ร้อยเล่ห์เสน่ห์รัก

88.0K · ยังไม่จบ
Readed
37
บท
342
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในสายตาของโลกธุรกิจ เฮลเล่ย์ แอชตัน ผู้บริหารสวนสนุกซิเรนดิฟิตี้ คือผู้หญิงที่กำลังมีความก้าวหน้าอย่างมาก ทว่า...น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ภายใต้หน้ากากนั้น เธอคือผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งชีวิตมีแต่ความเงียบเหงา และต้องอยู่ใต้เงาของ เอลเลน น้องสาวผู้มีความสวยเลอเลิศตลอดเวลา และแล้ว... เธอก็ได้พบกับ ไทเลอร์ สก็อตต์ มหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของซิเรนดิซิตี้คนใหม่ เขาเป็นพ่อม่ายผู้มีลูกสาววัยรุ่นติดมาด้วยหนึ่งคน ไทเลอร์ปรารถนาจะได้เฮลเล่ย์ไว้ในอ้อมแขน และในชีวิตของลูกสาว... เฮลเล่ย์...ปรารถนาจะเปลี่ยนบุคลิกให้เซ็กซี่ เช่นที่เธอคิดว่า ไทเลอร์ ต้องการ ทว่า...ในที่สุดแล้ว ทั้งเขาและเธอต่างได้ค้นพบว่าความสัมพันธ์ที่จะราบรื่นนั้น ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้จากการเรียกร้อง.... ความรัก...จะเกิดขึ้นได้ด้วยการเชื่อถือ ไว้วางใจในกันและกันเท่านั้น..... -------------------------------

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรักประธานรักแรกพบรักวัยรุ่นรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

บทที่ 1

“มิส แอชตันค่ะ...” เฮลเล่ย์กดปุ่มสีแดงที่สว่างวาบขึ้น และบอกชื่อตนเองออกไป

“มิส แอชตัน...นี่ผมดอว์สันพูดนะครับ...” เฮลเล่ย์ แอชตัน สามารถบอกได้จากเสียงพูดที่แหบพร่ากับเสียงอื้ออึงที่ดังอยู่ข้างหลังเป็นแบ็คกราวนด์ ว่า หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังพูดมาจากเพจเจอร์ที่ติดตัวอยู่ “กรุณามาที่ไซด์วินเดอร์ด่วนเลยครับ ตรงนี้กำลังวุ่นวายกันใหญ่แล้ว ไม่มีใครรู้ด้วยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

เฮลเล่ย์รู้ได้ในทันที ว่านี่จะต้องเป็นกรณีฉุกเฉินที่สำคัญมาก เพราะแม้แต่มิสเตอร์ ดอร์สัน ที่เป็นคนใจเย็น

สามารถแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง... ก็ยังรายงานเสียงสั่น

“เรื่องมันเป็นยังไงถึงได้วุ่นวายขนาดนั้นล่ะ...?” เธอถามด้วยน้ำเสียงของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มที่

“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่มีผู้ชายคนหนึ่งที่นี่ กำลังตวาดกราดเกรี้ยวใส่ใครต่อใครทั่วไปหมด เขาบอกว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกสาวของเขา...เท่าที่ผมรู้...เด็กคนนั้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำผู้หญิงแล้วก็เข้าไปขังตัวอยู่ในห้องหนึ่ง ส่วนคุณผู้ชายคนนั้นก็กำลังส่งเสียงเอะอะดังลั่นไปหมด ผู้คนที่จับกลุ่มกันอยู่ตรงนี้ก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ ...”

“เอาละ...งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

“คุณจะให้ผมส่งกอล์ฟคาร์ทไปรับไหมครับ มันร้อนยังกะ...”

“ไม่ต้องค่ะ ฉันวิ่งไปเองได้” เฮลเล่ย์ตอบ “คุณดอว์สันสำหรับตอนนี้ฉันอยากให้คุณช่วยทำให้ทุกคนสงบก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นพ่อนั่นแหละ”

“ได้ครับ”

เขาปิดเพจเจอร์ลง และเฮลเล่ย์ก็รีบเดินแกมวิ่งออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะร้องบอกผู้ช่วยไปพลาง...

“ช่วยดูแลทางนี้ทีนะ ชาร์ลีน...”

ห้องทำงานสี่เหลี่ยมเล็กๆ กรุกระจกรอบด้านของเฮลเล่ย์... อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าด้านหน้าของสวนสนุก

ซิเรนดิพิตี้ ความร้อนของอากาศเดือนกันยายนกระแทกเข้าอย่างจัง ขณะที่เธอรีบรุดตัดแถวลูกค้าซึ่งเธอถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของสวนสนุกแห่งนั้น แต่ละคนล้วนอุ้มลูกจูงหลานหลั่งไหลผ่านประตูใหญ่ด้านหน้าเข้ามา

แขกคนหนึ่งกำลังทำให้แถวติดยาวเหยียด เพราะเขากำลังโต้เถียงอยู่กับพนักงานขายตั๋วเพื่อขอส่วนลดอย่างเผ็ดร้อนพนักงานสาวผู้นั้นมีสีหน้าโล่งใจขึ้น เมื่อเห็นเฮลเล่ย์ผ่านเข้าไปขณะนั้นพอดี...

“มิส แอชตันคะ...?”

“มีปัญหาอะไรหรือคะ?” เฮลเล่ย์เดินตรงเข้าไปหาลูกค้ารายนั้นทันที เพื่อประหยัดเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งที่ใจร้อนเป็นไฟกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่ที่ไซด์วินเดอร์

“ก็ใช่น่ะสิ...” ผู้ชายคนนั้นพูดเสียงดัง “ก็พนักงานของคุณบอกว่า ผมจะซื้อบัตรลดราคาให้ลูกชายไม่ได้ ลูกผมมันเพิ่งจะสามขวบเท่านั้นนะ ผมรู้นี่ มันไม่มีปัญญาเข้าไปเล่นเครื่องเล่นชิ้นใหญ่ได้หรอก...”

“งั้นก็เชิญเลยค่ะ เชิญพาครอบครัวของคุณเข้าได้เลยฉันอนุญาต” เฮลเล่ย์รีบตัดบท ทั้งที่รู้ว่าการตัดสินใจของเธอมันไม่ถูกต้องตามระเบียบที่ฝ่ายบริหารตั้งขึ้นไว้ หรือแม้แต่ลูกค้ารายอื่นที่ต้องเสียเงินค่าบัตรเต็มราคาสำหรับลูกอายุสามขวบก็ตาม แต่ขณะนี้เฮลเล่ย์มีเรื่องด่วนที่จะต้องรีบจัดการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เธอคิดว่าตัวเองสามารถเจรจากับพนักงานที่บ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจทีหลังได้

เธอเพียงแต่พยักหน้ารับคำขอบใจของผู้ชายคนนั้นก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไปตรงส่วนที่มีรั้วไม้กั้นเพื่อแยกบริเวณสาธารณะกับส่วนเฉพาะพนักงานออกจากกันในยามบ่ายของวันอาทิตย์เช่นนี้ ทั่วบริเวณสวนสนุกเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการกันอย่างคลาคล่ำ และแน่นอนว่า ยิ่งมีผู้คนมากเท่าไรก็จะยิ่งมีปัญหาเกิดตามมามากขึ้นเท่านั้น ในฐานะที่เฮลเล่ย์อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เธอชินเสียแล้วกับการแก้ปัญหาเร่งด่วน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์หรือพระเจ้าก็ตาม...!

เธอเดินแกมวิ่งตัดลานกว้าง ที่ลาดไว้ด้วยยางแอสฟัลท์ซึ่งใกล้จะหลอมละลายด้วยความร้อนผิดฤดู... ชายกระโปรงสีขาวสะบัดพลิ้วอยู่รอบท่อนขาเรียวงาม หยาดเหงื่อชุ่มอยู่กับแผ่นหลังของเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีเขียว เฮลเล่ย์ขอบคุณตัวเองอยู่ในใจ ที่วันนี้เธอตลบพวงผมขึ้นมุ่นเป็นมวยไว้ ไม่เช่นนั้นพวงผมสีน้ำตาลแกมทองที่ปรกติจะยาวเคลียไหล่ จะต้องเป็นหลอดพันกันยุ่งเหยิงด้วยความร้อนที่ลามลวกอยู่ขณะนี้

เฮลเล่ย์ไปถึงอีกฟากหนึ่งของสวนสนุกทันเวลา เดอะ เคาท์ตี้ โร้ดส เธียเตอร์ ซึ่งจะเปิดการแสดงดนตรีวันละหกรอบเพิ่งจะว่างลง เธอแทบจะถูกกลืนเข้าไปในท่ามกลางผู้คนที่หลั่งไหลตามกันออกมาจากโรงละครแห่งนั้น

รอยยิ้มอ่อนๆ แฝงเร้นอยู่ในสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเดือดเนื้อร้อนใจ...เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ...?...มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหล่อนกันแน่นะ...?

แต่ถึงแม้จะรีบร้อนขนาดไหน เฮลเล่ย์ก็ยังก้มลงเก็บก้นบุหรี่ที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางด้วยความมักง่าย สวนสนุกแห่งนี้มีกฎอยู่ว่า...พนักงานคนใดก็ตาม ที่มองข้ามเศษขยะไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตามที่หล่นอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะ โดยไม่ยอมก้มลงเก็บและใส่ลงในถังขยะให้เรียบร้อย จะต้องถูกไล่ออกทันที...! ดังนั้น พนักงานทำความสะอาดในเครื่องแบบสีเขียวของที่นี่ จึงต้องดูแลเก็บกวาดบริเวณสวนสาธารณะให้สะอาดงดงาม เหมือนห้องนั่งเล่นในบ้านของคุณยายทีเดียว...

เฮลเล่ย์เดินผ่านร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่ ซึ่งสินค้าในร้านมีทั้งโปสเตอร์ เสื้อยืด ถ้วยกาแฟของขวัญ รวมไปถึงสัญลักษณ์แห่งเทือกเขาสโม๊กกี้ เมาเท่นส์ สัญลักษณ์แห่งรัฐเทนเนสซี่และแกทลินเบิร์ก เป็นต้น นับว่าเป็นธุรกิจที่ดีทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่เดินเข้าเดินออกอยู่กับร้านขายของที่ระลึกแห่งนี้ ก็ยังไม่อาจเปรียบได้กับผู้คนที่ไปชุมนุมกันอยู่ตรงบริเวณห้องน้ำสตรีใกล้กับไซด์วินเดอร์ ที่จริงเครื่องเล่นที่ขึ้นไปหมุนคว้างอยู่กลางอากาศนั้น แม้จะมีขนาดใหญ่โตทว่ามันก็เป็นชิ้นที่น่ากลัวอย่างมาก แม้แต่เฮลเล่ย์เองก็ยังไม่กล้าพอที่จะขึ้นไปเล่น แต่ขณะนี้เธอกำลังให้ความสนใจกับมันขณะเดินแกมวิ่งฝ่าเข้าไปในหมู่ผู้คน

“ขอทางหน่อยค่ะ... ขอโทษนะคะ...ขอทางหน่อย...” เธอพูดอย่างมีมารยาทแต่ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ขอโทษค่ะ...” เธอเดินอ้อมผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังตักไอศกรีมเข้าปากอยู่ พอหลุดจากตรงนั้นมาได้ก็พบกับดอร์สันที่กำลังยืนหันหลังให้เข้าพอดี

“คุณดอว์สัน...” เธอแตะไหล่พร้อมกับเรียกชื่อเขา

“โอ...มิส แอชตัน..ขอบคุณเหลือเกิน...”

“คุณคนนี้ใช่ไหมที่ปล่อยให้เรารออยู่ตั้งนานกว่าจะโผล่มาได้?”

เสียงที่ถามแฝงไว้ทั้งแววตำหนิ ดูหมิ่น หงุดหงิดและเห็นได้ชัดว่ากำลังขุ่นเคืองเต็มที่ ทั้งยังแฝงนัยเป็นทำนองว่า...เฮลเล่ย์ไม่ได้มีค่าสมควรแก่การรอคอยเลย...เธอหันขวับไปทันทีและพบเข้ากับดวงตาสีเทาเหล็กใต้แนวคิ้วหนาเข้ม

“ฉันชื่อเฮลเล่ย์ค่ะ เป็นผู้อำนวยการฝ่าย...”

“ลูกค้าสัมพันธ์สินะ...” หางเสียงของเขาหยันเยาะเมื่อตวัดสายตามองป้ายที่ติดอยู่กับกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย “อย่ามัวเสียเวลาบอกตำแหน่งหน้าที่ให้ผมฟังอยู่เลย เวลานี้ผมต้องการเห็นการปฏิบัติมากกว่า” จนพูดประโยคนั้นจบแล้ว เขาจึงได้เหลือบตาขึ้นมองเธอ แววขุ่นเคืองในสายตาของเขาคล้ายจะสะท้อนแรงเต้นของหัวใจขณะที่เขาจ้องมองเธออยู่ เขามีท่าคล้ายจะอึ้งไป กะพริบตา แล้วก็เอ่ยต่อว่า “ผมจะบอกให้ว่า ขณะนี้มันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกสาวผม และผมก็ถูกห้อมล้อมอยู่ด้วยพนักงานที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุด” ริมฝีปากของเขาแทบไม่ขยับเลยขณะพูด

“ใจเย็นๆ ไว้ก่อนนะคะ... ช่วยเล่าให้ฉันฟังช้าๆสิคะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เฮลเล่ย์พูดอย่างคนที่มีความรับผิดชอบเต็มที่ “คุณคงทราบดีนะคะว่า ถ้าขืนใจร้อนอย่างนี้ มันย่อมไม่เป็นผลดีทั้งกับตัวคุณเองและลูกสาวของคุณแน่จริงไหมคะ?”