" เมื่อเห็นดังนั้นจางจินเยว่จึงหอบสมุดที่เขียนหน้าปกเหมือนกันมาวางที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงอ่านอย่างตั้งใจ
สมุดบันทึกเล่มแล้วเล่มเล่าของจางจินเยว่คนเก่าถูกอ่านโดยจางจินเยว่คนใหม่จนหมด ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า เธอไม่ได้ความจำเสื่อม แต่ที่จริงแล้วเธอมาเกิดใหม่ในร่างของจางจินเยว่ในสมัยจีนโบราณต่างหาก!