บท
ตั้งค่า

EP.4 KATT | ว่าที่คู่หมั้น

ฉันออกจากคอนโดเพื่อขับรถไปที่บ้านตั้งแต่ตอนบ่าย

สาม เพราะพ่อจะให้ไปบ้านของพี่ธามพร้อมกัน พอกลับมาถึงคุณแม่บ้านก็รีบปรี่เข้ามาหาทำอย่างกับฉันหายไปเป็นปี ทั้งที่มันแค่อาทิตย์กว่า

"หนูแคท ไม่คิดถึงป้าบ้างเหรอคะ คิดว่ากลับจากญี่ปุ่นจะมาอยู่บ้าน หนีป้าไปอยู่คอนโดอีกแล้ว"

ป้าลี เป็นแม่บ้านที่พ่วงตำแหน่งแม่นมของฉันเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ ท่านเป็นเหมือนแม่ของฉันคนหนึ่งเลยเพราะแม่แท้ ๆ ของฉันเสียไปตั้งแต่ยังเด็ก

"คิดถึงสิคะ อย่าน้อยใจไปเลยนะ" ฉันเดินเข้าไปกอดป้าลีแน่น ๆ เพื่อให้ท่านหายคิดถึงก่อนจะผละออก "พ่ออยู่ในห้องหรือเปล่าเอ่ย"

"อยู่ห้องทำงานชั้นล่างค่ะ" ป้าลีบอกแล้วมองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอามือทาบอกอย่างภูมิใจ "วันนี้แต่งตัวเรียบร้อย น่ารักมาก ๆ  ทำป้าหายใจสะดวกบ้างแบบนี้"

ฉันขำเบา ๆ กับท่าทีที่ป้าลีทำ แกคงหายใจสะดวกอย่างที่ว่าเพราะวันนี้ฉันตั้งใจแต่งเดรสโทนสีอ่อน ๆ  ความยาวเกือบถึงเข่าแล้วไม่โป๊อย่างที่ป้าลีชอบบ่นเป็นประจำ

"วันนี้จะไปเจอพี่ธาม ไม่อย่างนั้นแคทจะเปรี้ยวให้ป้าลีดูอยู่แล้วล่ะ" ฉันแกล้งแหย่เมื่อเห็นสาววัยห้าสิบกว่าทำหน้าเครียดยิ่งอยากแกล้ง

"อย่าเลยค่ะ แบบนี้น่ารักกว่า แบบนั้นคนเห็นมันล่อเสือล่อจระเข้ มันอันตราย"

ฉันยิ้มแล้วพยักหน้า ไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องที่แกบ่น คงบ่นตามประสาคนแก่ที่เป็นห่วงเรา ส่วนเรื่องที่จะเลิกใส่เสื้อผ้าแบบนั้นคงยากเพราะฉันชอบแต่งตัวแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ก็พอรู้ว่าควรแต่งแบบไหนไปงานไหน

 

หลังจากพูดคุยกับป้าลีแล้วฉันก็ขึ้นห้อง หยิบเสื้อผ้าบางตัวที่ชอบใส่ติดมือมาเก็บไว้ในรถของตัวเอง ครู่ใหญ่ก็ลงมารอพ่ออยู่ด้านล่างเพราะท่านกำลังคุยธุระกับแขกอยู่

เมี๊ยว~

เสียงของสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดดังขึ้นขณะที่ฉันเดินเล่นอยู่สวนหย่อมเยื้องหน้าบ้าน พอสอดสายตามองก็เห็นเจ้าแมวสีเทาตัวน้อยหลบอยู่ตรงพุ่มไม้

"เหมียว ไปทำอะไรตรงนั้น" ฉันถามมันแล้วมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นมีพวกของมันสักตัวคิดว่ามันคงหลงเข้ามาอยู่ในนี้แน่ ๆ

บ้านนี้ไม่มีทางได้เลี้ยงแมวหรอกเพราะพ่อของฉันไม่ชอบให้เลี้ยงสัตว์ จำได้ว่าตอนเด็กฉันแอบเอาแมวจรมาเลี้ยงในห้องตัวเองโดนพ่อด่าจนร้องไห้ แถมท่านยังให้คนเอาแมวตัวนั้นไปปล่อยวัดอีก

เมี๊ยว~

แมวเด็กร่างกายผอมโซเดินอย่างระแวดระวังเข้ามาใกล้ มันทำราวกับรู้ว่าฉันชอบแมวมากขนาดไหน เพราะพอมาถึงก็เอาหน้ามาคลอเคลียที่รองเท้าของฉันด้วยสีหน้าอ้อน ๆ

"ว่าไงเจ้าแมวเทา" ฉันนั่งยอง ๆ ลงไปหามัน ใช้นิ้วชี้ลูบหัวของมันอย่างเอ็นดู ร่างกายที่ผอมโซทำให้รู้ว่ามันคงหิวมากเต็มทน "รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวเรามา"

ฉันเดินเข้าไปในครัวหาของที่มันพอจะทานให้พอประทังชีวิตได้ออกมา แล้วมันก็รออยู่ที่เดิมจริง ๆ  จนฉันทึ่งหรืออาจจะเป็นเพราะมันเดินไปไหนไกล ๆ ไม่ไหวแล้ว

"กินซะจะได้มีแรง" ฉันยื่นจานที่มีข้าวกับเศษปลาทอดไปให้ พอมันเห็นก็ร้องครวญครางเหมือนดีใจแล้วค่อย ๆ ทานอย่างใจเย็น "มารยาทดีจัง เป็นแมวผู้ดีสินะ"

ฉันนั่งมองมันจนมันอิ่มท้องครู่ใหญ่คนขับรถก็เดินมาเรียก จึงจำใจต้องบอกลามัน ไม่รู้ว่าต่อจากนี้มันจะไปอยู่ที่ไหน แต่ทำยังไงได้ล่ะฉันจะให้มันอยู่ที่บ้านนี้ก็ไม่ได้

 

รถเคลื่อนเข้าสู่รั้วบ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรปภายในเวลาชั่วโมงครึ่ง บ้านหลังนี้ถูกสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามให้สมกับฐานะและชื่อเสียงของเจ้าของบริษัทส่งออกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศ

"รู้ใช่ไหมว่าวันนี้พ่อจะมาคุยเรื่องไหน"

ผู้ชายวัยห้าสิบที่ฉันผูกพันมาตั้งแต่เด็กเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่ง ท่านเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร จนทุกคนมองว่าน่าเกรงขาม แต่สำหรับฉันท่านก็ยังเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันที่สุดและใจดีที่สุดถึงแม้ว่าบางครั้งจะโดนดุบ้างก็ตาม

"ค่ะ" ฉันตอบด้วยท่าทางสงบ

มันไม่ได้ตื่นเต้น กลัว หรือกังวลอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเรื่องนี้ถูกตอกย้ำให้รับรู้มาตั้งนาน ช่วงแรกก็ทำใจไม่ได้หรอกแต่พอโตขึ้นถึงรู้ว่าเราควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ฉันถึงไม่เคยทำความรู้จักกับความรักเลยสักครั้ง

เราถูกต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนในบ้านของพี่ธาม คุณลุงกับคุณป้านั่งพูดคุยกับพ่ออย่างสนิทสนม ส่วนฉันเลือกที่จะออกมาเดินเล่นหลังบ้านหลังนี้เพราะมันเป็นที่ประจำเวลาที่พ่อพามาเยี่ยมผู้ใหญ่

"ไม่เจอกันนาน คนสวยของพี่สวยกว่าเดิมจนจำไม่ได้"

เสียงเข้มของว่าที่คู่หมั่นดังขึ้น ตอนที่ฉันกำลังตั้งใจถ่ายรูปดอกกุหลาบสีแดงสดที่กำลังเริ่มผลิบาน มันสวยมากจนฉันอยากเด็ดไปใส่แจกัน แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันคงสวยได้อีกแค่ไม่แค่กี่วันและร่วงรวยเร็วกว่าอยู่บนต้น

"มาช้าขนาดนี้ ไม่เห็นว่าที่เจ้าสาวอย่างน้องสำคัญเลยนะคะ" ฉันหันไปยิ้มให้หนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ที่ดูดีจนน่าหลงใหล

"ถ้าเราไม่สำคัญใครจะสำคัญกับพี่อีกครับ"

พี่ธามบอกแล้วก็ยิ้ม เราสองคนอายุห่างกันราวสิบปี เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมีระดับจนสาว ๆ หลายคนอยากถวายตัวให้ แต่ก็นั่นแหละ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นพี่ธามมีแฟนเลยสักคน หรือบางที่เขาอาจจะมีความคิดแบบเดียวกับฉัน

"พี่ธามรู้เรื่องที่ผู้ใหญ่จะคุยกันบ้างไหม"

ฉันเอ่ยปากถาม ถึงแม้จะรู้มาแล้วว่าวันนี้พวกผู้ใหญ่คงมาคุยกันเรื่องหมั้นหมายแต่ก็ไม่รู้ข้อมูลลึก ๆ  จะพูดว่าไม่ได้สนใจเลยก็ได้ คงไม่ผิด

"ถ้าบอกว่าพี่ไม่รู้ไม่สนใจเลยเราจะน้อยใจไหม"

"ไม่หรอกค่ะ น้องก็ไม่ได้สนใจเลย"

เราต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ฉันอยากถามเขาว่าเราพอจะมีวิธีอื่นหรือเปล่าแต่มันคงทำให้ตัวเองดูไม่ดี ยิ่งถ้าผู้ใหญ่รู้เข้าพ่อคงเสียหน้า

"พี่เพิ่งกลับมาจากดอย"

"ที่นุ่นใกล้เสร็จหรือยังคะ"

"ใกล้แล้ว ปลายปีนี้ก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้า"

พี่ธามซื้อที่ดินทางเหนือไว้หลายร้อยไร่เพื่อเปิดเป็นอาณาจักรของตัวเองอีกแห่ง นอกจากรีสอร์ทที่อยู่บนเกาะขึ้นชื่อของประเทศ ฉันเองก็ไม่เคยไปเที่ยวเลยสักครั้ง

"ไว้น้องว่างเมื่อไหร่จะไปเที่ยวนะ"

"ได้เสมอ ถ้าพี่ว่างจะพาทัวร์ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไปเองนะ"

"ใจร้าย"

พี่ธามหัวเราะชอบใจ แล้วเราก็ชวนกันคุยเรื่องอะไรเรื่อยเปื่อย สำหรับพี่ธามแล้วเขาเหมือนพี่ชายที่ใจดีคนหนึ่งของฉันจริง ๆ  ไม่รู้เลยว่าถ้าเราแต่งงานกันจะต้องใช้ชีวิตยังไง หรือต่างคนต่างอยู่ ทำตามความฝันตัวเองเหมือนทุกวันนี้

"เข้าไปข้างในกันไหมคะ ผู้ใหญ่คงรอเราแล้ว" ฉันเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นว่าเวลามันเริ่มค่ำลงแล้วแต่ยังไม่มีใครมาเรียกสักที

"อืม แคทเข้าไปก่อนเดี๋ยวพี่ตามไป"

เขาบอกแล้วหันไปคุยกับลูกน้องคนสนิทที่ฉันเองก็เคยเห็นอยู่บ่อยที่บ้านหลังนี้ พอเห็นสีหน้าเครียด ๆ ของเขาฉันก็รีบเดินหนีเพราะไม่อยากวุ่นวายเรื่องของเขา ก่อนเดินเข้าบ้านมานั่งที่โต๊ะอาหารกับผู้ใหญ่

"ไม่เจอกันนานมาก ไม่แวะมาเที่ยวหาป้าบ้างเลยนะลูก" แม่ของพี่ธามเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มแต่ส่งสายตาตำหนิมาให้

ฉันรู้จักท่านในฐานะผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง ส่วนพ่อของพี่ธามนั้นไม่ได้พูดคุยกันมากนัก ท่านเองก็คงคล้าย ๆ พ่อ ไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่

"หนูยุ่งกับการเปิดร้าน ขอโทษคุณป้าด้วยนะคะ"

"ไม่เป็นไรเลยจ๊ะ แต่หลังจากนี้ต้องมาบ่อย ๆ แล้วนะ" ท่านพูดอย่างมีนัยยะแล้วยิ้มกริ่มจนเห็นรอยย่น แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังสวยเหมือนรูปตอนสาว ๆ

"ได้เลยค่ะ"

ฉันรับปากไปอย่างมีมารยาทและไม่ได้อคติกับใคร อนาคตยังไงฉันก็คงต้องดองกับบ้านนี้ ถึงแม้ว่าจะตกลงกับพี่ธามเอาไว้แล้วว่าเราจะใช้ชีวิตกันอย่างอิสระ แต่สำหรับผู้ใหญ่เขาไม่ได้มาเข้าใจ

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel