บทที่ 3
สภาพรถเฟอรารี่สีแดงที่อัดก๊อบปี้อยู่กับเสาไฟ ทำเอาคนที่เพิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุถึงกับเข่าอ่อน คลินต์ขับรถชนเสาไฟอย่างแรงกระทั่งเสาไฟเอียงเกือบล้ม ส่วนสภาพรถเฟอรรารี่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าเดิม ฌอนพยายามตั้งสติให้มั่น รีบเข้าไปช่วยน้องชายออกมาจากรถ
“คลินต์ พี่มาแล้ว ได้ยินพี่ไหม”
ฌอนค่อยๆ จับร่างของน้องชายซึ่งฟุบอยู่บนพวงมาลัยรถออกอย่างช้าๆ เลือดที่ไหลเปรอะเต็มใบหน้า กอปรกับลมหายใจที่แผ่วเบาทำให้เขาใจไม่ดี
“คลินต์...นายได้ยินพี่ไหม พี่จะช่วยนายออกจากรถเดี๋ยวนี้”
ฌอนเอ่ยเรียกน้องชายอีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายพยายามปรือตาขึ้นมอง ทว่าเห็นภาพของพี่ชายเพียงลางๆ เพราะตอนนี้เลือดแดงฉานยังคงไหลจากบาดแผลเต็มใบหน้าไปหมด
“ฌอน...”
คลินต์เอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะพยายามยกมือข้างหนึ่งขึ้น และฌอนก็รีบจับไว้ด้วยความระมัดระวัง เพราะเห็นได้ชัดว่ามือของน้องชายหักจากแรงกระแทก
“พี่อยู่นี่ คลินต์ พี่จะช่วยนายเอง”
ฌอนเอ่ยบอกพร้อมกับค่อยๆ เช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าให้น้องชาย อาการของคลินต์ส่งสัญญาณไม่ดีจนเขามือไม้สั่นไปหมด
คลินต์ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ เอ่ยบอกเสียงขาดห้วง “ขา...ขาของผมติดอยู่ในรถ...ผมออกไปไม่ได้...”
“คลินต์ นายต้องสู้ รอไม่กี่นาทีหน่วยกู้ภัยก็จะมาถึงแล้ว พวกเขาจะช่วยนายออกมาจากรถ...คลินต์!”
ในตอนท้ายฌอนต้องตะโกนร้องเสียงดัง เมื่อคลินต์กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว แถมลมหายใจก็ยิ่งแผ่วเบาลงทุกขณะ ทำเอาเขาถึงกับสบถออกมาด้วยความหวาดกลัว
“บ้าชะมัด! เมื่อไรรถกู้ภัยจะมาถึงสักที”
“ฌอน...”
น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกนั้นแสนแผ่วเบาแทบไม่หลุดจากริมฝีปาก ทว่า...ฌอนยังคงได้ยิน ชายหนุ่มเอื้อมมืออีกข้างเช็ดคราบเลือดออกจากริมฝีปากให้น้องชาย และยังคงเอ่ยปลอบให้กำลังใจตลอดเวลา
“นายจะไม่เป็นอะไรนะ คลินต์ นายต้องสู้เพื่อพี่”
“ผม...ผมไม่ไหวแล้ว...”
“คลินต์ นายต้องสู้ นายจะยอมแพ้มันไม่ได้”
ฌอนตะโกนสั่งหลังจากได้ยินคำพูดของน้องชาย ยิ่งเห็นอาการของคลินต์ทั้งกระอักเลือด ทั้งตัวสั่นกับเส้นฟางเส้นสุดท้ายที่กำลังจะขาดผึงลงก็ยิ่งใจเสีย เอ่ยสั่งน้องชายไปด้วยความลืมตัว
“ได้โปรด...คลินต์ นายต้องอยู่กับพี่”
“ฌอน...สัญญา...สัญญากับผม...ว่าจะพาชีวาพร...และ...และลูก...มาไหว้หลุมศพของผม...”
“ไม่! พี่ไม่สัญญา นายต้องไปหาชีวาพรและลูกของนาย”
ฌอนตวาดลั่น ขบกรามเข้าหากันแน่น ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะสูญเสียน้องชาย
“ฌอน...ได้โปรด...ทำเพื่อผม...”
ดวงตาของคลินต์ค่อยๆ ปิดลง เขามีลมหายใจอยู่เพียงเล็กน้อย เพียงเพื่อรอฟังคำสัญญาจากพี่ชายเท่านั้น
และฌอนก็รับรู้ว่าเวลาของคลินต์เหลือน้อยเต็มทีจึงบีบมือของอีกฝ่ายไว้แน่น ขณะเอ่ยคำสัญญาเสียงติดสั่นเครือ
“พี่สัญญา...พี่จะทำเพื่อนาย จะพาลูกและชีวาพรมาไหว้หลุมศพของนายให้ได้”
“ขะ...ขอบคุณ...ผมรักพี่ ฌอน...”
“คลินต์!!!”
ฌอนตะโกนเรียกน้องชายเสียงดังลั่นพร้อมกับกู่คำรามออกมาไม่ต่างจากสัตว์ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นน้องชายสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตา
“คลินต์!!! บ้าชะมัด ทำไมนายต้องทิ้งพี่ไป”
ฌอนชกเข้าไปที่ตัวรถเต็มแรงโดยไม่สนใจอาการเจ็บแปลบที่แล่นอยู่บนข้อมือกับการกระทำเช่นนั้น เขาเสียใจเกินกว่าจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตน ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำจากการกล้ำกลืนหยาดน้ำตาของลูกผู้ชายไว้
“คลินต์...”
ฌอนเรียกเสียงแผ่วเบาด้วยความเสียใจ ยังคงจ้องมองใบหน้าอันเต็มด้วยเลือด มือใหญ่ทั้งสองกุมมือของน้องชายไว้แน่น กระทั่งคนรับใช้เข้ามาเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบาด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน
“เจ้านายครับ รถกู้ภัยมาถึงแล้วครับ”
ฌอนพยักหน้ารับ ค่อยๆ ขยับกายออกมาจากตัวรถที่พังเละ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยนำร่างของคลินต์ออกมาจากซากรถเฟอรารี่ และตลอดเวลาที่จ้องมองเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังใช้เครื่องมือตัดประตูรถ ก็ขบกรามเพื่อข่มความเสียใจไว้ เพิ่งสังเกตเห็นว่าคลินต์ขับรถชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงกระทั่งเสาไฟเอียงแทบจะล้มเลยทีเดียว
ต้องใช้เวลาในการตัดซากรถเฟอรารี่อยู่นานหลายสิบนาที กว่าจะสามารถตัดประตูรถเฟอรารี่ออกได้ ฌอนรีบเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย และขอเป็นคนอุ้มร่างอันไร้วิญญาณของคลินต์ออกมาจากซากรถ พอวางร่างของน้องชายลงบนเปล ฌอนก็เอื้อมมือไปปิดเปลือกตาพร้อมกับก้มลงกระซิบชิดใบหูของคลินต์ว่า
“คลินต์ พี่สัญญาว่าจะพาลูกและชีวาพรมาหานายให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรพี่ก็ยอม เพียงเพื่อทำตามความต้องการของนายให้จงได้”