ทุกอย่างล้วนมีที่มา
จื่อหรานยิ้มหวานก่อนจะดึงแขน ฮุ่ยหนิงจากมาไม่ใช่ไม่อยากต่อกรแต่สิ่งที่จื่อหรานจะทำสำคัญกว่าการมาฉกชิงห้องที่ทำเลดี ไร้สาระสิ้นดีเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมจะเอามาเป้นอารมณืทำให้เสียการใหญ่ได้อย่างไร
“ดีมาก ต่อไปจะได้เข้าใจว่าข้าฐานะไม่ธรรมดา”หลัวซานซาน ยิ้มอย่างเป็นต่อ
จื่อหรานนอนพลิกตัวไปมาอากาศค่อนข้างเย็น ฮุ่ยหนิงหลับไปแล้ว ลุกจากแท่นนอนหยิบเสื้อคลุม มาคุลมทับร่างบางห่อไหล่ด้วยความหนาวเหน็บเมื่อเปิดประตูห้องออกไป เงาไหวบนหลังคา ใครบางคนทะยานลงในห้องๆหนึ่งของที่พำนักนางใน
จื่อหรานอดสงสัยไม่ได้ เร้นกายในเงามืด ตามร่างดำทะมึนไปทันที
ห้องที่จือหรานพึ่งจะถูกแย่งชิงไปนั่นเอง ใช้หูแนบประตูเสียงคนสองคนคุยกันแต่ฟังไม่ได้ศัพท์
ถอยออกมาในใจกลับคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“อุ๊ป”ชนเข้ากับร่างของใครบางคนที่ใช่มืออุดปากไว้แน่น กระซิบข้างๆ หู
“คุณหนูอย่าเสียงดัง”ร่างใครคนนั้นรวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนแนบสนิท
ดึงตัว จื่อหรวนให้ถอยห่างออกมาจากห้องนั้น
“ปล่อย”
“รับปากก่อนว่าจะไม่เสียงดัง”จื่อหรานพยักหน้า อีกคนจึงปล่อยมือ
“ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้เด็ดขาด”
“ทำไมต้องเชื่อท่านด้วย”
“เพราะข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ รับคำสั่งโดยตรงจากฝ่าบาทให้มาคุ้มกันพวกคุณหนู” กระบี่ในมือตวัดกลับหลังร่างดำทะมึน กับชุดพรางตัวล้มลงขาดใจตาย สีดำของเลือดไหลเปรอะเปื้อนพื้น จื่อหรานไม่ปริปากสักคำหากเป็นหญิงนางอื่นคงกรีดร้องอย่างเสียขวัญ องครักษ์หนุ่มเก็บความสงสัยไว้ในใจ เหตุใดคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้นี้ถึงเห็นการตายเป็นเรื่องสามัญ
“กลับห้องของเจ้าไปเสีย”จื่อหรานไม่รอช้ารีบสาวเท้ากลับไปที่ห้องทันที
ทิ้งตัวลงนอนบนแท่นอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยังตะแคงหูฟัง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจนกระทั่งเผลอหลับไป
เช้ามา เสียงตะโกนของ หัวหน้าผู้ฝึกสอนนางในดังลั่น จื่อหรานวิ่ง ออกมาฮุ่ยหนิง วิ่งตามปักปิ่นผม ที่เกล้าให้อย่างรวดเร็ว
จื่อหรานอดที่จะเหลือบตามองกองเลือดที่ไหลรินเมื่อคืนหน้าห้องนั่นไม่ได้ ทว่ากลับไม่เห็นมันไม่มีซึ่งร่องรอย จะถามผู้อื่นดีไหมเรื่องใหญ่เช่นนี้ทำไมไม่มีใครทำท่าว่ารับรู้เรื่องราวใดๆ จื่อหรานฝันไปหรือไร เห็นทีต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่แน่คนผู้นั้นอาจให้คำตอบได้องครักษ์หลวงผู้นั้น
การเรียกชื่อและขาน ตามลำดับก่อนหลังแต่เหมือนถึงน้องสาวของตี้กุ้ยเหรินหลัวซานซานนางหายไปไม่มีใครถามกลับข้ามไปเสียเฉยๆ
“เอาหล่ะ มาครบแล้ววันนี้เราจะมาวัดความสามารถด้านการเย็บปักโดยจะ ให้เวลาสามชั่วยามในแต่ละคน ปัก (เซียงหนัง) ถุงหอมเลือกกลิ่นหอมจากบุปฝา ตากแห้ง ผสมกลิ่นหอมเอาตามแต่ความสามารถและความชอบในการผสมกลิ่นหอม และเย็บให้สวยงามถุงหอมทั้งหมดจะถูกส่งไปยังฝ่าบาท หากของใครฝ่าบาทเลือกหยิบขึ้นมาใช้ผู้นั้นก็จะได้คะแนนสูงสุด”เหล่าผู้คัดตัวนางในต่างแยกย้ายกันไป
จือหรานเลือกผ้าสีฟ้าคราม และเดินไปหยิบบุหงาแห้งแต่ละชนิดขึ้นมาดอมดมเก็บรวบรวมอย่างละนิดอย่างละหน่อยที่ความหอมใกล้เคียงผสมผสานเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้กลิ่นหอม ของอีกชนิดชัดเจนเรียกว่าเป็นการส่งเสริมกันของกลิ่นหอม
จื่อหราน ปักลายลูกกว้างกับหมาป่าที่ยืนเผชิญหน้ากัน ใช้เวลาเย็บถุงหอมเพียงหนึ่งชั่วยาม
“ไหล (มา) ไหลไหล ถึงเวลาส่งแล้ว”ถาดถูกยื่นมาตรงหน้า ผู้เข้าคัดตัวนางในแต่ละคนวางถุงหอมที่ล้วนแต่สวยงามลงบนถาดสีเงิน คนคุมสอบขมวดคิ้วจ้องมอง ลายปักของจื่อหราน
“คุณหนูท่าน เหตุใดจงใจปักลวดลายที่ทำให้รู้สึกหวาดกล้วเช่นนี้”จื่อหรานยิ้ม
“เดิมที่ข้าอาศัย อยู่มีเพียงป่าเขาก่อนที่ท่านลุงรับตัวกลับมา จึงคิดสิ่งใดไม่ออกนอกจากลาย ปักแบบนี้”
“แม้ฝีมือคุณหนูจะประณีตไม่น้อย แต่เกรงว่า…. อาจจะไม่ผ่านการคัดกรองจากเหล่าขันทีหน้าพระพักตร์”จื่อหรานเพียงแต่ยิ้มๆ
“ข้าไม่ได้คาดหวังอะไร แต่กลัวเหลือเกินว่า ลายปักในถุงหอมของแต่ละคน ไม่มีแปลกใหม่ล้วนแต่เป็นดอกไม้ และนกหยวนยาง เมื่อฝ่าบาททัศนาแล้วก็จะบังเกิดความเบื่อหน่าย พวกท่านคงต้องคิดเองแล้ว ผู้มาคัดเลือกนางในเช่นข้าไม่บังอาจออกความเห็น”
ยิ้มบางบางจนเกือบกลายเป็นหวาน คำพูดของจื่อหรานสะดุดใจคนคุมสอบไม่น้อย