บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

เสื้อเชิ้ตโปโลสีฟ้าทาบทับอยู่กับแผงอกกว้าง เน้นกล้ามเนื้อตรงต้นแขน เขานุ่งกางเกงขายาวสีน้ำเงิน แนบสะโพกและต้นขา จากคอเสื้อที่ไม่ได้กลัดกระดุมเม็ดบน เฮลเล่ย์สามารถมองเห็นไรขนอ่อนสีเข้มที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะปกคลุมอยู่ทั่วแผงอกกว้างนั้น

ในท่าที่โน้มตัวอยู่เหนือร่างเธอเช่นนี้ ดูท่าทางของเขาขึงขังน่ากลัว กว่าตอนที่เขายืนเด่นอยู่ในท่ามกลางผู้คนหลายเท่านัก ทั้งพลังและความมุ่งมั่นเปล่งรัศมีออกมาจากร่างของเขาพร้อมๆ กัน จะมีก็แต่คนโง่เท่านั้นที่จะกล้าท้าทายอารมณ์ของเขาในยามนี้ ความเป็นชายชาตรีของเขาดูช่างเด่นชัดเสียเหลือเกิน มันทำให้เธอรู้สึกฝืดคอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เธอก็แสดงออกถึงความมีมารยาทอย่างมืออาชีพ

“เฟธถูกผึ้งต่อยค่ะ ตอนนี้ฉันใส่ยาปฏิชีวนะให้แล้วและก็ให้แกพักผ่อนอยู่”

เขาระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยืดร่างขึ้นยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก เมื่อเขาได้รับรู้แล้วว่าลูกสาวไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด เฮลเล่ย์เองเสียอีกที่กลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อสายตาดุดันของเขาในยามนี้

“ก็ถ้าเรื่องมันแค่นั้น ทำไมแกถึงได้ทำให้มันวุ่นวายไปหมด ทำไมแกไม่บอกผมตรงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแทนที่จะวิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำอย่างนั้น...?”

“บังเอิญผึ้งมันบินเข้าไปในเสื้อแกค่ะ แล้วก็ต่อยเข้าตรงหน้าอก...” เธอมองเขาด้วยสายตาแน่วนิ่ง ซึ่งเขาก็มองตอบทั้งในดวงตาคู่สีเทากับริมฝีปากที่บ่งบอกถึงความหนักแน่นในจิตใจ ไม่ได้บอกอารมณ์ใดทั้งสิ้น “คุณจะต้องเข้าใจนะคะ ว่าตอนนี้ลูกของคุณกำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นแล้วค่ะคุณ...”

“สก็อตต์...”

“ค่ะ มิสเตอร์ สก็อตต์...เพราะฉะนั้นมันก็เป็นธรรมดาที่แกจะต้องบังเกิดความรู้สึกเขินอายเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แกตกใจเพราะจู่ๆ ก็เจ็บแปลบขึ้นมา พอนึกรู้ว่าถูกผึ้งต่อยเข้าตรงไหน ก็อายเกินกว่าจะบอกให้คุณรู้ได้”

“นี่มันไม่เข้าท่าเลยนะ... ผมรู้หรอกว่าหน้าอกผู้หญิงน่ะเป็นยังไง”

คำตอบของเขาทำให้เฮลเล่ย์ร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งใบหน้า ลมหายใจดูจะติดขัดขึ้นมาทันที

“สำหรับคุณอาจจะเห็นเป็นเรื่องไม่เข้าท่าก็จริง แต่สำหรับเด็กผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเฟธ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความอ่อนไหวในจิตใจอย่างมาก มันเป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นวิกฤติทีเดียวนะคะ...โดยเฉพาะ ถ้าแกจะต้องเปิดเผยเนื้อตัวให้คุณเห็น”

“แต่ผมเป็นพ่อแกนะ...” เขาเถียงขุ่นๆ

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ มิสเตอร์ สก็อตต์... อันที่จริงฉันก็รู้นะคะ ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะเข้าใจ แต่กรุณาใช้ความพยายามหน่อยเถอะค่ะ เฟธกำลังตกใจแล้วก็ไม่สบายใจอย่างมาก ตอนนี้กำลังกลัวอีกด้วยว่าคุณจะโมโหแก”

เขาสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งในโซฟาอีกครั้ง ยกมือขึ้นลูบคางด้วยอารมณ์หงุดหงิด ท่าทางของเขาในยามนี้ ดูเหมือนกำลังใช้ความพยายามอย่างหนัก ในอันที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่ตนไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เมื่อเขาเหลือบตามองมาทางเธออีกครั้ง เฮลเล่ย์ก็สังเกตเห็นว่าแววในดวงตาสีเทาคู่นั้นอ่อนโยนลงมาก

“ผมคิดว่าตัวเองอาจจะทำอะไรที่มากเกินไปหน่อย...แบบเดียวกับเฟธนั่นแหละ...”

เฮลเล่ย์ฝืนยิ้มให้กำลังใจเขา

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้อยู่แล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ฉันจำเป็นต้องถามเฟธเกี่ยวกับแม่ของเธอ เห็นเธอบอกว่า คุณเพิ่งสูญเสียภรรยาไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง”

“เธอไม่ใช่ภรรยาผม” เขาตอบกลับมาทันที แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฮลเล่ย์ที่บอกความงุนงง เขาก็รีบขยายความกับคำพูดของตนเอง “เขายังเป็นภรรยาผมอยู่ตอนที่เฟธเกิดแต่หลังจากนั้นไม่นานเราก็หย่าขาดจากกัน เฟธไปอยู่กับแม่ตลอดเวลา โมนิก้าตายเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายเดือนก่อนเฟธก็เลยต้องมาอยู่กับผม...ตอนนี้คุณคงเห็นแล้วสินะ... ว่าผมกำลังพยายามเรียนรู้เรื่องการเป็นพ่อที่ดีอยู่” เขายิ้มราวจะหยันเยาะตนเอง

เฮลเล่ย์ก้มลงมองมือตนเอง ก่อนจะเหลือบขึ้นมองหน้าเขาอายๆ

“การเป็นทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมๆ กัน มันไม่ใช่งานที่ใครเขาอยากจะอิจฉาหรอกค่ะ ในสถานการณ์เช่นนี้ ฉันพอจะมองเห็นอยู่ว่าทั้งคุณและเฟธยังจะต้องหาทางปรับตัวให้เข้ากันอีกมาก...”

ทำไมเธอจะต้องมานั่งพูดอยู่กับผู้ชายคนนี้ในเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย...? แต่ถ้าพิจารณาให้ดี ก็จะพบว่าเขาต่างหากที่เป็นคนเริ่มต้นพูดเรื่องนี้ขึ้นก่อน ไม่ใช่เธอ แล้วนี่เธอจะกล้าให้คำแนะทั้งที่เขาไม่ได้ขอร้องด้วย...เช่นนั้นหรือ...?

“ฉันเพียงแต่อยากจะขอร้องให้คุณจำไว้อย่างหนึ่งเท่านั้นละค่ะ ว่าไม่มีอะไรที่จะต้องใช้ความอุดทนอย่างมากกับเด็กผู้หญิงที่กำลังเจริญวัยอย่างเฟธ เพราะมันเป็นวัยที่อ่อนไหวและอารมณ์แรงมาก”

“นอกเสียจากว่าจะมีเด็กชายวัยรุ่นที่พยายามจะใกล้ชิดสนิทสนมกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันสินะ” แผงขนตางอนงามช่วยอำพรางความรู้สึกที่ฉายแสงอยู่ในดวงตาคู่สีเขียวของเฮลเล่ย์ นวลแก้มของเธอแดงเรื่อขึ้น และแทนที่จะประสานสายตากับเขาต่อไป เธอก็หันไปทางพิมพ์ดีดเสีย พร้อมทั้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“ฉันเห็นจะต้องกลับไปทำงานต่อที่ห้องของตัวเองเสียที แต่ตอนนี้จะต้องกรอกแบบฟอร์มนี่ให้เสร็จเสียก่อน...เอ้อ...ฉันขอทราบชื่อเต็มของคุณค่ะ”

“สก็อตต์...ไทเลอร์ สก็อตต์”

มือของเธอแข็งค้างอยู่บนแท่นพิมพ์ ริมฝีปากแห้งผากราวเปลือกฝ้าย หัวใจขึ้นมาตีบตันอยู่ในลำคอ เนื้อตัวสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุมได้

ในท่ามกลางความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาจับหัวใจเธอเห็นไทเลอร์ สก็อตต์ ลุกขึ้นจากโซฟา เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงโต๊ะเบื้องหน้าเธอ เฮลเล่ย์ค่อยๆ ช้อนสายตา ไล่จากขอบเอวกางเกงขึ้นไปตามลำตัว แผงอกที่น่าซบจนถึงแนวลำคอที่เป็นสีน้ำตาลคล้ำ

และเมื่อเธอกับเขาประสานสายตากันนั้น เฮลเล่ย์ก็ถูกตรึงอยู่ด้วยแววแห่งชัยชนะที่ชัดแจ้ง

“คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว มิส แอชตัน” เขาเอ่ยออกมาด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา “ผมเป็นเจ้าของสวนสนุกแห่งนี้...!”

แบบฟอร์มรายงานเรื่องอุบัติเหตุ ถูกดึงออกจากเครื่องพิมพ์โดยไม่ต้องเสียเวลาใช้ปุ่มปลดกระดาษ และแล้วกระดาษแผ่นนั้นก็ถูกขยำเป็นก้อน ก่อนจะปลิวลงไปนอนอยู่ก้นถังโลหะ

“ผมคิดว่าสำหรับครั้งนี้เราคงไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหรอก จริงไหม มิส แอชตัน...?” เขาถามเยือกเย็น “อีกประการหนึ่ง ในที่สุดแล้วแบบฟอร์มนี่มันก็ต้องไปวางอยู่บนโต๊ะทำงานของผมอยู่ดี และตอนนี้ผมก็รู้รายละเอียดทั้งหมดของอุบัติเหตุในครั้งนี้แล้วด้วย นึกไม่ออกอยู่เหมือนกันว่าสวนสนุกซิเรนดิพิตี้แห่งนี้ของเรา จะรับผิดชอบสำหรับการที่ผึ้งตัวหนึ่งมันเกิดต่อยลูกค้าคนสำคัญนั่นได้ยังไง เพราะมันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใครเลย มันก็ได้แต่ทำหน้าที่ของมันไปตามธรรมชาติเท่านั้น ยังไงก็ตาม ผมก็จะให้คนมาดูแลพุ่มไม้นั่นให้ดี แล้วก็จะสั่งให้ฉีดยาอีกสักครั้ง ก่อนที่เราจะปิดสวนสนุกตามฤดูกาล เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีกเท่านั้น”

ขณะพูด เขาก็ออกเดินไปรอบๆ ห้องทำงาน มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ไปหยุดพิจารณาภาพโปสเตอร์และร่องรอยต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนผนังห้อง เฮลเล่ย์นั้นนั่งตัวแข็งอยู่เบื้องหน้าพิมพ์ดีด กำลังทบทวนด้วยการถามตัวเองอยู่ว่า... เธอได้พูดอะไรกับผู้ชายคนนี้ไปบ้าง...? เธอได้แสดงความหยาบคายใส่เขาบ้างหรือเปล่า...?

และคำตอบที่ได้รับก็คือ...ใช่...เธอทำเช่นนั้นจริงๆ เธอจงใจที่จะปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับลูกสาวของเขาไว้ เธอทำให้เขาต้องเดินจากไซด์วินเดอร์จนถึงอาคารกลางสวนแห่งนี้ พระเจ้า...เธอจะโชคดีอย่างมาก ถ้าพรุ่งนี้...ในเวลาเดียวกันนี้ เธอจะยังทำงานอยู่ที่นี่ในตำแหน่งเดิม... เพราะเขาสามารถไล่เธอออกได้ตั้งแต่บัดนี้เลย...!

“สิ่งที่ผมตัดสินใจเป็นสิ่งที่จะต้องได้รับการไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องที่พนักงานของผมสนองตอบต่อสถานการณ์เร่งด่วน ยิ่งจะเป็นสิ่งที่ผมต้องใช้ความคิดให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก... เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น...เท่ากับผมละเลยไม่รับผิดชอบต่อแขกของซิเรนดิพิตี้ คุณว่าจริงไหม...?”

เป็นครั้งแรกนับแต่เขาแนะนำตนเองที่เฮลเล่ย์พูดขึ้น..

“ใช่ค่ะ เป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้ว" เธอคล้อยตามด้วยจิตใจห่อเหี่ยว...นั่นยังไง ในที่สุดเขาก็พูดออกมาแล้ว...เธอคิดอยู่ในใจ ถ้าเขาไม่ไล่ฉันออกวันนี้เขาก็คงจะสั่งพักงานอย่างไม่ต้องสงสัยเลย...แต่เขาก็ยั่วโทสะอยู่ตลอดเวลานี่...เธอเข้าข้างตัวเองอย่างกราดเกรี้ยว

เธอพยายามอดทนที่จะฟังการสาธยายของเขาต่อไป แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเขากลับเดินไปยังประตูห้องปฐมพยาบาล เคาะเบาๆ พร้อมกับถามว่า

“เฟธ...สบายดีแล้วใช่ไหมลูก... นี่พ่อกำลังรอจะพาหนูกลับไปเล่นไซด์วินเดอร์อยู่นะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel