ตอนที่ 3 ภารกิจเพื่อสาวใช้ร่างอวบ 3
ภายในห้องหนังสืออันเป็นฐานลับของฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิง
เด็กน้อยทั้งสองไล่เสี่ยวชุ่ยให้ออกไปร้องไห้ห้ามเก็บความเสียใจจนคับอกเด็ดขาด เสี่ยวชุ่ยจึงต้องเดินกลับเข้าเรือนของตนไปตามคำ ส่วนเด็กๆ ทั้งสองก็นั่งสุมหัวกันด้วยท่าทางเกินวัย พวกเขาตกลงกันแล้วว่าจะทำให้พี่เสี่ยวชุ่ยที่พวกเขารักใคร่ดั่งพี่สาวได้ตั้งครรภ์เหมือนคนอื่นเขา
แต่ว่าการที่สตรีสักคนจะตั้งครรภ์ได้นั่นย่อมมิใช่เรื่องง่าย และไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เด็กน้อยทั้งสองรู้ดี พวกเขาเป็นเด็กที่มีความคิดก้าวไกลเกินวัยมากนัก การที่พี่เสี่ยวชุ่ยของพวกเขาจะมีน้องน้อยได้นั้น จะต้องได้ผ่านกระทำการบางอย่างกับบุรุษในห้องหับเสียก่อน และการที่จะกระทำอย่างนั้นได้ จะต้องผ่านการแต่งงานเสียก่อน
“การแต่งงานนับได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนะพี่ใหญ่” เสียงเล็กๆ ของฟงหนิงเฉิงกล่าวกับฟงหนิงอัน ใบหน้ากลมๆ ของเขาจริงจังเป็นอย่างมาก
“ใช่ๆ” ฟงหนิงอันพยักหน้าหงึกหงัก ดวงตากลมใสทอประกายลึกลับ “การแต่งงานของพี่เสี่ยวชุ่ยต้องมีเจ้าบ่าวเพื่อที่พี่เสี่ยวชุ่ยจะได้เป็นเจ้าสาว”
“อื้ม” ฟงหนิงเฉิงพยักหน้าแรงๆ หนึ่งทีแล้วเอ่ยต่อ “ข้าคิดได้แล้วหนึ่งประการ”
หึหึ!
ทั้งสองยกยิ้มเจ้าเล่ห์รู้สึกภาคภูมิใจนักที่คิดได้ตามจริงเป็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน หากแต่เด็กน้อยไหนเลยจะคิดได้ประจักษ์มากกว่านั้น
“แล้วลำดับต่อไปเล่าพี่ใหญ่” คนน้องถามขึ้นมา
คนพี่พลันหรี่ตา “การที่งานแต่งจะมีเจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้นั้น พี่เสี่ยวชุ่ยของเราจะต้องมีชายในดวงใจเสียก่อน”
“อ่า...” ฟงหนิงเฉิงถึงกับครางในลำคอ “แต่ชายในดวงใจของพี่เสี่ยวชุ่ยมีคนรักเสียแล้วนะ”
“...!?”
สองพี่น้องพลันเงียบงัน จ้องมองหน้ากันไปมา
เมื่อเริ่มเห็นทางตัน พวกเขาคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก นอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืนก็ยังคิดไม่ออก รู้สึกปวดหัวสิ้นดี
ชีวิตนี้รู้สึกว่ากำลังเจอเรื่องเลวร้ายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอเรื่องใดหนักหนาเท่านี้มาก่อนเลย ให้ตาย!
ในเมื่อคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก สมองน้อยๆ ของเด็กทั้งสองจึงทำงานหนักมาก จึงต้องหาตัวช่วยอย่างเร่งด่วน
และเพียงไม่นาน เรื่องที่เสี่ยวชุ่ยมีชายในดวงใจแต่ต้องผิดหวังพลันล่วงรู้ถึงหูของหลิงเวยและหลี่ลี่เหมย สตรีทั้งสองล้วนให้ความสำคัญกับสาวใช้ร่างอวบนางนี้ไม่น้อย พวกนางจึงเร่งหาวิธีช่วยเหลือสาวน้อยคนสนิทในทันที
หากแต่สภาพร่างกายของทั้งสองที่กำลังตั้งครรภ์อยู่จึงไม่สามารถลงแรงทำอันใดได้ทั้งนั้น นอกจากช่วยกันเป็นที่ปรึกษาให้ฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิงอย่างสามัคคี
ภายในห้องส่วนตัวของเรือนหลัก ตรงโต๊ะริมหน้าต่างที่มีบุคคลนั่งปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด
ประหนึ่งว่าเรื่องที่คุยกันคือเรื่องการศึกสงครามรวบรวมดินแดน ซึ่งมีผลกับชะตาบ้านเมืองและประชาชนนับหมื่นนับแสนกระนั้น
“อันดับแรก”
เสียงของหลี่ลี่เหมยเอ่ยขึ้นก่อน “เราต้องรู้ก่อนว่าอะไรคือสาเหตุของด้ายแดงที่มิอาจเชื่อมต่อ”
หลิงเวยพยักหน้าเบาๆ ช่วยครุ่นคิดอย่างมีสติ
แต่ฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิงรีบเอ่ยพร้อมเพรียง “พี่เสี่ยวชุ่ยอ้วนเกินไปความงามที่แท้จริงจึงถูกบดบังจนสิ้น”
“...”
หลิงเวยได้ฟังพลันกะพริบตาปริบๆ เพราะสิ่งนั้นคือสิ่งที่นางคิด หากแต่ลูกๆ ของนางช่างตรงไปตรงมา
หลี่ลี่เหมยถึงกับตบโต๊ะฉาดใหญ่ นางเห็นด้วยเป็นอย่างมาก สีหน้าจึงดุดันยิ่ง
“เช่นนั้นแล้วเราควรทำอย่างไร?”
ฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิงช่วยกันครุ่นคิดหนักหน่วงจนหัวคิ้วขมวดพันกัน ใบหน้ายับย่นไปหมด
ครานี้เป็นหลิงเวยที่กล่าวบ้าง “พี่คิดว่า เสี่ยวชุ่ยควรต้องดูแลตัวเองให้ดียิ่งกว่านี้ ไม่ควรปล่อยเนื้อปล่อยตัวอีกต่อไป” นางหยุดคิดเล็กน้อยด้วยสีหน้าจริงจังสายตาแน่วแน่แล้วเอ่ยต่อ “ช่วงนี้พี่สังเกตเห็นเสี่ยวชุ่ยกินขนมได้น้อยลง อาจเป็นเพราะกำลังเศร้าเสียใจเรื่องชายผู้นั้น พี่คิดว่าควรใช้โอกาสนี้ปรับเปลี่ยนเสี่ยวชุ่ยเสียเลย”
สองเด็กน้อยมองมารดาอย่างคาดหวังขึ้นมาทันที
“ถูกต้องแล้วอาซ้อ” หลี่ลี่เหมยเสียงสูง
ฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิงหันหน้าไปมามองมารดาสลับกับท่านอา
เส้นเสียงหวานแหลมของสะใภ้คนรองบ้านฟงยังคงเอ่ยต่อ “เรื่องแรกต้องทำให้เสี่ยวชุ่ยเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของตนเองเสียก่อน ปัญหาของเสี่ยวชุ่ยคือการกิน”
เด็กน้อยเอ่ยเสริมอย่างพร้อมเพรียง “พวกเราจะแย่งขนมพี่เสี่ยวชุ่ยกินให้หมด”
“อืม...” หลิงเวยเอื้อมมือขึ้นลูบหัวของบุตรชายทั้งสองอย่างรักใคร่ “พวกเจ้ากินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ”
หลี่ลี่เหมยเริ่มเห็นเค้าลางการอดตายของเสี่ยวชุ่ยรำไร แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเสี่ยวชุ่ยมีปัญหาเรื่องการกินจริงๆ หลายครั้งที่นางเองก็เตือนเสี่ยวชุ่ยแล้วว่าไม่ควรตามใจปากจนเกินไป สตรีที่อยู่ในช่วงออกเรือนควรใส่ใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
สะใภ้คนรองของบ้านฟงจึงเอ่ยออกมาอีกครา “อันดับแรก พวกเราต้องจำกัดเรื่องอาหารการกินของเสี่ยวชุ่ยให้ดี เรื่องนี้ข้าจะทำตารางอาหารแต่ล่ะอย่างในแต่ละมื้อให้เอง”
หลิงเวยได้ฟังจึงเอ่ยบ้าง “พี่จะใช้อำนาจที่มีในเรือนสั่งการไปยังบ่าวไพร่ทุกคน ให้ดูแลเรื่องการกินของเสี่ยวชุ่ย”
หลี่ลี่เหมยรีบกล่าวต่อ “หลังจากนั้นข้ายังมีวิธีเป็นร้อยเป็นพันให้เสี่ยวชุ่ยกลายเป็นสาวงาม”
หลิงเวยหรี่ตาแล้วเอ่ยเสียงเย็น “เมื่อเสี่ยวชุ่ยเป็นสาวงามแล้วยังต้องมาเรียนรู้การวาดภาพ เขียนกลอน และดีดพิณ ทุกสิ่งที่สตรีพึงมี”
สตรีทั้งสองพยักหน้าใส่กันด้วยแววตาจริงจังเข้มข้น