ปฐมบท
ควันไปลอยอ้อยอิ่ง อยู่บนกองเถ้าถ่านเศษไม้เศษซากของบ้านตระกูลจู ที่ถูกเผาจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน จูจื่อหรานชันเข่าทอดอาลัยต่อสิ่งที่เห็น น้ำตาเพิ่งจะเหือดแห้งไป สาวใช้ข้างกายลากตัวจูจื่อหรานออกจากตระกูลจู ที่บัดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นกบฏไปเสียแล้วการประหารในทันทีจึงไม่อาจรีรอ สาวใช้จับตัวจูจื่อหรานเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชาวบ้าน ทั้งๆ ที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อภาพตรงหน้าคือมารดาที่ถูกกระบี่เสียบเข้ายอดอกจนทะลุ
“กรี๊ด ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่" ถูกลากถูลู่ถูกังออกมาจากตรงนั้นจากภาพบาดตาไม่มีคำสั่งเสียและอำลาแม้แต่คำเดียว
“ฝ่าบาทบัญชาให้ประหารทุกคนในตระกูลอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว”เสียงองครักษ์เกราะทองที่มีเพื่อฆ่าล้างตระกูลจูออกคำสั่ง
สาวใช้นางหนึ่งยอมสละชีพแทนจูจื่อหราน สวมอาภรณ์ของจูจื่อหรานหลอกล่อพวกทหารไปเสียอีกทางก่อนจะโดนฆ่าตายในทันทีเช่นนั้นยคถุณหนูบ้านจูจูจื่อหรานจึงตายไปเสียแล้ว
“คุณหนู หนีไปเถิด อย่า รั้งอยู่ที่นี่เลยมันอันตรายไม่น้อย”ฮุ่ยหนิงที่เติบโตมาพร้อมกันกล่าวออกมาด้วยความห่วงใยในเมื่อทุกคนตายแล้วทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือหนีไปเสีย
“ฮุ่ยหนิงปล่อยข้าไว้ที่นี่เถิดเจ้าหนีไปเสีย” สาวใช้ส่ายหน้าไปมา
"มีชีวิตอยู่เท่านั้น นายท่านสั่งฮุ่ยหนิงว่าให้คุณหนูมีชีวิตอยู่ จะต้องเป็นอย่างคำของนายท่านนายท่านสั่งเสียเช่นนั้นคุณหนูกลฃ้าขัด”ปาดน้ำตา ที่ไหลอาบแก้ม
“ อย่างนั้นให้ข้าได้พบท่านแม่กับท่านพ่ออีกสักครั้ง ข้าอยากกล่าวลาพวกเขาก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีก”สาวใช้พยุงให้ลุกขึ้น เนื้อตัวผมเผ้ารุงรัง ไม่น่ามองอีกทั้งอาภรณ์ที่สวมใส่ก็ขาดวิ่นไร้ราศี
เสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล
“ฝ่าบาท ระวังขอรับที่นี่ไม่ปลอดภัย”
เสียงตะโกนตามหลังมา ฮุ่ยหนิงรีบกดศีรษะของจื่อหรานให้หมอบลงกับเศษซากของบ้านที่ถูกเผาราบ ฝีเท้าม้าหยุดลง ไม่ไกลนัก
“ไม่ทัน เรามาไม่ทัน”
น้ำเสียงเศร้าสร้อย เสียงฝีเท้าม้าจากไปจูจื่อหราน ลุยกองเถ้าถ่านหาร่างไร้วิญญาณของบิดาและมารดา ไม่มีอะไรเหลือล้วนเป็นจุณไปเสียแล้ว
ทุกอย่างเงียบหายไปราวกับสายลม
หลายเดืนต่อมา
จื่อหรานยืนแหงนหน้ามองประตูวังหลวงที่สูงตระหง่าน ฮุ่ยหนิงยืนอยู่ข้างๆสุดลมหายใจเข้าลึกๆที่ผ่านมาได้ทุกวันเพื่อรอวันนี้วันที่จะได้มายืนอยู่ตรงนี้
“คุณหนูแน่ใจแล้วหรือเจ้าค่ะ”
“แน่ใจเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะคืนความเป็นธรรมให้ตระกูลจูอีกทั้งยังเป็นที่ที่ข้าจะมีชีวิตรอดอย่างที่ท่านพ่อต้องการ แต่มิใช่แค่มีชีวิตรอดอย่างเดียวจะต้องทวงความเป้นธรรมคืนให้ตระกูลจู” ทหารยืนอารักขาหน้าประตู จื่อหรานก้าวขาไปข้างหน้าอย่างมั่นคงไร้ซึ่งความกลัวต่อจากนี้จะต้องอาศัยความกล้าทเท่านั้น
“คุณหนูมาจากตระกูลใดกัน”เสียงขันทีคัดกรองจากหน้าประตูวังถามขึ้น
จื่อหรานหยิบตราประจำตระกูลของตระกูลจ้าวส่งให้ขันที
ก่อนหน้านั้น
“ท่านลุงจื่อหราน ขอร้องท่านรับรองจื่อหรานในฐานะคนของตระกูล เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนด้วยเถิด”ใต้เท้าจ้าวลูบเครายาวขึ้นลง
“จื่อหรานไม่มีสิ่งใดทำลายความสัมพันธ์ของเราสองตระกูล นับจากนี้เป็นตายไม่หวั่นนี่คือตราของตระกูลจ้าว บอกพวกเขาว่าเจ้าเป็นหลานของใต้เท้าจ้าว เพิ่งเดินทางมาจากแคว้นเหลียงนามจ้าวจื่อหราน”
จื่อหรานคุกเข่าลงกับพื้นซ่อนหยาดน้ำตาไว้จนมิดต่อไปนี้ไม่มีแล้วหยาดน้ำตาที่จะไหลรินออกมาให้ใครเห็น ลุงจ้าสวไม่ถามสักคำว่าจื่อหรานจะเข้าไปทำไมในวังหลวงหากทิ้งความสงสัยไว้แค่นั้น
“เข้าไปได้ ใต้เท้าจ้าวให้คนส่งข่าวแล้วว่าคุณหนูจะมา สาวใช้ให้ตามได้อย่างน้อยสองคนคุณหนูต้องการเพิ่มจำนวนสาวใช้หรือไม่”
จื่อหรานส่ายหน้าร่างบางระหงเชิดตัวตรง ก้าวเดินด้วยท่าทีมั่นคง ไม่ว่อกแว่กต่อจากนี้เป็นตายไม่หวั่นเพื่อทวงความเป็นธรรมและแก้แค้น
“เพล้ง”ฮ่องเต้โจวเหวินหรง ปาจอกชาลงตรงหน้าเสียงดังสนั่นขันทีรีบคุกเข่าตัวสั่นเทา
“ชาเย็นชืดเช่นนี้ เจ้าเอาไว้ดื่มเอง”
ขันทีนางในวิ่งจนแทบจะชนกันก้าวเท้าออกมาหน้าตำหนักใหญ่ ใบหน้าเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ทั้งๆ ที่เพิ่งจะระเบิดอารมณ์ออกมา
เบื้องล่างบันไดลงไปชั้นล่างสุดบนลานกว้าง บรรดาผู้ที่สมัครเข้ามาคัดตัวเป็นนางในปีนี้รวมทั้งจื่อหรานเดินผ่าน เป็นแถวยาว
“นางคือใคร ไปสืบมา”ชี้มือไปยัง จื่อหราน ขันทีมองตามมือ ก่อนจะประสานมือไม่มีทีท่าว่าจะถามว่าเพราะอะไรใครกล้าสงสัยกัน
ที่พำนักของเหล่าผู้คัดตัวนางใน
“คุณหนู คืนนี้นอนพักเอาแรงเสียหน่อยพรุ่งนี้คงต้องพบกับบทเรียนมากมาย”ฮุ่ยหนิงปัดกวาดแท่นนอนให้จนสะอาดสะอ้าน
ยังไปทันจะหย่อนกายลงไป ร่างอรชรของใครอีกคนก็ทิ้งตัวลงนอนบนแท่นนอนทันที
“นี่มันที่นอนของข้า เจ้า ไม่รู้หรือไร”จื่อหรานขมวดคิ้ว
“ข้ามาถึงก่อนและจับจองห้องนี้ไว้ก่อน”
“ใครบอกเจ้าเช่นนั้นห้องนี้ทำเลดีที่สุดสามารถออกไปเข้าแถวได้เร็วกว่าผู้ใด เจ้ารู้ไหมข้าคือน้องสาวของตี่กุ้ยเหรินปีนี้อายุครบคัดตัวนางใน เจ้าคงไม่เกรงใจไม่ได้เสียแล้ว”