บทที่ 3
เธอเดินไปที่อ่างล้างมือ เอากระดาษซับมือรองน้ำจากก๊อกที่ค่อนข้างเย็น พยายามแต่งยิ้มไว้บนใบหน้าเมื่อชวนคุย
“เอ...แล้วหนูคิดว่าผึ้งมันเข้าไปต่อยหนูถึงในนั้นได้ยังไงล่ะคะ?”
“หนูกำลังเอื้อมมือไปจะจับธงอันหนึ่งที่ติดไว้ตรงราวค่ะ แล้วตรงนั้นก็มีพุ่มไม้...”
“ค่ะ ต้นฮันนี่ซัคเคิ้ล”
“ใช่ค่ะ ดอกมันหอมมาก หนูคิดว่ามันคงบินเข้าไปในแขนเสื้อหนูตอนนั้นละค่ะ...” เด็กหญิงเริ่มเสียงสั่นขึ้นมาอีก “คุณคิดว่าพ่อจะโมโหหนูมากไหมคะ... เพราะหนูทำอะไรไม่เข้าท่า...”
เฮลเล่ย์ต้องพยายามกลั้นยิ้มไว้อีกครั้งขณะเอากระดาษชุ่มน้ำปะลงไว้กับทรวงอกเล็กๆ ของสาวน้อย กดไว้ครู่สั้นๆ ก่อนที่เฟธจะจับไว้เอง
“ฉันคิดว่าคุณพ่อหนูจะต้องสบายใจขึ้นอย่างมากเลยค่ะถ้ารู้ว่าหนูไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าถูกผึ้งต่อย” เฮลเล่ย์รับรองก่อนพูดต่อ “ที่ฉันพูดนี่ไม่ได้หมายความว่า ผึ้งต่อยแล้วจะไม่เจ็บหรอกนะคะ แต่อย่าไปให้เขาเป็นห่วงจะดีกว่า พวกผู้ชายน่ะไม่เข้าใจหรอกว่าเรา...พวกผู้หญิงมีความรู้สึกยังไงกับเรื่องแบบนี้ หนูว่าจริงไหม?” เฟธส่ายหน้าช้าๆ อยู่กับผู้หญิงสาวสวยคนนี้ ที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
“ไม่หรอกค่ะ พ่อไม่เคยเข้าใจอะไรเลย พ่อมองเห็นหนูเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา”
“ที่จริงตอนนี้ใครๆ เขาก็ต้องมองเห็นกันอยู่แล้วละค่ะว่าหนูกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาหวังจะเห็นหนูทำอะไรล่ะ...จะให้ถอดเสื้อออกต่อหน้าผู้คนแล้วก็ตะโกนร้องว่า ผึ้งมันเข้าไปต่อยตรงหน้าอกหนู...ยังงั้นหรือคะ?”
ทั้งที่มันเป็นคำพูดไร้สาระแต่กระนั้นก็ยังได้ผล เพราะเฟธปล่อยหัวเราะคิกออกมา และเฮลเล่ย์ก็ถือโอกาสเดินหน้าต่อทันที
“ฉันว่าตอนนี้เรามาช่วยกันใส่เสื้อให้หนูก่อนดีไหมคะ... เอากระดาษเย็นปะไว้ตรงนั้นแหละ แล้วเดี๋ยวเรานั่งรถกอล์ฟไปที่แผนกปฐมพยาบาลด้วยกัน ฉันจะใส่น้ำมันบาล์มที่แผลให้ รับรองว่ามันจะไม่ทำให้หนูเจ็บหรือปวดอีกต่อไปเลย แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปนั่งดื่มโค้กกันให้ชื่นใจ...ฟังเข้าท่าดีไหมล่ะ?”
เฟธมองไปทางประตูห้องน้ำอย่างใจคอไม่สู้ดีเท่าไรนัก และเฮลเล่ย์ก็เสริมว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้วฉันให้เขากันคนออกไปหมดแล้ว แต่เราก็จะมานั่งอยู่ด้วยกันในห้องน้ำตลอดไปไม่ได้หรอกจริงไหม...?”
คำพูดของเธอทำให้เด็กหญิงหัวเราะออกมาได้ ยอมสวมเสื้อแต่โดยดีและเฮลเล่ย์ก็ช่วยกลัดกระดุมให้ เฟธต้องยกมือขึ้นกอดอกไว้ เพื่อให้กระดาษชุบน้ำเย็นอยู่ในที่ หลังจากนั้นเฮลเล่ย์ก็ช่วยเช็ดหน้าให้ด้วยน้ำเย็น ร่องรอยบนใบหน้าจึงเหลือเพียงดวงตาที่บวมช้ำกับปลายจมูกที่แดงก่ำเท่านั้น
เฮลเล่ย์โอบไหล่ผอมบางของเด็กหญิงไว้ขณะพาเดินออกประตูมา และเช่นที่เธอตั้งความหวังไว้ ผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นต่างแยกย้ายกันออกไปจากตรงนั้นหมดแล้ว จะมีก็แต่พ่อของเฟธที่ยืนนิ่งขึง ดวงตาจับอยู่แต่ที่หน้าประตู สีหน้าเขาดีขึ้นมากเมื่อเห็นเฮลเล่ย์พาลูกสาวเดินออกมา
“เฟธ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก...?” เขาถามเสียงเข้ม
“หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แด้ดดี้...สบายดีทุกอย่าง” หางเสียงของเจ้าหล่อนบอกความเขินอาย
“แล้วทำไมลูกถึงได้...ทำอะไรอย่างนั้นล่ะ?”
เฮลเล่ย์ขัดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที มีความรู้สึกว่าการที่เขาจะไต่ถามเพื่อหาสาเหตุจากลูกสาวนั้น ควรชะลอเวลาไว้ก่อน
“... ฉันกำลังจะพาเฟธนั่งรถกอล์ฟไปที่ห้องปฐมพยาบาลค่ะ จริงๆ แล้วฉันคิดว่าแกไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากทำอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจ” พูดจบเธอก็รุนร่างเฟธให้เดินตรงไปยังรถกอล์ฟที่ดอว์สันสั่งให้มารออยู่
“เดี๋ยวก่อนสิ มิส...”
“เดี๋ยวให้คุณดอว์สันชี้ทางให้ก็แล้วกันนะคะ” เฮลเล่ย์บอกเขาด้วยน้ำเสียงชาเย็น ขณะที่เธอเข้าเกียร์รถคาร์ทคันเล็กและบังคับให้วิ่งไปตามถนนสายเล็กๆ ภายใน
ซึ่งถ้าเธอหันกลับมามองข้างหลัง เธอก็จะได้เห็นภาพที่เขายืนเอามือท้าวสะเอว ตาขวาง ราวกับอยากจะหักคอเธอให้ตายคามือในนาทีนั้น
เมื่อเฮลเลย์กับเฟธไปถึงห้องปฐมพยาบาลที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสนุก ทั้งสองก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วสาวน้อยคุยจ้อขณะก้าวเข้าไปในตัวอาคารหลังเล็กที่ก่อด้วยอิฐสีแดง เนื่องจากขณะนั้น นางพยาบาลกำลังดูแลชายสูงอายุคนหนึ่งอยู่ เฮลเล่ย์จึงเป็นคนพาเฟธเข้าไปในห้องพยาบาลถัดไปด้วยตนเอง
“ถ้าหนูเจ็บก็บอกนะคะ...” เธอบอกขณะบีบยาน้ำมันในหลอดสีเงินลงตรงบริเวณทรวงอกเล็กๆ ของสาวน้อย ยังไม่ทันจะเสร็จดี ทั้งสองก็ได้ยินเสียงประตูหน้าถูกผลักให้เปิดออกเสียงฝีเท้าเดินอย่างรีบร้อนเข้ามาตรงห้องรับรองแขก
“แด้ดดี้มาแล้ว...” เด็กหญิงบอกด้วยน้ำเสียงเศร้า “แด้ดดี้ต้องโมโหหนูแน่เลย”
“ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวฉันจะช่วยพูดให้เอง เออ...หนูจะดื่มโค้กตอนนี้เลยไหมคะ?”
“ค่ะ ขอบคุณ..แต่คุณจะว่าอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าหนูขอดื่มในนี้?”
เฮลเล่ย์ยิ้มอย่างเข้าใจ ว่าขณะนี้เฟธยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับพ่อ
“หนูอยากอยู่ในห้องนี้นานแค่ไหนก็ได้ค่ะ”
เธอปิดประตูตามหลังลง เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่เดินกลับไปกลับมาอย่างงุ่นง่านอยู่หน้าโต๊ะพยาบาล
“ลูกสาวผมอยู่ไหน..?” เสียงเขาถามนางพยาบาลอยู่และเฮลเล่ย์ก็รู้ว่านางพยาบาลคนนั้นออกจะตกใจเพราะไม่เคยเจอใครที่แสดงกิริยาหยาบคายเช่นนี้มาก่อน
“อ๋อ...อยู่ในห้องพยาบาลค่ะ” เธอช่วยตอบแทนขณะเดินตรงไปยังตู้เย็นซึ่งตั้งอยู่ฟากห้องตรงข้าม “ฉันกำลังจะเอาโค้กเข้าไปให้แก”
“โค้ก... นี่คุณจะให้แกดื่มโค้กในเวลาอย่างนี้งั้นเรอะ...?”
เฮลเล่ย์เปิดกระป๋องโค้กอย่างใจเย็น ไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงของเขาแม้แต่น้อย แถมยังเดินถือกระป๋องเครื่องดื่ม
เข้าไปให้เฟธที่นั่งรออยู่บนเตียงพยาบาลในห้องอีกด้วย
“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงแสดงมารยาทสุภาพเมื่อเฮลเล่ย์ยื่นกระป๋องโค้กให้ ถามอย่างระมัดระวังว่า
“เฟธ คุณแม่หนูไปไหนเสียล่ะคะ?”
“แม่ตายแล้วค่ะ...” เด็กหญิงตอบเสียงเศร้า “เพิ่งตายเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง...” ซึ่งเฮลเล่ย์ก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน
“เออ... หนูคิดว่าให้ฉันบอกคุณพ่อของหนูเสียหน่อยจะดีไหมคะ เรื่องที่หนูถูกผึ้งต่อยน่ะ?”
เมื่อเฟธพยักหน้าอนุญาต เฮลเล่ย์ก็ตบเข่าเล่นเบาๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูตามหลังลงแน่นหนา
พ่อของเฟธนั่งรออยู่บนโซฟา แต่ก็ถลันลุกขึ้นทันทีที่เฮลเล่ย์เดินออกมาจากในห้อง
“ดิฉันว่าคุณนั่งลงก่อนดีกว่านะคะ ดิฉันจะต้องกรอกแบบฟอร์มก่อน”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินเข้าไปที่โต๊ะทำงาน พยายามจะไม่มองไปทางเขา เพราะรู้อยู่ว่าขณะนี้เขาใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว เธอหยิบแบบฟอร์มรายงานอุบัติเหตุออกมาสอดเข้าไปในเครื่องพิมพ์ดีด
“รอเดี๋ยวนะคะ.”
“ผมไม่สนไอ้แบบฟอร์มบ้าๆ นั่นของคุณหรอกนะ มิสแอชตัน ผมต้องการรู้อาการของลูกสาวผม...และต้องรู้เดี๋ยวนี้ด้วย” แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงกราดเกรี้ยวเช่นในตอนแรก แต่เขากำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะและเข้ามาหยุดอยู่ข้างตัว
เธอเงยขึ้นมองหน้าเขา ที่กำลังเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะทำงาน ในยามนี้เขาอยู่ใกล้ตัวเธออย่างน่ากลัวอันตรายทีเดียว เป็นครั้งแรกที่เธอมองเห็นเขาในภาพลักษณ์ของผู้ชายเต็มตัว มิใช่เป็นเพียงลูกค้าคนหนึ่งของสวนสนุกที่ผ่านเข้ามาเพื่อจะผ่านออกไป
แววในดวงตาของเขายามนี้ที่เพ่งตรงเข้ามาในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและมุ่งมั่น เช่นที่เธอเห็นแต่ตอนแรก เธอยังสังเกตเห็นต่อไปอีกด้วยว่า เขามีจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากค่อนข้างกว้าง ทว่าขณะนี้ดูบางเฉียบด้วยแรงอารมณ์ ซึ่งเธอแน่ใจว่า ถ้าในยามที่เขาอารมณ์ดี มันจะต้องเป็นริมฝีปากคู่ที่มีเสน่ห์จับใจทีเดียว ทั้งคางและสันกรามที่ยื่นเด่นออกมา บ่งบอกถึงความเป็นคนแกร่งและมีทิฐิสูง เปี่ยมด้วยพลัง ที่ออกจะเป็นอันตรายสำหรับผู้ที่หาญกล้ามาท้าทายเขา เรือนผมของเขาค่อนข้างยุ่งแต่ก็ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ลึกลับหนักขึ้นไปอีก