ตอนที่ 4 ภารกิจเพื่อสาวใช้ร่างอวบ 4
เด็กน้อยทั้งสองถึงกับยิ้มกว้างดวงตาทอประกายระยิบระยับทันใด พวกเขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่นำเรื่องนี้มาปรึกษาท่านแม่กับท่านอา
แน่นอนว่า การจำกัดเรื่องอาหารการกินของเสี่ยวชุ่ยมิใช่เรื่องที่ยากอันใด เพราะว่าเสี่ยวชุ่ยเองก็กินอะไรไม่รู้รสทั้งนั้นแล้วในช่วงนี้ เสี่ยวชุ่ยผู้ตรอมตรมเพราะผิดหวังในความรักจึงกินน้อยลงถนัดตา กระทั่งทำให้เรือนร่างเริ่มเปลี่ยนไป
เวลาล่วงเลยผันผ่าน จากหนึ่งวันเป็นสองวัน จากหนึ่งเดือนเป็นสองเดือน และหลายเดือนผ่านไป จนกระทั่งสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองคลอดบุตรออกมา จึงได้พาเสี่ยวชุ่ยอยู่ไฟด้วยกันเสียเลย
หลังจากถูกบ่มเพาะตัวตนจนกระทั่งกลายร่างเป็นสาวงามสะพรั่ง
สาวใช้เสี่ยวชุ่ย นามเต็มว่าเจวียนชุ่ย จึงได้เวลาออกจากเรือนของตนเอง หลังจากถูกกักบริเวณเพื่อเคี่ยวกรำอยู่นานหลายเดือน
และสถานที่ ที่เสี่ยวชุ่ยจักต้องถูกเจ้านายทั้งหลายพาไปเปิดตัวเป็นพิเศษก็คือหุบเขาเร้นลับ อันเป็นสถานที่ฝึกหนักของเหล่าสมุนเจ้าสนธยา
เหตุที่เจ้านายบ้านฟงพาเสี่ยวชุ่ยมาที่นี่ก็เพราะว่า หากจะหาบุรุษนิสัยดี มากด้วยฝีมือ ย่อมต้องเป็นคนของเจ้าสนธยานี่ล่ะ เรื่องนี้เจ้านายอย่างฟงชินหยางและฟงจินหมิงล้วนมั่นใจในการนำเสนอยิ่งนัก
นอกจากเจ้านายฝ่ายสามีที่ภาคภูมิใจหนักหนาในการนำเสนอลูกน้องของตนเองแล้ว ยังมีเจ้านายฝ่ายภรรยาที่ยังคงมีสีหน้าจริงจังไม่เปลี่ยนแปลงยามสอนสั่งคนสนิทของตน
“ถึงแม้ว่าเราจะเป็นสตรี หากแต่เราก็มีสิทธิ์เลือกคู่ครองนะ” หลี่ลี่เหมยเอ่ยกับเสี่ยวชุ่ยตั้งแต่ในรถม้ากระทั่งถึงลานฝึกกลางหุบเขา
“และการที่เรามาเดินกรีดกรายนวยนาดอยู่ในยามนี้เพื่อให้เหล่าบุรุษพวกนั้นได้ยลโฉม หาใช่การที่พวกเขาจะเป็นฝ่ายเลือกเจ้าประหนึ่งเจ้าเป็นสินค้า เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด เพราะยามที่เจ้าเดินไปเดินมานั้น ฝ่ายบุรุษทั้งหลายนั่นต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกเลือก”
กล่าวจบก็จับใบหน้างามล้ำของเสี่ยวชุ่ยให้มองไปรอบทิศทาง ที่มีบรรดาบุรุษยืนเรียงแถวตามคำสั่งของหัวหน้ากองว่าให้ทำความเคารพฟงชินหยางและฟงจินหมิงที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงพื้นยกสูงหน้าลานฝึก
“เอาล่ะ เลือกมาสักคนหนึ่ง” หลี่ลี่เหมยกระซิบกระซาบสั่งการ
เสี่ยวชุ่ยจึงกวาดสายตามองไปทางบุรุษทั้งหลายตามคำสั่ง หากแต่จะมองไปอีกสักกี่ครั้ง สายตาเจ้ากรรมก็ยังคงมองไปยังชายผู้หนึ่งอยู่ดี
เขายังคงรูปงามไม่สร่างซา
หากแต่ภาพเมื่อหลายเดือนก่อนที่หอฟู่กุ้ยยังคงไหลเวียนสู่ความทรงจำมิอาจลบเลือน
ภาพที่เขาลูบคลำหญิงคนรักยังแจ่มชัด
ภาพที่พวกเขาแนบชิดคลอเคลียจูบกันอย่างเร่าร้อนแล้วพากันเคลื่อนกายไปยังเตียงนอน ตามด้วยทาบทับกันแล้วเริงรักกันอย่างร้อนแรง
ทุกภาพล้วนแสดงออกมาให้หญิงสาวได้ระลึกเป็นฉากๆ ยากจะลบออกจากหัวใจ สายตาที่บัดนี้มิได้หรี่หยีเช่นกาลก่อนจึงมีเพียงความเจ็บปวดรวดร้าวมิอาจควบคุมได้
มิคาดว่านางจะเป็นสตรีที่รักปักใจได้ถึงเพียงนี้ เฮ้อ!
หลิงเวยที่เดินอยู่ด้วยกับทุกคนลอบสังเกตอยู่เงียบๆ ก่อนจะจับสังเกตสายตาของเสี่ยวชุ่ยได้ นางเห็นเสี่ยวชุ่ยมองไปทางชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีลักษณะองอาจผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สายตาคมดำเย็นชา ท่าทางเฉยชามิใคร่สนใจใครทั้งนั้น กระทั่งเสี่ยวชุ่ยที่ยามนี้นับได้ว่างดงามมากนักทำเอาเหล่าบุรุษต้องชำเลืองมองมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่บุรุษผู้นั้นก็ยังคงมีท่าทีเรียบเฉย ไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวรู้สึกห่วงใยเสี่ยวชุ่ยขึ้นมาทันที แต่ยังคงเก็บงำความคิดเอาไว้มิได้กล่าวคำใดออกมา
ใช่ว่ามีเพียงหลิงเวยที่สังเกตเห็น ฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิงที่เดินอยู่ด้วยกันกับมารดาไม่ห่างก็สังเกตเห็นเช่นกัน พวกเขาล้วนจำพี่ชายผู้นี้ได้ เขามีนามว่า หย่งเหวิน
เด็กน้อยทั้งสองได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการต่อสู้จากพี่หย่งเหวินหลายครั้ง ยามที่บิดากับท่านอาพามาฝึกฝนที่หุบเขาเร้นลับแห่งนี้
แต่ว่า...พี่หย่งเหวินมีคนรักแล้วหรือ?
ไม่น่าจะเป็นไปได้!
เด็กน้อยทั้งสองบังเกิดความสงสัยจับขั้วหัวใจในบัดดล จึงวิ่งหายวับไปทางบิดาและท่านอาในทันที