ลิขิตฝันชะตารัก

43.0K · จบแล้ว
มนตราดอกท้อ
25
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ปี 2023 ช่วงพักกลางวันของนักเรียน ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในช่วงฤดูหนาวที่ด้านนอกหน้าต่างห้องเรียนมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม อากาศเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ นักเรียนชั้นมอปลายทุกคนอยู่ในเครื่องแบบฤดูหนาวสีกรมท่า รวมไปถึงจินเยว่ เธอแต่งกายเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ด้วยความที่เสื้อผ้าของเธอมีรอยปะชุนหลายตำแหน่งจนเห็นได้ชัดจึงทำให้เธอโดดเด่นออกมาจากทุกคนที่ตอนนี้มายืนดูหิมะแรกของปีกันอย่างตื่นเต้น จินเยว่ เดินกะเผลกเพื่อกลับไปที่ห้องเรียน เธอไม่รู้สึกเจ็บอะไรทั้งนั้นแม้ว่าตอนนี้หน้าตาของเธอจะมีรอยฝ่ามือของใครสักคนประทับอยู่ที่แก้มซ้ายอย่างเห็นได้ชัด มีเลือดซึมออกมาจากริมฝีปากบางเล็กน้อยซึ่งเธอยังรับรู้กลิ่นคาวของมันได้อย่างดี  "ฉันจะอธิษฐานละนะ ขอให้ปีนี้ฉันสอบวัดระดับได้คะแนนมากขึ้นด้วยเถอะ" "ฉันขอให้ได้เดตกับพี่จิ๋นอวี๋ด้วยเถอะ เพี้ยง" "ฉันขอให้ได้ชิมเค้กรสช็อกโกแลต,ช็อกโกเลต ของร้านคุณหวังด้วยเถอะ" . . . "ฉัน ... ขอหายไปจากโลกนี้ ... ได้มั้ย" จินเยว่ อธิษฐานในใจเมื่อได้ยินเสียงใครต่อใครรอบ ๆ ตัว กำลังอธิษฐานกับหิมะแรกของปี ร่างบางที่ตอนนี้ไหล่ห่องุ้มหันมองออกไปด้านนอกหน้าต่างขอพรกับหิมะแรกบ้าง ก่อนจะหลับตาลงแล้วอธิษฐานในใจ สาวน้อย นาม จินเยว่ เป็นเด็กนักเรียนที่ได้ทุนเรียนดีแต่ยากจนของโรงเรียน ด้วยใบหน้าที่สะสวย ตากลมโต ผมสีดำยาวถึงกลางหลังทำให้เธอค่อนข้างจะโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนที่เป็นที่หนึ่งเสมอมา ใครก็คงคิดว่าชีวิตในโรงเรียนของเธอมีความสุข แต่ไม่เลย นับตั้งแต่เธอได้ทุนย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่เข้ามอปลาย ชีวิตที่เคยคิดว่าแย่แล้วยังแย่กว่าเดิมได้อีก   ความโดดเด่นของเธอทำให้กลายเป็นเหยื่อของบรรดาลูกคนรวยในโรงเรียนที่ตั้งตัวเป็นหัวโจกรุมรังแกเธอเรื่อยมา นับตั้งแต่เขียนโต๊ะของเธอจนเต็มไปด้วยน้ำยาลบคำผิด สวะ...ยัยกาฝาก...ลูกไม่มีแม่...ยัยหัวเน่า...ไปตายซะ ถ้อยคำโหดร้ายที่แม้จะไม่ได้มีใครมาตะโกนใส่หน้าเธอตรง ๆ มันก็สร้างบาดแผลให้จิตใจดวงน้อยได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่โดนเขียนโต๊ะด้วยถ้อยคำใด ๆ จินเยว่ ก็จะนั่งลบโต๊ะจนกว่าจะสะอาดก่อนเริ่มเรียนทุกครั้ง  ด้วยความที่เธอเรียนอยู่ในห้องเรียนที่มีแต่เด็กหัวกะทิทุกคนจะต้องแข่งขันกันเพื่อรักษาระดับของตัวเอง ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือหรือห้ามปรามเด็กเกเรที่รุมรังแกเธอได้เลย ซึ่งเธอเองก็ไม่กล้าจะบอกครูเพราะกลัวครูจะเดือดร้อนไปด้วยเนื่องจากเด็กเหล่านี้เป็นลูกของผู้มีอิทธิพล จินเยว่ เติบโตในบ้านที่ไม่อาจเรียกได้ว่าครอบครัว แม่ตายเพราะคลอดเธอออกมา ทำให้พ่อไม่อยากอยู่ใกล้เธอนัก เธอเคยเห็นรูปแม่แล้วเหมือนเธอมาก ๆ ซึ่งพ่อก็คงคิดถึงแม่มากหากต้องมองหน้าเธอนาน ๆ และด้วยหน้าที่การงานทำให้พ่อต้องไปทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นถึงสองปี เธอจึงต้องอยู่กับแม่เลี้ยงที่มีพี่สาวต่างมารดาอยู่ด้วยกันอีกหนึ่งคน บ้านที่เธออยู่ก็เหมือนที่ทำงาน แม่เลี้ยงบอกกับเธอแบบนั้น เพราะตั้งแต่ที่พ่อไปญี่ปุ่นเมื่อเธอเลิกจากโรงเรียน จะต้องทำความสะอาดบ้านทุกห้องไม่เว้นแม้แต่ห้องของพี่สาวต่างแม่ซึ่งก็ไม่ได้ใจดีกับเธอพอกันกับผู้เป็นแม่ จินเยว่มีหน้าที่เตรียมอาหารเย็นให้ทั้งสองคนและไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะอาหารหากไม่มีพ่ออยู่ด้วย  สาวน้อยจึงไม่อยากจะกลับไปที่บ้านมากนัก ชีวิตของเธอโดดเดี่ยวเหลือเกิน ไม่มีใครที่เธอจะสามารถพูดคุยได้เลยซึ่งเธอทำได้เพียงส่งอีเมลจากคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนในช่วงพักเที่ยงไปหาอีเมลของแม่เท่านั้น . . . หลังจากเดินมาเก็บข้าวของที่ห้องเสร็จแล้ว จินเยว่ตัดสินใจไปบอกหัวหน้าห้องว่าตนปวดท้องขอกลับบ้านก่อนเลิกเรียน ซึ่งเขาก็ทำเพียงแค่มองแผลหน้าเธอเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า เธอกระชับเสื้อโค้ตก่อนจะเดินออกจากโรงเรียนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายมาไม่หยุดหย่อน เด็กสาวคิดถึงเรื่องที่เธอพึ่งประสบพบเจอมาเมื่อตอนพักเที่ยง ปกติที่เธอจำได้เด็กพวกนั้นจะแกล้งเธอเดือนละครั้ง หลัง ๆ มาจะอาทิตย์ละครั้งโดยทุกครั้งจะมีการถ่ายคลิปไปด้วย แต่ตั้งแต่เริ่มเข้าฤดูหนาวพวกนั้นก็เริ่มแกล้งเธอถี่ขึ้นแทบจะวันเว้นวันเลยก็ว่าได้  จินเยว่ เดินกะเผลกอย่างช้า ๆ เมื่อก้าวจากออกมาจากโรงเรียน พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เธอรู้สึกเย็นไปทั้งตัวจนต้องยกมือขึ้นมากอดอกทันทีเมื่อนึกถึงมัน วันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพยายามรุมถอดเสื้อผ้าเธอ แค่คิดเธอก็หนาวเยือกเข้ามาในหัวใจ เธอกลัวมากเพราะพวกเขามีทั้งชายและหญิง แต่เธอก็ดิ้นหนีออกมาจนพลาดตกบันไดจนเจ็บขาแบบนี้พวกนั้นจึงยอมเลิกราไป โดยพวกเขาทิ้งท้ายกับเธอว่าพรุ่งนี้เช้าจะรอเธอ สาวน้อยตัวสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความหนาวกายแต่เป็นความหนาวเหน็บในหัวใจ ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอ เธอพยายามกลั้นมันไว้ ไม่ให้น้ำตาที่คลออยู่ไหลออกมา ก่อนจะค่อย ๆ เดินกลับไปที่บ้านฝ่าหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาหนาตาขึ้นด้วยความยากลำบากแม้แต่จะขึ้นรถเมล์กลับเธอก็ไม่กล้าเกรงว่าจะทำให้คนอื่นตกใจกับสภาพที่ดูไม่ได้ของเธอ เด็กสาวในสภาพผมเผ้ารุงรัง ใบหน้ามีรอยนิ้วมือประทับอยู่ที่แก้ม แถมยังมีรอยช้ำที่เรียวขาขาวจนเห็นได้ชัด หากมีใครเห็นคงลากเธอไปที่โรงพยาบาลแน่ ๆ สาวน้อยค่อย ๆ พยุงร่างของตัวเองเดินกลับไปที่บ้าน ที่ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้กลับไป ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ...ฝากนิยายจีนเรื่องแรกด้วยนะคะ  ขอบคุณค่ะ :)

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณรักหวานๆข้ามมิติเกิดใหม่จีนโบราณโรแมนติกนิยายย้อนยุคฟินๆ

บทที่ 1 จากลา

กว่าที่จินเยว่จะพาสังขารอันอ่อนล้า ฝ่าสภาพอากาศที่หนาวเหน็บมาถึงบ้านเท้าของเธอก็เย็นชืดชาจนไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรแล้ว เธอไขกุญแจเข้าบ้านก่อนจะค่อย ๆ ถอดรองเท้าออก แขวนเสื้อโค้ตไว้ที่ราวข้าง ๆ ประตู เมื่อก้าวเหยียบไปบนพื้นบ้านที่แสนอบอุ่นก็ทำให้ร่างกายของเธอคลายความเกร็งเนื่องจากความหนาวจากอากาศด้านนอกได้

เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็พบว่าแม่เลี้ยงกับพี่สาวต่างแม่กำลังนั่งดูคลิปอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนทั้งสองจะหันขวับมาที่เธออย่างเอาเรื่อง

"แกไปทำอะไรมา จินเยว่" แม่เลี้ยงลุกขึ้นมาตะคอกใส่หน้าเธอพร้อมกับผลักจินเยว่ที่ยืนอยู่จนล้มไปกองกับพื้นทันที ตอนนี้ความอุ่นของพื้นไม่ได้ช่วยอะไรเธอแล้วเพราะเธอชาวาบไปทั้งตัวและใจเมื่อแม่เลี้ยงโชว์โทรศัพท์ในมือให้เธอดู มันเป็นคลิปที่เธอโดนตบและรุมถอดเสื้อผ้าเมื่อตอนกลางวัน!

"..." ตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกแล้วด้วยความช็อกทำให้สาวน้อยร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอไม่คิดว่าพวกนั้นจะโพสต์ลงอินเทอเน็ตจริง ๆ

"แม่ชั้นถามทำไมแกไม่พูด ห้ะ" หลิ่งอิน พี่สาวต่างแม่ปรี่เขามากระชากผมดำขลับของจินเยว่ให้เธอเงยหน้าขึ้น จินเยว่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บแสบหนังศีรษะ พร้อมกับพยายามแกะมือของหลิ่งอินออกจากศีรษะของตน

"ฉันส่งแกให้ไปเรียน ไม่ใช่ไปมีเรื่องกับชาวบ้าน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น" แม่เลี้ยงโยนโทรศัพท์ในมือใส่หน้าของจินเยว่อย่างแรงจนกระแทกเข้ากับคิ้วบางจนเลือดค่อย ๆ ซึมออกมา แต่จินเยว่หาได้สนใจบาดแผลที่เกิดขึ้นมาใหม่มั้ยเพราะตอนนี้เธอชาไปแทบจะทุกส่วนแล้วไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ

 จินเยว่ที่ตอนนี้ช็อกจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาจากลำคอได้ พยายามแกะมือของหลิ่งอินออกจากผมของตน ตอนนี้เธอออยากออกไปจากตรงนี้ เธออึดอัดจนหายใจจะไม่ออกแล้ว จินเยว่ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ แต่เสียงที่เปล่งออกมามีแต่เสียงในลำคอเท่านั้น

"หวงมากเหรอ ผมเนี่ย" หลิ่งอินที่เห็นจินเยว่ตะเกียกตะกายพยายามจะแกะผมยาวสลวยสีดำขลับที่เธออิจฉาตลอดมาอย่างสะใจ ก่อนจะหันไปคว้ากรรไกรที่วางใกล้ ๆ กันนั้น มาตัดผมของจินเยว่ จนขาดรุ่งริ่งดูไม่ได้

"ดี ตัดผมมันเลยลูก จะได้ไม่เป็นปัญหากับใครอีก" เหม่ยอิน ที่ยืนมองลูกสาวตัวเองตัดผมลูกเลี้ยงพูดขึ้นอย่างสะใจในอารมณ์ ที่ผ่านมาสามีของเธอซึ่งก็คือพ่อของจินเยว่ส่งเงินมาให้ โดยให้ส่วนของจินเยว่มากกว่าใครทั้งหมด แถมยังแอบไปโอนบ้านเป็นชื่อของจินเยว่อีกวันนี้เธอจัดตู้เสื้อผ้าแล้วตู้ไม่พอจึงจะเอาแบ่งไปใส่ในตู้ของสามี จึงไปเจอกับซองเอกสารที่สามีซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งนั่นทำให้เหม่ยอินโกรธสามีและจินเยว่มากที่ทำกับเธอแบบนี้

จินเยว่ที่โดนตัดผมร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ เธอตะโกนออกมาก็มีเพียงเสียงในลำคอ จนเธอพยายามดิ้นหนีออกมาก่อนจะลุกขึ้นวิ่งโดยไม่สนใจความเจ็บปวดใด ๆ ของตัวเองไปที่ห้องนอนก่อนจะรีบล็อกประตูไม่ให้เหม่ยอินที่ตามมาเข้ามาได้ เธอวิ่งเข้าไปคว้ารูปถ่ายของแม่มากอดไว้แนบอกก่อนจะซุกตัวเข้าไปที่มุมห้องร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ท่ามกลางเสียงด่าทอและเคาะประตูโหวกเหวกโวยวายของเหม่ยอินกับหลิ่งอิน 

สาวน้อยที่ตอนนี้สภาพดูแทบไม่ได้ตาบวมเบ่งเนื่องจากร้องไห้อย่างหนัก ผมขาดรุ่งริ่ง จิตใจบอบช้ำไม่มีชิ้นดี เธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าที่บ้านหรือที่โรงเรียนก็ไม่ใช่ที่ของเธอ มันสร้างความเจ็บปวดให้เธอตลอดมา

จินเยว่เขียนจดหมายถึงพ่อซ่อนไว้ที่ใต้หมอน เธอขอโทษพ่อที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ต้องตาย ขอโทษที่ไม่เข้มแข็ง ระหว่างที่เขียนน้ำตาก็ไหลออกจากตากลมโตหยดลงไปที่กระดาษตรงหน้า จนเป็นรอยน้ำ เธอไม่อยากให้พ่อโทษตัวเองให้ยกความผิดทุกอย่างไว้ที่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น

เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถออกจากบ้านไปในเวลาสามทุ่ม จินเยว่จึงหยิบเอาเสื้อโค้ตของแม่ที่เธอซ่อนไว้มาใส่เธออยากรู้สึกเหมือนแม่กำลังกอดเธอไว้ จินเยว่ออกมาจากบ้านฝ่าอากาศเย็นยะเยือกที่ตอนนี้หิมะหยุดตกไปแล้ว ท่ามกลางคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดแต่ยังมีพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างนำทางให้สาวน้อยหอบร่างกายและจิตใจอันแสนบอบช้ำมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่จนได้

สาวน้อยร่างบางในชุดเสื้อโค้ตที่เธอคิดว่าอบอุ่นที่สุดเท่าที่เคยใส่มายืนอยู่ริมแม่น้ำ เธอปลดฮู้ดออกจากผมปล่อยให้ผมได้สัมผัสกับลมเย็นยะเยือก ผมที่โดนตัดจนขาดรุ่งริ่งมองไม่เป็นทรงปลิวไสวไปกับสายลมของค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง เงาสะท้อนของพระจันทร์ที่แม่น้ำช่างสวยงามนัก จินเยว่คิดในใจ เธอยืนคดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งเธอพยายามอดทนเสมอมาจนตอนนี้เธอทำไม่ได้อีกแล้ว

เด็กสาวกุมมือเข้าด้วยกันซึ่งในนั้นมีรูปถ่ายของแม่ ก่อนจะอธิษฐานในใจ

"หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ฉันมีชีวิตที่ดีขึ้นตรงข้ามกับชาตินี้ด้วยเถอะ" จินเยว่อธิษฐานก่อนจะทิ้งร่างของตัวเองให้ร่วงหล่นลงไปยังแม่น้ำกว้างเบื้องล่าง ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นยะเยือกของค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ทิ้งไว้แต่เพียงเสื้อโค้ตของแม่และรองเท้านักเรียนของตัวเองวางไว้เท่านั้น