ลวงรักซ่อนเล่ห์

135.0K · จบแล้ว
ศิรารัย
93
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ยาปลุกกำหนัดทำให้เขาได้ครอบครองเธอก่อนวันแต่งงานตามเงื่อนไขมรดก แต่พอถึงวันแต่งงานจริงเจ้าสาวของเขากลับถูกสลับตัวเป็นแฝดคนพี่และความลับในอดีตได้ถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น *********...หลอน...********* ...ชายหนุ่มหรี่ตามองจ้องอยู่ไม่คลาด ระมัดระวังว่ามันจะทำอะไรกับร่างของเขาที่คิดว่าเป็นภาสินีเจ้าของห้อง แล้วเกร็งตัวตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการจู่โจมเมื่อเห็นมันยื่นมือออกมา แต่กลับเป็นเพียงการกวักเรียกตามด้วยเสียงแหบพร่าเรียกชื่อภาสินีอีกสองสามครั้ง แล้วก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกเรียกซ้ำอีกสองสามครั้งก่อนจะถอยออกไป และค่อยถอยห่างไปทางประตูเรื่อยๆ .... *******รัก******* ....เสียงครางครวญจากริมฝีปากสวยหวานเป็นเสมือนพลังผลักดันให้เจ้าของร่างสูงงดงามด้วยมัดกล้ามราวเทพบุตรแสดงความรักเร่าร้อนยิ่งขึ้นจนในที่สุดสองร่างก็เกร็งสะท้านรับความสุขสุดยอดอันแสนหวานพร้อมกัน อินธานปลดปล่อยทุกหยาดหยดในกาย เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้ว่าความสุขเปี่ยมล้นจากรสเสน่หามิใช่เกิดได้กับหญิงสาวทุกคนที่มีสัมพันธ์รักด้วย ภาสินีช่วยให้เขาได้รู้จักคำว่า...ขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง..ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการดื่มด่ำกับรสเสน่หาร่วมกันช่างเป็นสิ่งอัศจรรย์ยิ่งนัก...

นิยายรักโรแมนติกแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่าเศรษฐี18+21+

บทที่ 1...ลวงรักซ่อนเล่ห์...

...อดีต...

“เราต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกันเสียที”

“ม...หมายความว่ายังไงคะ”

“ตามที่ฉันบอกนั่นละ ต่อไปนี้ห้ามเธอเข้ามาในห้องนอนฉันก่อนได้รับการอนุญาต”

“ทำไม...บุหรงทำอะไรให้คุณภาคย์ไม่พอใจหรือคะ”

“ไม่ใช่เรื่องพอใจหรือไม่พอใจหรอกนะ แต่เป็นเรื่องของความควรไม่ควรมากกว่า บุหรงเป็นคนรับใช้ในบ้านที่ฉันไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย ฉันรับปากคุณแม่แล้วก็ต้องทำตาม ต่อไปนี้เราสองคนจะเลิกเกี่ยวข้องกัน เธออยู่ส่วนเธอ ฉันอยู่ส่วนฉัน แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่งเป็นค่าตอบแทนน้ำใจที่เธอมีต่อฉัน”

“ไม่ บุหรงไม่ยอม คุณภาคย์ คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ บุหรงรักคุณ รักคุณคนเดียว...”

ชายหนุ่มเดินหนีจากมาด้วยความเอือมระอาระคนเวทนา ความสงบเสงี่ยมเจียมตัวของหล่อนปลาสนาการไปสิ้นหลังจากได้มีสัมพันธ์รักกับเขาและคอยรบเร้าให้เขารับหล่อนเป็นเมียอย่างเปิดเผย ซึ่งก็หมายถึงบิดามารดาของเขาต้องรับรู้ถึงการลักลอบมีสัมพันธ์รักของเขากับหล่อนที่เนิ่นนานมาเกือบปี และทั้งสองต้องไม่ยินยอมให้เขาแต่งงานยกย่องสาวรับใช้ในบ้านเป็นเมียหรือเป็นสะใภ้เข้าร่วมสกุลพฤกษวัฒก์(พรึก-สะ-วัด)ของคหบดีมีชื่อเสียงในจังหวัดอย่างแน่นอน

ภาคย์ พฤกษวัฒก์ เป็นบุตรชายคนเดียวของนายพรต กับคุณนายมุกดาเจ้าของบ้านพฤกษวัฒก์ คฤหาสน์หลังใหญ่สวยงามตระการตาเป็นที่ชื่นชมของคนในจังหวัด เจ้าของคฤหาสน์มีธุรกิจการค้าหลายอย่างสร้างฐานะร่ำรวยสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว โดยรุ่นของนายพรตบิดาของภาคย์ ได้เป็นผู้ริเริ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์จำพวกโรงแรมรีสอร์ตและห้างสรรพสินค้าที่ขยับขายออกไปในจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ และภาคย์บุตรชายก็เป็นความหวังเดียวของสกุลพฤกษวัฒก์ที่จะสืบทอดธุรกิจการค้าต่อยอดให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

เมื่อครั้งที่ภาคย์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครก็มักจะกลับมาอยู่บ้านช่วงปิดเทอมใหญ่ ก่อนเริ่มเรียนปีสองเขาได้เจอกับบุหรงสาวรับใช้วัยใกล้เคียงกันที่มักจะหาโอกาสเข้ามาเอาอกเอาใจ ในวันหนึ่งที่ท่านพรตกับคุณนายมุกดาบิดามารดาของเขาเดินทางไปต่างจังหวัดหนึ่งสัปดาห์ บุหรงก็พาตัวมาเสนอให้เขาถึงในห้องนอน แล้วทั้งสองก็ลักลอบมีสัมพันธ์รักกันเรื่อยมา โดยบุหรงเป็นฝ่ายมาหา เขาในห้องนอนทุกค่ำคืน

ก่อนภาคย์จะกลับไปเรียนปีสามท่านพรตกับคุณนายมุกดาได้เรียกบุตรชายเข้าพบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและห้ามบุตรชายไม่ให้กลับมาบ้านจนกว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เมื่อบุตรชายเรียนจบปริญญาตรีกลับมาก็บอกให้เตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทต่อต่างประเทศ ซึ่งคืนนั้นบุหรงได้แอบเข้ามาพบภาคย์เร่งรัดให้เขาบอกบิดามารดาว่าจะแต่งงานกับหล่อนเพื่อหล่อนจะได้ตามเขาไปด้วย แต่เขาบ่ายเบี่ยงเลยเกิดปากเสียงทะเลาะกัน ภาคย์ที่ไม่เคยรักใคร่ในตัวบุหรงจึงบอกตัดสัมพันธ์ รักโดยอ้างเหตุผลว่าต้องไปเรียนต่อหลายปี

บุหรงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทีแรก เมื่อเห็นว่าภาคย์ยังนิ่งเฉยก็ฟูมฟายร้องไห้ต่อว่าต่อขาน พรรณนาถึงความรักที่หล่อนมีต่อเขา แต่ภาคย์กลับไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเกิดจากความรัก เพราะเขากับหล่อนยังอยู่ในวัยลุ่มหลงต่อสิ่งยั่วยวนใจและบุหรงเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสนอตัวมาก่อน ซึ่งเขายังจดจำค่ำคืนวันนั้นได้

“คุณภาคย์ขา นอนหรือยังคะ เปิดประตูหน่อยค่ะ” เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกดึงความสนใจเจ้าของห้องให้ลุกขึ้นมาเปิดประตู

“อ้าว บุหรง มีอะไรหรือ” ภาคย์เอ่ยถาม มองใบหน้ายิ้มแย้มแกมประจบของหล่อนอย่างงงๆ

“บุหรงกลัวคุณภาคย์จะหิวเลยเอาของว่างมาให้ค่ะ ท้องอิ่มจะได้นอนหลับสบาย” หญิงสาวใช้สะโพกผายกลมกลึงดันประตูเปิดกว้างออกแล้วถือวิสาสะเบียดตัวแทรกเข้ามาในห้องโดยไม่รอเจ้าของห้องอนุญาต หล่อนนำถาดใส่เหยือกนมที่อุ่นจนควันกรุ่นกับของว่างสองจานเล็กเข้ามาวางบนโต๊ะหน้าเก้าอี้ปลายเตียง

“ขอบใจนะ วางไว้ที่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

เจ้าของห้องยังยืนจับบานประตูเปิดรอให้คนรับใช้สาวออกไป แต่เจ้าหล่อนกลับลงนั่งพับเพียบเรียบร้อยส่งยิ้มหวาน ดวงตาแฝงเลศนัยของหล่อนชม้ายแพรวพราว

“บุหรงรอให้คุณภาคย์ดื่มกินให้หมดก่อนก็ได้ค่ะ จะได้เก็บถาดออกไปเสียเลย”

ภาคย์มองผู้กล่าวอย่างงงๆ ปกติช่วงเวลาอย่างนี้จะไม่มีคนรับใช้หรือสาวใช้คนใดขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านหรือห้องนอนเจ้าของบ้านโดยไม่มีการเรียกหา บุหรงคงเห็นว่าบิดามารดาของเขาไม่อยู่จึงกล้าขึ้นมาหาเขาถึงในห้องนอน และดูท่าหล่อนจะมีเป้าหมายอะไรสักอย่าง

“ไม่ต้องรอหรอก เดี๋ยวฉันกินอิ่มจะเอาถาดวางไว้หน้าห้อง เธอค่อยมาเก็บไปในตอนเช้าก็ได้” เขาเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ปลายเตียงหน้าโต๊ะที่บุหรงนำถาดของว่างเข้ามาวาง จึงเห็นขนมปังแซนวิสตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดพอคำดูน่ากินอยู่ในจานเล็กสองใบ

“อุ๊ย ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าบุหรงก็โดนดุสิคะ คุณภาคย์ดื่มกินตามสบายเลยค่ะ บุหรงรอได้”

“อึม ก็ตามใจ ของว่างของเธอก็ดูน่ากินดีนะ”

“เป็นแซนวิสทูน่ากับแซนวิสสลัดรวมผักอย่างที่คุณภาคย์เคยชอบ บุหรงทำเองกับมือเชียวนะคะ” เธอตอบด้วยอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปลื้มใจที่เจ้านายหนุ่มชมอาหารที่เธอทำดูน่ากิน

“เธอทำอาหารพวกนี้เป็นด้วยหรือ” เขารู้ว่ามารดาของบุหรงเป็นแม่ครัว แต่ไม่คิดว่าบุหรงจะสนใจเรื่องการทำอาหาร

“แหม...ต้องเป็นสิคะ แม่ของบุหรงเป็นแม่ครัวนี่คะ”

“ฉันรู้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะสนใจ เห็นทำแต่งานบ้าน”

“บุหรงก็เคยช่วยแม่ทำงานครัวบ้าง มาค่ะ บุหรงป้อนให้”

ภาคย์อยากปฏิเสธว่าเขาหยิบกินเองได้ แต่เดาออกว่าบุหรงคงไม่ยอมและต้องคะยั้นคะยอให้เขากินจากมือหล่อน เขาจึงอ้าปากรับแซนวิสชิ้นพอคำที่บุหรงใช้ซ้อมอันเล็กจิ้มส่งเคี้ยวกินลิ้มรสชาติอร่อย

“อึม...ฝีมือดีนี่ มีตั้งสองจานเธอกินเป็นเพื่อนฉันก็ได้นะ”

ในไม่ช้าแซนวิสในจานใบเล็กกับนมสดอุ่นจัดหมดไป พร้อมอาการหิวกระหายอย่างอื่นเข้าแทน ภาคย์นึกแปลกใจที่แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสนใจในตัวของบุหรงเลย แต่ตอนนี้เขากลับมีความรู้สึกปรารถนาในตัวหล่อนแทบจะทนไม่ไหว และแทนที่หล่อนจะปฏิเสธหรือขัดขืนกลับเสนอตัวยั่วยวนจนเขาไม่อาจยับยั้งใจ แล้วต่างฝ่ายก็ได้รับความสุขสมในรสพิศวาสอันเร่าร้อน โดยหล่อนเป็นฝ่ายเสนอและสนองรับอย่างเต็มอกเต็มใจ