บทที่ 1 จากลา
กว่าที่จินเยว่จะพาสังขารอันอ่อนล้า ฝ่าสภาพอากาศที่หนาวเหน็บมาถึงบ้านเท้าของเธอก็เย็นชืดชาจนไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรแล้ว เธอไขกุญแจเข้าบ้านก่อนจะค่อย ๆ ถอดรองเท้าออก แขวนเสื้อโค้ตไว้ที่ราวข้าง ๆ ประตู เมื่อก้าวเหยียบไปบนพื้นบ้านที่แสนอบอุ่นก็ทำให้ร่างกายของเธอคลายความเกร็งเนื่องจากความหนาวจากอากาศด้านนอกได้
เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็พบว่าแม่เลี้ยงกับพี่สาวต่างแม่กำลังนั่งดูคลิปอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนทั้งสองจะหันขวับมาที่เธออย่างเอาเรื่อง
"แกไปทำอะไรมา จินเยว่" แม่เลี้ยงลุกขึ้นมาตะคอกใส่หน้าเธอพร้อมกับผลักจินเยว่ที่ยืนอยู่จนล้มไปกองกับพื้นทันที ตอนนี้ความอุ่นของพื้นไม่ได้ช่วยอะไรเธอแล้วเพราะเธอชาวาบไปทั้งตัวและใจเมื่อแม่เลี้ยงโชว์โทรศัพท์ในมือให้เธอดู มันเป็นคลิปที่เธอโดนตบและรุมถอดเสื้อผ้าเมื่อตอนกลางวัน!
"..." ตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกแล้วด้วยความช็อกทำให้สาวน้อยร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอไม่คิดว่าพวกนั้นจะโพสต์ลงอินเทอเน็ตจริง ๆ
"แม่ชั้นถามทำไมแกไม่พูด ห้ะ" หลิ่งอิน พี่สาวต่างแม่ปรี่เขามากระชากผมดำขลับของจินเยว่ให้เธอเงยหน้าขึ้น จินเยว่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บแสบหนังศีรษะ พร้อมกับพยายามแกะมือของหลิ่งอินออกจากศีรษะของตน
"ฉันส่งแกให้ไปเรียน ไม่ใช่ไปมีเรื่องกับชาวบ้าน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น" แม่เลี้ยงโยนโทรศัพท์ในมือใส่หน้าของจินเยว่อย่างแรงจนกระแทกเข้ากับคิ้วบางจนเลือดค่อย ๆ ซึมออกมา แต่จินเยว่หาได้สนใจบาดแผลที่เกิดขึ้นมาใหม่มั้ยเพราะตอนนี้เธอชาไปแทบจะทุกส่วนแล้วไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ
จินเยว่ที่ตอนนี้ช็อกจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาจากลำคอได้ พยายามแกะมือของหลิ่งอินออกจากผมของตน ตอนนี้เธอออยากออกไปจากตรงนี้ เธออึดอัดจนหายใจจะไม่ออกแล้ว จินเยว่ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ แต่เสียงที่เปล่งออกมามีแต่เสียงในลำคอเท่านั้น
"หวงมากเหรอ ผมเนี่ย" หลิ่งอินที่เห็นจินเยว่ตะเกียกตะกายพยายามจะแกะผมยาวสลวยสีดำขลับที่เธออิจฉาตลอดมาอย่างสะใจ ก่อนจะหันไปคว้ากรรไกรที่วางใกล้ ๆ กันนั้น มาตัดผมของจินเยว่ จนขาดรุ่งริ่งดูไม่ได้
"ดี ตัดผมมันเลยลูก จะได้ไม่เป็นปัญหากับใครอีก" เหม่ยอิน ที่ยืนมองลูกสาวตัวเองตัดผมลูกเลี้ยงพูดขึ้นอย่างสะใจในอารมณ์ ที่ผ่านมาสามีของเธอซึ่งก็คือพ่อของจินเยว่ส่งเงินมาให้ โดยให้ส่วนของจินเยว่มากกว่าใครทั้งหมด แถมยังแอบไปโอนบ้านเป็นชื่อของจินเยว่อีกวันนี้เธอจัดตู้เสื้อผ้าแล้วตู้ไม่พอจึงจะเอาแบ่งไปใส่ในตู้ของสามี จึงไปเจอกับซองเอกสารที่สามีซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งนั่นทำให้เหม่ยอินโกรธสามีและจินเยว่มากที่ทำกับเธอแบบนี้
จินเยว่ที่โดนตัดผมร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ เธอตะโกนออกมาก็มีเพียงเสียงในลำคอ จนเธอพยายามดิ้นหนีออกมาก่อนจะลุกขึ้นวิ่งโดยไม่สนใจความเจ็บปวดใด ๆ ของตัวเองไปที่ห้องนอนก่อนจะรีบล็อกประตูไม่ให้เหม่ยอินที่ตามมาเข้ามาได้ เธอวิ่งเข้าไปคว้ารูปถ่ายของแม่มากอดไว้แนบอกก่อนจะซุกตัวเข้าไปที่มุมห้องร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ท่ามกลางเสียงด่าทอและเคาะประตูโหวกเหวกโวยวายของเหม่ยอินกับหลิ่งอิน
สาวน้อยที่ตอนนี้สภาพดูแทบไม่ได้ตาบวมเบ่งเนื่องจากร้องไห้อย่างหนัก ผมขาดรุ่งริ่ง จิตใจบอบช้ำไม่มีชิ้นดี เธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าที่บ้านหรือที่โรงเรียนก็ไม่ใช่ที่ของเธอ มันสร้างความเจ็บปวดให้เธอตลอดมา
จินเยว่เขียนจดหมายถึงพ่อซ่อนไว้ที่ใต้หมอน เธอขอโทษพ่อที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ต้องตาย ขอโทษที่ไม่เข้มแข็ง ระหว่างที่เขียนน้ำตาก็ไหลออกจากตากลมโตหยดลงไปที่กระดาษตรงหน้า จนเป็นรอยน้ำ เธอไม่อยากให้พ่อโทษตัวเองให้ยกความผิดทุกอย่างไว้ที่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถออกจากบ้านไปในเวลาสามทุ่ม จินเยว่จึงหยิบเอาเสื้อโค้ตของแม่ที่เธอซ่อนไว้มาใส่เธออยากรู้สึกเหมือนแม่กำลังกอดเธอไว้ จินเยว่ออกมาจากบ้านฝ่าอากาศเย็นยะเยือกที่ตอนนี้หิมะหยุดตกไปแล้ว ท่ามกลางคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดแต่ยังมีพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างนำทางให้สาวน้อยหอบร่างกายและจิตใจอันแสนบอบช้ำมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่จนได้
สาวน้อยร่างบางในชุดเสื้อโค้ตที่เธอคิดว่าอบอุ่นที่สุดเท่าที่เคยใส่มายืนอยู่ริมแม่น้ำ เธอปลดฮู้ดออกจากผมปล่อยให้ผมได้สัมผัสกับลมเย็นยะเยือก ผมที่โดนตัดจนขาดรุ่งริ่งมองไม่เป็นทรงปลิวไสวไปกับสายลมของค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง เงาสะท้อนของพระจันทร์ที่แม่น้ำช่างสวยงามนัก จินเยว่คิดในใจ เธอยืนคดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งเธอพยายามอดทนเสมอมาจนตอนนี้เธอทำไม่ได้อีกแล้ว
เด็กสาวกุมมือเข้าด้วยกันซึ่งในนั้นมีรูปถ่ายของแม่ ก่อนจะอธิษฐานในใจ
"หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ฉันมีชีวิตที่ดีขึ้นตรงข้ามกับชาตินี้ด้วยเถอะ" จินเยว่อธิษฐานก่อนจะทิ้งร่างของตัวเองให้ร่วงหล่นลงไปยังแม่น้ำกว้างเบื้องล่าง ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นยะเยือกของค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ทิ้งไว้แต่เพียงเสื้อโค้ตของแม่และรองเท้านักเรียนของตัวเองวางไว้เท่านั้น