บทที่ 9
ณ ที่ทำการเมือง มาลีน
นายทหารยศนายกองผู้หนึ่ง ยืนตรงรายงานสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าเมือง
“ขออนุญาตรายงานขอรับ ท่านเจ้าเมือง”
“ว่ามา” เจ้าเมืองพูดออกมา ในขณะที่มือกำลังถือเอกสารอยู่หลายฉบับ เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจกับรายงานที่เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ และคิดว่ามันก็คงเป็นรายงานเหมือนเช่นทุกครั้ง
“หน่วยลับที่ 2 ที่ติดตามตัวของคุณชายนักฆ่าดิออน แจ้งเข้ามาว่า ตัวคุณชายได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเจ้าของร้านขายของเปิดใหม่ บริเวณใกล้ๆกับหน้าประตูเมืองขอรับ” เจ้าเมืองทำหน้าเหนื่อยใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักหลังจากได้ยินเรื่องดังกล่าว
“ข้ารู้แล้ว เฮ้อ เจ้าทำท่าเหมือนมีอะไรที่ยังไม่ได้พูดอยู่”
เจ้าเมืองหันไปมองทางทหารนายนั้น ก่อนจะเล็งเห็นถึงท่าทีที่ดูลุกลี้ลุกลน
“เอ่อ..หน่วยลับที่ 2 ยังแจ้งเข้ามาอีกว่า คุณชายนักฆ่าถูกเจ้าของร้านคนนั้น เล่นงานกลับจนบาดเจ็บสาหัส...และหน่วยลับที่1 ที่ท่านสั่งให้จับตามองหัวหน้านักฆ่ากราเซียแจ้งเข้ามาอีกว่า พวกเขากำลังมุ่งหน้าเข้าเมือง พร้อมกับโมนาร์ทจิตทมิฬ และหน่วยเร้นเงาที่3 มากับเขาด้วยขอรับ”
นายกองประจำห้องเจ้าเมืองรายงานออกมา ใบหน้าของเขาเหมือนถูกทาไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา แต่มันผิดกับเจ้าเมือง เขาเพียงแค่ยิ้มแล้ววางทุกอย่างไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลุกออกจากที่นั่งออกไปยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แล้วหันมองไปทางทิศที่เกิดเหตุการณ์
“น่าสนุกดี เหมือนจะมีเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวแปร เมืองมาลีนแห่งนี้มันช่างน่าสนุกเสียจริง จับตามองพวกเขาต่อไป แล้วสืบเรื่องเจ้าพ่อค้าคนนั้นด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมการค้ามากน้อยเพียงใด” เจ้าเมืองกล่าว
“ขอรับ ท่านเจ้าเมือง”
ณ สมาคมการค้า สาขาเมือง มาลีน
“หัวหน้าสาขาเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะต้องรายงาน” หญิงสาวคนหนึ่งเคาะประตูห้องของหัวหน้าสาขาสมาคมการค้า เธอแต่งตัวโชว์ส่วนเว้าของร่างกายมันทำให้เธอดูเหมือนเลขาในยุคปัจจุบันอยู่ไม่น้อย
“เข้ามาได้ รายงานมาเลย ข้ากำลังรีบต้องเซ็นเอกสารรายงานประจำสัปดาห์ส่งให้กับสาขาหลักอยู่” หัวหน้าสาขากล่าวออกมา
“เจ้าค่ะ .. ตอนนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่สองเหตุการณ์ หนึ่งคือคุณชายนักฆ่าดิออนต่อสู้กับพ่อค้าคนหนึ่งที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับทางเรา ดิออนพ่ายแพ้อาการสาหัส เหตุการณ์ที่สองดูเหมือนว่าตัวของกราเซียจะเข้ามายังเมืองเพื่อจัดการกับปัญหาในครั้งนี้ด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” เธอกล่าวออกมาอย่างรวบรัด
หัวสาขาที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่ ตกใจจนเซ็นเอกสารผิดพลาดทำให้กระดาษที่เขากำลังเซ็นเป็นรอยหมึกขีดยาวไปทั้งแผ่น
“เจ้าว่าอย่างไรนะ! ...แต่ก็ยังดีที่พ่อค้าคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา ในตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะมีปัญหากับสมาคมนักฆ่า เราต้องรอให้ทางสาขาหลักส่งคนคุ้มกันมาก่อน เราถึงจะเดินหน้าตามแผนที่วางเอาไว้ได้ ... แล้วเจ้าพ่อค้าคนนั้นมันคือผู้ใดกัน?”
“ที่เรารู้จากสมาชิกของสมาคม พ่อค้าคนนั้นเหมือนจะเพิ่งเปิดร้านใหม่เมื่อไม่นานมานี้เจ้าค่ะ ..จะให้ข้าทำเช่นไรเจ้าค่ะท่านหัวหน้าสาขา” เธอถามกล่าวออกมา
“เราทำได้แค่สงวนท่าทีเอาไว้ก่อน จับตาดูเหตุการณ์ในครั้งนี้ให้ดีๆ บางทีมันอาจจะทำให้เราได้เปรียบในหลายๆด้าน” หัวหน้าสาขาทำท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานั่งเซ็นเอกสารต่อ
“เจ้าค่ะ..ท่าอย่างนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยว!!!” หัวหน้าสาขาพูดออกมาเสียงดังพอประมาณ
“อะไรหรือเจ้าค่ะ?” เธอหันหน้ากลับมาด้วยความสงสัย
“คือว่า..เจ้าช่วย....ช่วยทำเอกสารนี้ใหม่ได้มั้ย คือเมื่อกี้ข้าตกใจมากไปน้อยเลย เซ็นพลาดจนมันเป็นอย่างนี้” หัวหน้าสาขาโชว์ใบที่ผิดพลาดให้กับผู้ช่วยของเขาดู มันเป็นรอยขีดฆ่าตั้งแต่ด้านล่างจนไปถึงข้างบนเป็นแนวเฉียง
ผู้ช่วยสาวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะมองว่าเอกสารนั้นมันคือเอกสารอะไร แต่เธอถึงกับต้องช็อคเพราะเอกสารฉบับนี้มันคือเอกสารที่จะต้องส่งตรงไปถึง ‘ดยุคฟาร์เมล’ ซึ่งมันต้องใช้เวลาทำค่อนข้างนาน และต้องละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เฮ้อ เล่นทำพลาดเอกสารที่สำคัญที่สุดเลยนะเจ้าค่ะ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็ครึ่งวันเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เอาเป็นว่าเจ้าก็ทำให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน” เธอเดินออกไปอย่างปรงๆ เมื่อประตูปิดลง หัวหน้าสาขาวาเดเมียก็ยิ้มออกมา
‘มีเรื่องให้ได้สนุกแล้วซิ’
กลับมาทางด้านพระเอกของเรื่อง
“เจ้าคุณชายอะไรนั่นไม่น่าจะสร้างปัญหาให้เราได้แล้ว รอเรื่องมันเงียบลงกว่านี้หน่อยดีกว่า แล้วค่อยเปิดร้าน” ฌอนมองไปยังดิออนก่อนจะเอ่ยออกมา แต่เขายังไม่ทันจะพูดจบ เงาร่างคน 7 เงาเคลื่อนที่ตรงมายังบริเวณที่เขาอยู่
“เป็นเจ้าอย่างนั้นรึ..ที่ทำร้ายลูกชายของข้า” ชายที่แต่งชุดสีดำหรูทรงคุณชายใหญ่เอ่ยกล่าวกับฌอน
“เอิ่ม..ข้าป่าวทำอะไรสักหน่อย” ฌอนทำหน้าอย่างเซ็งๆ ตัวลูกมาสร้างปัญหาให้ไม่พอ ยังเอาตัวพ่อมันมาก่อความวุ่นวายไปอีก
“อย่างงั้นหรือ..ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ‘คลื่นดาบทะลายภูผา’ ” กราเซียชักดาบสั้นของตัวเองออกมาก่อนจะฟันไปกลางอากาศ จนเกิดคลื่นให้เห็นด้วยตาเปล่า ฌอนที่รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจึงไม่ได้หลบหรือทำอะไร เขาเพียงยืนมองด้วยสายตาที่เบื่อหน่าย
‘อ๊ากกกก!!!’
กราเซียที่ไม่ได้ตั้งตัว หรือตั้งรับใดๆก็โดนท่าของตัวเองเข้าไปอย่างจัง เขาทรุดลงกับพื้นก่อนจะกระอักเลือดออกมาจากมุมปาก มือทั้งสองข้างจับดาบไว้แน่น และใช้ปลายดาบปักลงพื้นดินเพื่อทรงตัว
“รออะไรอยู่เล่า จัดการมัน” กราเซียสั่งหน่วยเร้นเงาที่3 พุ่งตัวเข้าไปหาฌอนในทันที โมนาร์ทวิ่งเข้าไปดูอาการของท่านชายดิออน แต่ขณะเดียวกันนั้นเองฌอนก็ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหันหลังให้กับเหล่านักฆ่า
‘อ๊ากกก!!’ ‘อื้ออออ!!
มันเป็นตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ ฌอนยังคงเดินต่อไปเพื่อเปิดประตูร้าน ผิดกับหน่วยเร้นเงาที่นอนชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น กราเซียที่เห็นอย่างนั้นเขาก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าดูถูกเขาอย่างนี้เลยสักครั้ง
การหันหลังในกับนักฆ่ามีอยู่สองอย่างเท่านั้นที่ตีความได้ หนึ่งคือ ศัตรูไม่รู้ตัวหรือไม่ก็ยอมรับชะตากรรมไปแล้ว สอง คือ นักฆ่าไม่ได้อยู่ในสายตัวของพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งฌอนเป็นคนแรกเลยที่ทำกับเขาอย่างนี้ กราเซียที่มองฌอนเดินเข้าไปยังร้านพร้อมกับปิดประตูลงก็ยิ่งโกธรเข้าไปอีก
“โมนาร์ท เจ้าพาลูกของข้าหนีออกไปให้ห่างตรงนี้ให้ไกลที่สุด” เมื่อกราเซียพูดจบ ตัวของเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับทำมือเหมือนกำลังผสานอินเหมือนในอนิเมะเรื่องดัง
“หรือว่า....ไม่ได้การแล้ว เราต้องรีบหนีออกไปให้เร็วที่สุด” โมนาร์ทแทบจะไม่ทันทำอะไร เขารีบคว้าตัวของดิออนแล้วออกวิ่งสุดกำลัง หน่วยเร้นเงาเองก็เช่นกัน ถึงร่างกายจะไม่ไหวแค่ไหนแต่ถ้ายังไม่อยากตายก็ต้องฝืนตัวเองให้วิ่งไปให้ไกลที่สุด
“คาถาผสานไตรธาตุ อุกกาบาตถล่มโลกา”