บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ระหว่างที่ภูริชเข้าร่วมประชุมกับผู้ค้าอัญมณีระดับโลก และเข้าชมพร้อมทั้งนำเครื่องประดับราคาแพงลิบในแบรนด์วิชชุกรเข้าร่วมแสดงแฟชั่นโชว์อัญมณีในกรุงลอนดอน ทางด้านของจิลลาภัทรก็ขัดคำสั่งของพี่ชาย แอบหนีมาเที่ยวประเทศอัสดารานส์จนได้

และแค่เพียงวันแรกที่เดินทางมาถึงแผ่นดินทะเลทราย จิลลาภัทรก็ต้องเจอกับเหตุการณ์เสี่ยงตายเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อผ้าพันคอของเธอถูกกระแสลมพัดกระทั่งปลิวไปตกอยู่ในสนามประลองความเร็วม้า และขณะเข้าไปคว้าผ้าพันคอกลับคืนก็เกือบถูกเจ้าอาชาไนยของชีคฟารีสต์เหยียบเอา หากท่านชีคผู้นี้ไม่บังคับม้าให้หลบไปอีกทางได้ซะก่อน

แม้จะปลอดภัยจากการถูกม้าเหยียบ แต่จิลลาภัทรก็ยังไม่หายตกใจ และขณะกำลังจะกลับโรงแรม หญิงสาวก็เผอิญเก็บสร้อยคอของชีคฟารีสต์ที่ทำตกไว้ตรงบริเวณสนามประลองความเร็วม้า

และในค่ำคืนวันเดียวกันนั้น ผู้เป็นเจ้าของสร้อยคออันล้ำค่าก็มาทวงถามเอาสร้อยคอคืนจากจิลลาภัทรถึงห้องพักในโรงแรม

จิลลาภัทรเบิกตาโตอ้าปากค้าง อยู่ในอาการที่เรียกว่าตกใจแทบช็อก เมื่อจู่ๆ ราชนิกุลหนุ่มได้มายืนอยู่ตรงหน้า ทั้งๆ ที่เธอล็อกประตูห้องพักไว้อย่างแน่นหนา พอเห็นชีคฟารีสต์เข้ามาในห้องก็ร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นและลุกพรวดจากอ่างจากุซซี่ ลืมซะสนิทใจว่าตอนนี้ตัวเธอไม่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว

“กรี๊ดดดด!!! คุณ...ท่านชีค เข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง”

ชีคฟารีสต์ถึงกับลืมหายใจชั่วขณะ กลืนน้ำลายลงคอ กัดฟันกรอดเพื่อระงับไฟสวาทซึ่งกำลังปะทุเดือดพล่าน เมื่อมองปะทะกับเรือนร่างอรชรเปล่าเปลือย ที่อวดความงดงามอยู่ตรงหน้า และต้องใช้เวลาหลายนาที กว่าจะควบสติได้และเค้นตอบพร้อมกับกระตุกยิ้มตรงมุมปาก

“โรงแรมนี้เป็นของเรา ทำไมเราจะเข้ามาในห้องของเจ้าไม่ได้”

“ท่านมาเอาสร้อยคืนใช่ไหม มันวางอยู่บนหัวเตียง เอาคืนไป แล้วออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว”

จิลลาภัทรชี้นิ้วตวาดออกคำสั่ง ขณะเดียวกันดวงตาคู่สวยก็สอดสายตามองหาลู่ทางที่จะวิ่งหนีจากเงื้อมมือของชีคฟารีสต์

“เราไม่ได้ต้องการแค่สร้อยกลับคืน แต่เราต้องการอย่างอื่นด้วย”

ชีคฟารีสต์ผู้ฟังคำสั่งใครไม่เป็น หาได้ทำตามคำสั่งของจิลลาภัทรไม่! ขณะเอ่ยตอบเสียงติดสั่นพร่า เรือนกายกำยำก็ย่างก้าวเข้าหาจิลลาภัทรราวกับราชสีห์กำลังจะตะครุบกระต่ายน้อยเนื้อหวาน ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองร่างบางเปล่าเปลือยที่กระเถิบกายถอยหนี ยิ่งเพ่งสายตามองดวงหน้างามลออ ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้นสายตากับใบหน้าและดวงตาคู่นี้ และก็นึกคิดถึงคำพูดของพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่บอกกับพระองค์ว่า

‘คุณจิลลาภัทร วิชชุกร เธอพักอยู่ชั้นสิบ ห้องหมายเลขเก้าครับ’

“จิลลาภัทร วิชชุกร...วิชชุกร”

เจ้าแห่งทะเลทรายพึมพำอยู่ในลำคอ แล้วจู่ๆ ใบหน้าคมเข้มก็ตีสีหน้าถมึงทึง ดวงตาลุกวาบด้วยไฟโทสะ ก่อนจะเค้นถามเสียงลอดไรฟัน เมื่อนึกออกแล้วว่าเคยได้ยินนามสกุลนี้มาจากที่ไหน

“วิชชุกร นามสกุลของไอ้ภูริช เธอเป็นอะไรกับไอ้ภูริช วิชชุกร”

จิลลาภัทรทั้งจุกทั้งเจ็บ ตอนถูกกระชากให้ปะทะกับกำแพงมนุษย์หนาแข็งแกร่ง หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีจากสายตาคมกริบ ซึ่งกำลังจ้องมองเขม็งขณะเค้นเอาคำตอบ แต่ด้วยปลายนิ้วที่ยังคงจับยึดปลายคางมนไว้แน่น ส่งผลให้เธอทำตามใจต้องการไม่ได้ และเมื่อถูกจ้องเขม็งไม่วางตา ก็จำใจเอ่ยตอบคำถามออกมาในที่สุด

“พี่ตะวันเป็นพี่ชายของฉัน ท่านชีครู้จักพี่ตะวันด้วยหรือคะ”

ชีคฟารีสต์ไม่รู้ตัวเลยว่าได้คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ตอนได้ยินคำตอบซึ่งหลุด

ออกมาจากเรียวปากสีสวย พอรู้ว่าจิลลาภัทรยังไร้ซึ่งพันธะ ไร้ซึ่งภมรดอมดม พระองค์ก็ไม่ลังเลที่จะผูกมัดให้หญิงสาวตกเป็นเครื่องมือการแก้แค้นของพระองค์

“ทำไมเราจะไม่รู้จักไอ้ตะวันพี่ชายของเจ้า เรารู้จักและจำหน้ามันได้ไม่เคยลืม ว่ามันเป็นคนแย่งผู้หญิงของเราไป”

ประมุขแห่งแผ่นดินทะเลทรายตอบเสียงห้วน ดวงตาสีนิลลุกวาบด้วยไฟแห่งความแค้น ตอนพระองค์ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชิคาโก พระองค์ถูกหนุ่มชาวไทย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นวิชาเรียนได้หักหน้า ทำให้พระองค์ขายหน้าผู้คนทั่วทั้งมหาวิทยาลัย พระองค์ไม่ได้เสียดายผู้หญิงที่มากรักใจโลเลทิ้งพระองค์ไปซบอกไอ้หนุ่มชาวไทย แต่พระองค์รู้สึกเสียหน้าที่ถูกหนุ่มชาวไทย ซึ่งพระองค์จำชื่อได้ไม่เคยลืมว่าชื่อ ภูริช วิชชุกร ได้ลูบคม

จิลลาภัทรหน้าถอดสีเผือด รู้แล้วว่าเพราะเหตุใด พี่ชายถึงห้ามนักห้ามหนาไม่ให้มาเที่ยวยังแผ่นผืนทะเลทราย โดยเฉพาะประเทศอัสดารานส์ ที่เธอดื้อดึงอยากจะมาเที่ยวให้ได้

“ท่านชีคจำผิดคนหรือเปล่าคะ พี่ตะวันไม่มีทางแย่งผู้หญิงของใครอย่างเด็ด

ขาด”

ทั้งๆ ได้ยินคำตอบจากชีคฟารีสต์อย่างชัดเจนแล้ว แต่จิลลาภัทรก็พยายามเอ่ยแก้ต่างให้กับพี่ชาย

“ฮึ! ใครจำหน้าคนที่แย่งผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ ก็ถือว่าแย่แล้วล่ะจันทร์เจ้า ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปียี่สิบปี เราก็จำพี่ชายของเจ้าได้แม่นยำ และเราจะแก้แค้นไอ้ตะวันกลับคืนด้วย”

ประโยคสุดท้ายชีคฟารีสต์เค้นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ลดใบหน้าคมเข้มลงต่ำ กระทั่งจมูกโด่งเป็นสันสัมผัสกับปลายจมูกเล็ก ลมหายใจอุ่นๆ หอมสะอาดเป่ารินรดทั่วใบหน้างามที่เริ่มแดงซ่านไปทั่ว ก่อนจะเค้นเสียงเยาะหยันออกมาอีกครั้ง

“ตอนอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใครๆ ก็รู้ว่าไอ้ตะวันหวงน้องสาวมาก เราอยากเห็น

ใบหน้าหล่อๆ ของมันจริงๆ ว่ามันจะทำหน้าอย่างไร ตอนที่มันรู้ว่าเจ้าอยู่กับเราที่นี่”

จิลลาภัทรหน้าถอดสีเผือดมากกว่าเดิม เมื่อจู่ๆ ก็กลายมาเป็นเหยื่อในการแก้แค้นของชีคฟารีสต์ หญิงสาวหายใจหัวเร็ว เมื่อริมฝีปากร้อนผะผ่าวได้ลดลงต่ำสัมผัสบางเบาบนเรียวปากอิ่มสีหวาน เธอพยายามผงะถอยหนี พร้อมกับตะโกนด่าคนที่สวม

กอดตัวเธอไว้แนบแน่น

“ท่านชีค! ท่านกำลังทำไม่ถูกต้อง ท่านมีปัญหาส่วนตัวกับพี่ตะวัน แล้วทำไมไม่เคลียร์กันเอง ท่านจะดึงฉันไปเกี่ยวข้องด้วยทำไม”

ชีคฟารีสต์เผยสีหน้าตกใจตอนถูกจิลลาภัทรตะโกนสั่งสอน แต่กระนั้นก็ยังยิ้มกว้าง แล้วเอ่ยตอบให้จิลลาภัทรได้เห็นลางพ่ายแพ้ของตัวเอง

“แก้แค้นกับเจ้าสิถึงจะสนุก ตัวเจ้าทั้งนุ่มเนียนมือ หอมละมุนติดจมูก และดูท่าว่าจะหวานฉ่ำอยู่ไม่น้อย”

ขณะกระซิบตอบเสียงสั่นพร่า มือใหญ่ก็ลูบไล้ทั่วดวงหน้างาม ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนเรียวปากสีกุหลาบ เพื่อพิสูจน์ว่าเรียวปากอิ่มคู่นี้จะหวานฉ่ำดังที่นึกคิดและจินตนาการไว้หรือเปล่า

จิลลาภัทรพยายามขบเม้มเรียวปากไว้แน่น ไม่ให้ลิ้นนุ่มร้อนผ่าวได้สอดเข้าไปกระหวัดชิมความหวานฉ่ำที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน ขณะเดียวกันก็พึมพำตะโกนด่าเสียงอู้อี้

“ปล่อย! ไอ้ชีคบ้า”

ชีคฟารีสต์หาสนใจคำตะโกนด่าของจิลลาภัทรไม่ เมื่อเรียวปากอิ่มไม่ยอมเปิด

ทางให้ค้นหาแหล่งน้ำทิพย์อันชุ่มฉ่ำหวานล้ำ ก็เอื้อมทั้งสองกอบกุมเคล้นคลึงปทุมถันงามสล้างที่ถูกสร้างมาเพื่อพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น

การแก้แค้นของชีคฟารีสต์คงได้ดำเนินเกมต่อจนกระทั่งสุขสมเป็นแน่ ถ้าหากเสียงโทรศัพท์มือถือของจิลลาภัทรไม่ดังขึ้นซะก่อน และผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ไม่มีสิทธิ์กดรับสาย เพราะชีคฟารีสต์ไวกว่ามาก รีบคว้าโทรศัพท์ของจิลลาภัทรมากดรับสาย และด้วยมั่นใจเกินร้อยว่าคนที่โทร.มาจะต้องเป็นพี่ชายของหญิงสาวแน่ๆ จึงกดรับสายพร้อม

กับเค้นเสียงทักทายเย็นยะเยือกว่า

“สวัสดีไอ้ตะวัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel