บทที่ 3...ลวงรักซ่อนเล่ห์...
แม้บรรยากาศภายนอกบ้านพฤกษวัฒก์ที่สวยงามจะดูเงียบสงบเพียงใดก็ไม่อาจปกปิดความวุ่นวายโกลาหลของคนในบ้าน ห้องทุกห้องถูกเปิดออกรื้อค้นทุกซอกทุกมุม โดยมีเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิดอายุสี่สัปดาห์เศษกับเสียงปลอบของมารดาผู้โศกเศร้าต่อการหายไปของลูกสาว คนรับใช้หลายคนจับกลุ่มยืนฟังรับคำสั่งจากหัวหน้าคนงานแยกย้ายกันออกค้นหาทั้งในรั้วนอกรั้วบ้านและกระจายออกจนทั่วพื้นที่ในไร่กว้างไพศาล
“โธ่...ภัสสรา...ลูกรักของแม่ ลูกอยู่ที่ไหน โอ๋...ภาสินี...อย่าร้องนะลูกนะ คุณพ่อกำลังมาแล้วนะจ๊ะ”
ผู้เป็นมารดากอดลูกแฝดคนเล็กเดินกลับไปกลับมาด้วยความว้าวุ่นใจ หลังจากรู้ว่าลูกสาวแฝดคนโตหายตัวไปจากห้องเลี้ยงเด็กในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยคุณภาคย์ผู้สามีที่มีธุรกิจการงานหลายอย่างต้องเดินทางไปดูงานตามจังหวัดใกล้เคียงมีกำหนดกลับอีกสองสามวัน แต่ก็มาเกิดเรื่องการหายไปของลูกสาวขึ้นเสียก่อน
“คุณภาคย์กลับมาแล้วค่ะ”
ราณีเห็นหน้าสามีก็น้ำตาไหลพราก ไม่ต้องมีคำพูดใดๆจากผู้เข้ามากอดทั้งแม่ทั้งลูกไว้ในอ้อมแขน เธอสะอื้นฮักอย่างเก็บกลั้นไม่อยู่เมื่อรู้สึกถึงน้ำตาของผู้เป็นสามีที่ไหลหยดลงมาโดนแขนที่โอบกอดจึงซบหน้าแนบอกกว้างอบอุ่นที่บัดนี้สะท้อนเบาๆจากความอาดูร
“พี่ขอโทษ ที่ไม่ได้อยู่ดูแลน้องกับลูก”
ภาคย์พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดนิ่งไป ลำคอตีบตันจนไม่อาจกล่าวคำปลอบใจภรรยาที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่เขาเองก็ไม่ต่างจากภรรยาสักเท่าไหร่ ทั้งยังเกิดความละอายใจที่เขาไม่ได้อยู่บ้านหลังจากภรรยาคลอดบุตรได้เพียงเดือนกว่าเพราะมีงานด่วนที่ต้องรีบไปจัดการ แต่พอรู้เรื่องลูกสาวเขาก็รีบเดินทางกลับมาทันที
“น้องเข้าใจค่ะ คุณพี่ได้คุยกับตำรวจหรือยังคะ” ฝ่ายภรรยาถามขึ้นเมื่อสงบจิตใจได้ เธออยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสของการหายไปของลูกสาวอย่างไร
“คุยแล้วจ้ะ ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจเป็นการขโมยเพื่อเรียกค่าไถ่ พวกมันอาจจะติดต่อกลับมาเร็วๆนี้”
“แล้วใครกันคะที่เข้ามาขโมยลูกของเราไป คนในบ้านก็อยู่กันมากมาย ทำไมไม่มีใครรู้เห็นเลย แม้แต่น้องกับบุหงาก็นอนหลับสนิทจนถึงเช้า”
“ตำรวจตั้งข้อสงสัยหลังจากสอบปากคำทุกคนแล้วว่าคนในบ้านอาจถูกวางยานอนหลับ เพราะไม่มีใครตื่นขึ้นมาช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนจนสว่างของวันใหม่เลยสักคน”
“บ้านเรามีรั้วรอบขอบชิดอย่างนี้ จะมีคนแปลกหน้าเข้ามาวางยาได้หรือคะ”
“นั่นสิ พี่ก็คิดไม่ออกเหมือนกัน คงต้องรอให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ก่อน”
“เป็นความผิดของบุหงาเองค่ะ” บุหงาพี่เลี้ยงเด็กเอ่ยรับทั้งน้ำตา นึกก่นว่าตัวเองที่ไม่ดูแลลูกสาวของเจ้านายให้ดีและทำให้เด็กถูกโขมยไป
“บุหงาเล่ามาอีกทีซิว่ายายหนูหายไปตอนไหน” ภาคย์ถามคนรับใช้ที่อยู่ด้วยกันมานานเขาจึงไว้วางใจให้รับหน้าที่ช่วยดูแลเลี้ยงลูกสาวฝาแฝดหลังจากภรรยาพาลูกกลับมาจากโรงพยาบาล
“บุหงากับเด็กผู้ช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมคุณหนูทั้งสองครั้งสุดท้ายตอนหลังเที่ยงคืนแล้วค่ะ มาตื่นขึ้นอีกทีก็เกือบหกโมงเช้า เห็นคุณหนูภาสินีตื่นร้องอยู่คนเดียวก็คิดว่าคุณนายราณีมาพาคุณหนูภัสสราไปที่ห้อง ล้างหน้าล้างตาแล้วจึงอุ้มคุณหนูภาสินีตามออกมา แต่...” บุหงาพูดไม่ทันจบก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความเสียใจ โทษว่าเป็นความผิดของตนที่นอนขี้เซาจึงไม่รู้ว่าลูกสาวของเจ้านายหายไป
“เอาเถอะ บุหงาอย่าโทษตัวเองเลย ไปช่วยขนย้ายข้าวของยัยหนูเข้ามาไว้ในห้องฉันที ต่อไปนี้ตอนกลางคืนฉันกับคุณนายราณีจะดูแลยายหนูเอง”
“ไม่ใช่ ไม่ไว้ใจบุหงาหรอกนะ แต่ฉันกับคุณพี่อยากอยู่ใกล้ๆลูกน่ะ เวลากลางวันบุหงากับเด็กผู้ช่วยก็มาช่วยฉันเลี้ยงยายหนูเหมือนเดิมแหละจ้ะ”
ราณีบอกกับพี่เลี้ยงเด็กที่มีสีหน้าตกใจและร้องไห้หนักยิ่งขึ้นในคำสั่งของคุณภาคย์สามีผู้เป็นใหญ่ในบ้าน แล้วอุ้มลูกสาวที่เหลืออยู่คนเดียวเดินตามสามีเข้ามานั่งบนโซฟาในห้องพักผ่อน กล่อมจนเด็กน้อยหลับจึงนำลงวางในเตียงคอกขนาดเล็กลายดอกไม้น่ารักที่บิดาหาซื้อมาไว้ให้ แต่เมื่อเห็นอีกเตียงหนึ่งว่างเปล่าก็อดร้องไห้ไม่ได้ เมื่อผู้เป็นสามีเห็นเข้าก็เดินเข้ามากอดปลอบใจ
“คุณพี่คะ เราจะได้ยายหนูกลับมาไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ เราต้องได้ตัวยายหนูกลับมา พวกมันจะเรียกร้องเงินสักเท่าไรพี่ก็จะหามาให้ ถึงหมดเนื้อหมดตัวพี่ก็ยอม”
ภาคย์ พฤกษวัฒก์ ผู้รับสืบทอดตำแหน่งคหบดีผู้มั่งคั่งจากบิดาอาดูรต่อการถูกลักพาตัวของลูกสาวแฝดคนโตอย่างหนัก หากเขาย้อนเวลากลับได้ เขาจะให้เวลาดูแลเอาใจใส่ภรรยาและลูกแฝดที่เพิ่งเกิดเพียงเดือนเศษมากกว่านี้
ธุรกิจการงานของภาคย์จำเป็นต้องเดินทางไปดูงานทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศเดือนละครั้งหรือบางเดือนก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่ก่อนหน้าที่ราณีภรรยาของเขาจะตั้งครรภ์ เขาก็มักจะพาเธอร่วมเดินทางไปด้วยกัน มาหยุดเอาเมื่อเธอตั้งครรภ์ลูกสาวแฝดที่เขาแอบผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ลูกคนโตเป็นผู้ชาย แต่พอลูกคลอดออกมาเขาก็รักลูกสาวทั้งสองดังดวงใจ
ความรู้สึกผิดของภาคย์มีต่อภรรยาและลูกเพิ่มมากขึ้นจากความประพฤติที่เขามีหญิงสาวอีกคนเข้ามาพัวพันในช่วงเวลาที่ภรรยาตั้งครรภ์ และกำลังถูกหญิงสาวผู้นั้นรบเร้าให้เขาพาเธอมาอยู่ในบ้านพฤกษวัฒก์ โดยอ้างว่าเต็มใจจะยอมรับสถานะภรรยาคนที่สองของเขา ขอเพียงให้เขาเลี้ยงดูเธออย่างออกหน้าออกตาเหมือนภรรยาคนแรก สิ่งที่เธอร้องขอไม่ได้แปลกสำหรับผู้ชายมีฐานะดีอย่างเขา แต่เขายังเกรงใจราณีภรรยาที่แต่งงานเข้ามาร่วมสกุลอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่เขารักมากกว่าหญิงอื่นใด และกลัวเธอจะเสียใจเมื่อรู้ความจริง
ภาคย์ตัดเรื่องหญิงสาวอีกคนออกจากความคิดกังวล โดยมุ่งความสนใจมายังเรื่องของลูกสาวแฝดคนโตที่หายตัวไป เขาพยายามนึกทบทวนว่าใครบ้างที่มีเหตุจูงใจให้กล้าทำเรื่องอย่างนี้ เพราะการลักพาตัวคนในบ้านคหบดีผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดอย่างเขาเท่ากับแหย่ขาเข้าตะรางข้างหนึ่ง และเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรพวกมันจะโทรมาเรียกค่าไถ่ ไม่ว่ามันจะเรียกร้องสักเท่าไรเขาจะไม่ต่อรองสักบาท ขอเพียงได้ตัวลูกสาวของเขากลับมาอย่างปลอดภัย