บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ของชิ้นแรกจากท่านชีค (2)

แม้จะบ่นเรื่องชื่อเรียกยากเล็กน้อย แต่อุรัสยาก็รู้สึกดีขึ้นมากเล็กน้อยเหมือนกัน ที่พระองค์ทรงไม่แนะนำกับทุกคนว่าเธอคือคุณหมอซุ่มซ่าม ณ ประเทศไทย

“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อุรัสยาหรือจะเรียกสั้นๆ ว่าหยาก็ได้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”

“ผมการิบครับ”

หลังจากคุณหมอการิบแนะนำตัวทุกคนในทีมผ่าตัดต่างก็เรียงคิวแนะนำตัวกับคุณหมอคนใหม่อย่างตื่นเต้นดีใจ จนได้เวลาที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอการิบก็เอ่ยปากชวน

“คุณหมอหยาอยากพิสูจน์ฝีมือการผ่าตัดสักหน่อยไหมครับ”

“รายละเอียดของผู้ป่วยละคะ”

อุรัสยาถามอย่างสนใจ ก่อนจะรับแฟ้มประวัติจากคุณหมอการิบมาเปิดดู ขณะที่หูก็ฟังรายละเอียดจากอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน

“ดูประวัติรายที่สามครับ เราจะผ่าบริเวณช่องท้อง เพราะผู้ป่วยมีก้อนเนื้อร้ายบริเวณลำไส้ใหญ่”

“โอเค ฉันจะร่วมในการผ่าตัดในครั้งนี้ค่ะ ขอเวลาเตรียมตัวและฆ่าเชื้อ อีกสิบห้านาทีเจอกันที่ห้องผ่าตัดค่ะ ขอตัวนะคะท่านชีค อิสลัม”

บอกก่อนจะผละออกไปเตรียมตัวเพื่อเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งชีคซาลซาเอลได้แต่มองตามพลางส่ายพระเศียรอย่างไม่คิดว่าหญิงสาวจะบ้างานขนาดนี้ สมกับที่ผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลที่เมืองไทยว่าไว้จริงๆ ว่าอุรัสยาเป็นคุณหมอที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่องานจริงๆ ถึงอย่างนั้นมีรอยยิ้มให้กับคนไข้เสมอ ดังนั้นคนไข้คนไหนที่เธอได้รักษา มักจะคำชมตอบกลับมาให้ได้ยินตลอด

“งั้นเราไปรอเธอที่ห้องดีกว่า”

‘รอ’ อย่างนั้นเหรอ อิสลัมเลิกคิ้วก่อนจะยักไหล่ยิ้มๆ แล้วรีบตามชีคหนุ่มออกไป แต่ก็ไม่วายที่จะถามเพราะข้องใจ

“เราจะรอคุณหมอเหรอครับ แต่ผมว่าท่านชีคกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวตอนเย็นผมจะกลับมารับคุณหมออีกรอบเองดีกว่า”

ชีตซาลซาเอลโบกพระหัตถ์เป็นการปฏิเสธ

“ทันทีที่ยัยหมอซุ่มซ่ามออกจากห้องผ่าตัด เราถึงจะกลับ เธอต้องไปเตรียมตัว เพราะเย็นนี้ข้าจะพาเธอเข้าพบท่านพ่อ อย่างน้อยก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอคือใคร เวลาเธอเดินไปเดินมาภายในวังจะได้ไม่มีใครสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”

“แล้วท่านชีคจะแนะนำกับท่านชีคจารีว่าคุณหมอเข้ามาอยู่ในวังของท่านในฐานะอะไรหรือครับท่านชีค แขกคนพิเศษแล้วพิเศษแบบไหนหลายๆ คนคงสงสัย คงไม่เว้นแม้แต่ท่านชีคจารี และโดยเฉพาะท่านชีคคาทัลฟา ท่านอย่าลืมนะว่ายังไม่มีใครรู้ว่าท่านบาดเจ็บจากการโดนลอบยิงหรือจะรู้ข้าก็มิอาจทราบได้”

“เจ้าคิดอย่างนั้นเหรอ งั้นให้เธออยู่ในฐานะนางในฮาเร็มคนเดียวของข้าเป็นไง”

“ข้าได้แต่ภาวนาให้คุณหมอยอมนะครับ”

ได้ยินอย่างนั้น ชีคซาลซาเอลถึงกับพระสรวลออกมาอย่างชอบพระทัย และยิ่งคิดว่าถ้าพระองค์แนะนำหญิงสาวในฐานะนี้ต่อหน้าท่านพ่อและทุกคนในครอบครัวโดยไม่บอกกล่าวเธอก่อนอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะรับสมอ้างหรือจะแหกหน้าเขาต่อหน้าทุกคน ชีคหนุ่มทรงคิดเล่นๆ พลางแย้มพระสรวล ก่อนจะปรับสีพระพักตร์ให้เคร่งขรึมเป็นงานเป็นการทันที่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานส่วนพระองค์

“แต่ข้าว่าตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของฐานะยัยคุณหมอซุ่มซ่าม ที่จะต้องคุยกันอยู่ใช่ไหมอิสลัม”

“ครับ”

อิสลัมเดินตามเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูล็อกกลอนอย่างดี แล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวตรงข้ามกับชีคซาลซาเอลพร้อมกับเอ่ยถึงความคืบหน้าของการลอบยิงพระองค์

“คนที่เราสงสัยไร้ความเคลื่อนไหวมากครับท่านชีค ข้าว่าเราอาจจะต้องมองความขัดแย้งเรื่องอื่นนอกจากเรื่องรัชทายาทด้วยดีไหมครับ เพราะวันที่ท่านโดยยิงวันนั้นข้าไม่อยู่ และเป็นวันที่คณะทำงานต่างก็เดินทางมาประชุมที่วังตามคำเชิญของท่านชีคจารี วันนั้นคนก็คงเยอะและในวังคงวุ่นวายพอสมควร และนั่นก็เป็นการง่ายที่มือปืนจะอาศัยช่วงที่ทุกคนวุ่นวายลงมือ และคนๆ นี้ต้องจ้องและรู้ความเคลื่อนไหวของท่านอยู่ตลอดถึงได้รู้ว่าท่านไปไหนบ้าง เมื่อท่านแยกตัวออกมาในที่ลับตาคนเลยจัดการด้วยปืนเก็บเสียงทันที”

คนสนิมหนุ่มรายงานจากที่ให้คนที่ไว้ใจได้คอยติดตามดูคนที่ทั้งเขาและชีคซาลซาเอลสงสัย แต่ผลที่ได้มาก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดนัก จึงคิดหาความขัดแย้งอื่นๆ ที่แม้อาจจะเล็กน้อย แต่สำหรับคนอื่นมันอาจจะยิ่งใหญ่ ขนาดอยากคร่าชีวิตชีคซาลซาเอลนี้ไปก็เป็นได้

“มันก็ใช่ หากคนที่ยิงข้าไม่ใช่ผู้หญิง และนั่นมันทำให้ข้าคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เพราะในคณะทำงานและคนอื่นๆ ไม่มีผู้หญิงติดตามเข้ามาแม้แต่คนเดียว”

คราวนี้ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งอย่างอับจนหนทาง แล้วก็เป็นอิสลัมที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นมาอีกข้อ ที่อาจจะเป็นแนวทางในการตามหาเบาะแสหญิงสาวคนนั้น

“ท่านเคยบอกว่าท่านนั่งหันหลังให้ศัตรู และโดนยิงโดยไม่รู้ตัว แต่ก็โดนแค่ต้นแขนเท่านั้น”

ชีคซาลซาเอลพยักหน้า พลางกระหวัดไปถึงวันที่เกิดเรื่อง หลังจากประชุมเสร็จพระองค์ก็ปลีกตัวจากความวุ่นวายมานั่งที่สวนหลังวัง และคอยดูนาฬิกาตลอดว่าเมื่อไหร่อิสลัมจะพาคุณหมอสาวมาถึงคูเวอร์เสียที มารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ตัวเองสะดุ้งเพราะรู้สึกเจ็บที่ต้นแขนมาก และด้วยสันชาตญาณทำให้พระองค์มองกลับไปข้างหลังก็พบเพียงหญิงสาวในชุดสีดำปิดหน้าปิดตาวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แม้พระองค์จะตามไปก็ไม่ทันเสียแล้ว ราวกับอีกฝ่ายรู้ทางหนีที่ไล่ภายในวังนี้เป็นอย่างดี และอีกอย่างพระองค์ไม่อยากให้ทุกคนแตกตื่น จึงเดินเลี่ยงกลับตำหนักทางด้านหลังโดยไม่ให้ใครเห็น

“ถ้าไม่ตั้งใจจะยิงจุดสำคัญ ก็แสดงว่าฝีมือการยิงปืนคงจะยังมือใหม่มากๆ อาจจะถึงขั้นไม่เคยจับปืนมาก่อนเลยก็เป็นได้ เอาเป็นว่าข้าจะให้คนจับตานางรับใช้ในวังทุกคนในวังเป็นพิเศษ”

“รวมถึงผู้หญิงทุกคนในวังด้วย ยกเว้นยัยคุณหมอซุ่มซ่าม”

ชีคซาลซาเอลต่อท้านอย่างไม่มั่นใจว่าใครคือมือปืนหญิงคนนั้น เพราะในวังรูปร่างหญิงสาวแต่ละคนก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่เลย

“เรื่องนั้นข้ารู้ ว่าแต่ท่านต้องการองครักษ์เพิ่มหรือเปล่าครับ”

ชีคซาลซาเอลรีบยกพระหัตถ์ขึ้นโบกเป็นการห้าม เพราะการทำอย่างนั้นเท่ากับบอกให้คนอื่นรู้กลายๆ ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

“มีเจ้าคนเดียวก็พอแล้ว และข้าเองก็จะระวังตัวให้มากขึ้น อีกอย่างมีคุณหมอสาวอยู่ใกล้ตัวจะกลัวอะไรจริงไหม”

“หมอนะครับไม่ใช่เกราะกันกระสุน”

เอ่ยจบทั้งสองก็หัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ ที่ได้เอาคุณหมอสาวที่ตอนนี้คงกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการผ่าตัดมาล้อเล่น

การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีทุกอย่างเป็นที่พอใจ ดังนั้นเมื่อออกจากห้องผ่าตัดคุณหมอสาวจึงขอตัว แต่เดินออกมาก็พบอิสลัมนั่งรออยู่หน้าห้อง คุณหมอสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าชายหนุ่มม่นั่งรอใคร รอเธอหรือ รอทำไม และไม่ให้ความสงสัยค้างคาใจนานเธอจึงเดินเข้าไปทักอิสลัม

“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ”

“ยังครับรอคุณหมออยู่ นี่เสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นไปครับ ท่านชีครออยู่ที่ห้องทำงาน แล้วเราจะได้กลับกันเลย”

ว่าแล้วร่างสูงก็ยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงและจะเดินนำไปโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดอะไรเลย เดือดร้อนคุณหมอสาวที่ต้องรีบก้าวยาวไปให้ทันแล้วถามอย่างงงงวย

“กลับ แต่มันยังไม่ได้เวลาเลิกงานเลยนะคะ”

“ยังหรอกครับ แต่เย็นนี้ท่านชีคจะพาคุณหมอเข้าพบท่านชีคจารีกับทุกคนในครอบครัว เลยต้องมีการเตรียมตัวนิดหน่อย”

“ก็ไหนท่านชีคบอกว่าไม่จำเป็นต้องพบใครไงคะ พบแค่ท่านชีคคนนี้คนเดียวก็พอ”

“นั่นมันเมื่อวานครับ ไปเถอะครับ ถ้าติดใจสงสัยอะไร คุณหมอค่อยไปถามท่านชีคเองดีกว่า ท่านน่าจะให้คำตอบที่ดีได้”

“อ๋อ ค่ะ”

อุรัสยารับคำอย่างเข้าใจอะไรง่ายๆ คล้ายกับไม่คิดอะไร แต่พอคิดว่าจะได้เข้าพบท่านชีคผู้ปกครองรัฐคูเวอร์แล้วความตื่นเต้นเมื่อยามก่อนได้พบชีคซาลซาเอลก็ก่อตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกจะทวีขึ้นเป็นเท่าตัวกันเลยทีเดียว

อุรัสยาหันไปมองชีคซาลซาเอลกับบรรยากาศนอกรถสลับกันไปมาอยู่นานจนแน่ใจว่าไม่ใช่เส้นทางที่ผ่านมาเมื่อเช้า แม้จะเพิ่งเคยผ่านเพียงครั้งเดียวแต่เธอก็จำได้ดี

“เราจะยังไม่กลับเหรอคะ หรือว่าเปลี่ยนเส้นทาง”

“เราจะไปเดินตลาดกันหรือคุณไม่อยากไป”

ชีคหนุ่มตรัส ก่อนจะกลั้นพระสรวลเอาไว้แทบไม่อยู่ เมื่อคุณหมอสาวที่ดูจะสนใจนอกตัวรถมากกว่าคนในรถรีบหันกลับมาตอบรับทันควัน

“ไปค่ะไป เมื่อวานนั่งรถผ่านฉันยังคิดไว้เลยนะคะว่าว่างๆ จะมาลองมาเดินดู แต่ไม่คิดว่าจะได้มาไวกว่าที่คิด แถมมากับท่านชีค คราวนี้แหละเวลาซื้อจะได้ต่อราคาได้เยอะๆ หน่อย”

ว่าพลางทำท่าถูไม้ถูมือ และกิริยาอย่างไม่มีจริตของหญิงสาวก็ทำให้ชีคซาลซาเอลพระสรวลออกมาเสียงดังอย่างอดไว้ไม่ได้

“หัวเราะอะไรคะ”

“ผมเพิ่งรู้ว่าการที่คุณยอมไปเดินตลาดพร้อมผมจะมีนัยยะแอบแฝง”

“ก็นิดหนึ่งค่ะ”

อุรัสยาบอกพลางยิ้มเขิน ก่อนจะทำน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นความคึกคักของตลาดอยู่ไม่ไกล

“อุ๊ย! นั่นไงจะถึงแล้วใชไหมคะ”

“ครับ”

เท่านั้นคุณหมอสาวก็ค้นกระเป๋าเอาฮิญาบที่เธอพกมันติดตัวตลอดขึ้นมาคลุมศีรษะ ซาลซาเอลเห็นแล้วก็ได้แต่ถามอย่างแปลกใจว่า

“นี่คุณพกฮิญาบมาด้วยเหรอ ที่จริงคุณไม่ต้องคลุมก็ได้

“ไม่เอาหรอกค่ะ ฉันไม่อยากเป็นอะไรที่แปลกแยก และฉันคิดว่าจะมาซื้ออีกสักสี่ห้าผืนจะใช้ผืนนี้แค่ผืนเดียวคงไม่ดีสักเท่าไหร่ เดี๋ยวคนเดินผ่านจะทนกลิ่นไม่ไหว”

บอกเสียงกลั้วหัวเราะและเป็นจังหวะเดียวกับมาถึงตลาดพอดี เมื่อรถจอดสนิทอุรัสยาก็ไม่รอช้ารีบลงจากรถอย่างตื่นเต้น เพราะด้วยอาชีพคุณหมอทำให้ไม่มีเวลาว่างมากนักที่จะพาตัวเองไปเที่ยวในต่างแดน

“ตลาดคึกคักดีนะคะ”

“เดินเข้าไปข้างในยิ่งจะคึกคักกว่านี้ ที่นี่คือศูนย์รวมของชาวบ้าน พูดง่ายๆ คุณสามารถเห็นคนทุกประเภทได้ที่นี่”

ชีคซาลซาเอลทรงอธิบาย ขณะที่อุรัสยาฟังไปกวาดสายตามองไปรอบอย่างตื่นเต้น และเป็นอีกครั้งที่มีเสียงทักทายดังมาจากพ่อค้าขายตลอดทางที่เธอกับชีคหนุ่มเดินผ่าน

“ท่านชีค ท่านชีคซาลซาเอลจริงๆ ด้วย มาช็อปปิ้งเหรอเพคะ”

แม่ค้านางหนึ่งเอ่ยทักพร้อมกับทำความเคารพ อย่างเช่นทุกครั้งที่ชีคซาลซาเอลรัชทายาทอันดับสองของรัฐคูเวอร์ทรงมาเดินตรวจตราที่ตลาด

“พ่อค้าแม่ค้าที่นี่ดูสนิทกับท่านดีจังเลยนะคะ”

“ผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์ มาเดินตรวจตราและเดินซื้อของด้วยเล็กๆ น้อยๆ เรื่อยเปื่อยตามประสา”

ชีคหนุ่มพูดจบอุรัสยาก็หัวเราะคิก พระองค์ตรัสเหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มาหาซื้อของถูกใจที่ตลาด และการมาครั้งนี้เธอก็แน่ใจว่าชีคซาลซาเอลมาตรวจตราตลาดประจำอาทิตย์อย่างที่ได้บอกกับเธอก่อนหน้านั้น

“ท่านขยันดีนะคะ การลงมาดูมาเห็นอะไรด้วยตาตัวเองมันจะสามารถทำให้เราทราบถึงสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ และเท่าที่เดินดูตลาดที่นี่ดูพัฒนามากอยู่นะคะ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกลิ่นอายวัฒนธรรมตลาดแบบเก่าๆ อยู่”

“สิ่งไหนที่ควรพัฒนาเราก็จะพยายามพัฒนาไม่ให้ล้าหลังจนเกินไป แต่สิ่งไหนควรเก็บรักษาเราก็คงไว้พร้อมกับบูรณะหากเกิดความเสียหาย”

“ฉันชอบแนวคิดนี้นะคะ โอะ! กำไลแขนสวยจังเลย ขอเวลาเลือกซื้อแป๊บหนึ่งนะคะ”

ขออนุญาตเสร็จหญิงสาวก็ปลีกตัวตรงไปที่ร้านแฮนด์เมด ซึ่งมีเครื่องประดับอยู่หลายชนิด แต่ที่ถูกใจคุณหมอสาวที่สุดก็คงเป็นกำไลแขน ที่มีอยู่หลากหลายแบบให้เลือก คุณหมอสาวยืนจับยืนจ้องอยู่นานก็ได้กำไลที่มีระย้าต่อเป็นแหวนมาสามอันและทั้งสามอันนั้นก็มีแบบและสีที่แตกต่างกันไป เธอลองใส่แล้วถอดถอดแล้วใส่อยู่อย่างนั้นหลายรอบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าสีไหนเหมาะกับตัวเอง จนกระทั่ง…

“ผมว่าสีนี้เหมาะกับคุณนะ”

ชีคหนุ่มหยิบกำไลต่อแหวนที่มีเม็ดพลอยสีแดงมาสวมให้กับหญิงสาว ก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้กับแม่ค้าที่ยิ้มหน้าบาน

“ขอบพระคุณเพคะท่านชีค”

“เอ่อ…ฉันเองก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ มันเป็นของชิ้นแรกที่ได้จากที่นี่แถมได้จากคนที่ชาวรัฐคูเวอร์รักและเคารพ ฉันเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีค่ะ”

บอกก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นมาดูอย่างพอใจ แล้วแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าเธอใส่ชุดอาหรับราตรีเข้าไปนี่เป็นนางรำได้เลยนะเนี่ย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าชีคซาลซาเอลที่ซื้อของชิ้นแรกให้เธอมีสีพระพักตร์เช่นไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel