บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 กฎในราชวงศ์

บทที่ 2 กฎในราชวงศ์

อึก อึก

"นี่เหมยลี่ เจ้าจะดื่มอีกนานมั้ย ตั้งแต่เจ้าฟื้นมาก็มีท่าทีประหลาดคนนัก!! ลูกค้าเจ้าก็ไม่รับ"

อิงเย่ว์นั่งมอง เซียวเหมยลี่ที่กำลังยกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่าด้วยแววตาที่เอือมระอา ตั้งแต่เซียวเหมยลี่ตกน้ำและฟื้นขึ้นมา ก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

เซียวเหมยลี่วางจอกสุราในมือลง ก่อนจะจ้องมองอิงเย่ว์

แท้จริงแล้วนางทะลุมิติจากโลกปัจจุบันมาอยู่ในอดีต อยู่ในร่างของสตรีที่มีชื่อและใบหน้าเหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยน นางไม่รู้ว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น นางกำลังว่ายน้ำอยู่ดีดีก็เกิดหมดสติ มารู้ตัวอีกทีก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างนี้เสียแล้ว

เซียวเหมยลี่ในร่างนี้เป็นบุตรสาวของสำนักร้อยบุปผา ท่านพ่อท่านแม่ของนางเปิดกิจการที่เกี่ยวกับการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย อีกทั้งยังมีเคล็ดลับความงามอีกมากมายที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

เซียวเหมยลี่คนเก่าเก่งกาจไม่ต่างจากบิดามารดา แต่นางตายจากโลกนี้ไปแล้ว

มีเพียงเซียวเหมยลี่คนใหม่ที่ไม่มีความรู้เรื่องใดเลยสักอย่างนอกจากการกิน การดื่ม และความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

การข้ามภพทะลุมิติมาในครั้งนี้ เซียวเหมยลี่ต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก นี่ก็ร่วมหลายเดือนแล้วที่นางมาอยู่ในร่างนี้ นางต้องเริ่มศึกษางานในสำนักร้อยบุปผาใหม่ทั้งหมด และนางเองก็ไม่เข้าใจมันด้วย

โชคดีที่มีอิงเย่ว์ ญาติสนิทที่มีอายุรุ่นเดียวกับนางมาช่วยเหลือ อิงเย่ว์เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านน้า ซึ่งเป็นน้องสาวของท่านแม่เซียวเหมยลี่ มารดาของอิงเย่ว์ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว บิดาเองก็ตรอมใจตายตามกันไปในเวลาต่อมา อิงเย่ว์จึงกลายเป็นเด็กกำพร้า บิดามารของเซียวเหมยลี่สงสารจึงพามาเลี้ยงดูในจวนตระกูลเซียว ทำให้นางกับอิงเย่ว์ค่อยข้างสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก

ชีวิตนี่ก็ช่างบัดซบนัก นางอยากกินของหวาน จึงปีนต้นไม้ไปหวังจะเก็บรังผึ้งมากิน แต่กลับถูกผึ้งต่อยปาก ต้องวิ่งไปหาสุรามาดื่มให้ลืมความเจ็บปวด แล้วยังเดินไปชนกับคุณชายเจ้าสำอางนั่นอีก!!

มันมีอะไรบัดซบกว่านี้อีกไหม!!!

"พอเถิดเหมยลี่ เดี๋ยวเจ้าก็เมาหรอก"

"ข้าไม่เมาหรอกน่าอิงเย่ว์"

"ดื่มยาก่อนเถิด ปากเจ้าน่าเกียจเกินไปแล้ว"

อิงเย่ว์ยื่นถ้วยยาส่งให้เซียวเหมยลี่ เซียวเหมยลี่รับมันมาดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะเบ้หน้าเพราะยามันช่างขมยิ่งนัก

"เจ้าพักสักวันเถิด อีกเดี๋ยวเจ้าหายดีข้าจะทบทวนงานต่างๆให้เจ้าอีกครา"

"ทบทวนอีกแล้วหรือ โอ๊ยย!!ข้าจำไม่ได้หรอก"

"อะไรกันเหมยลี่ แต่ก่อนเจ้าเก่งกาจมีฝีมือไม่น้อย ทั้งเรื่องการปัดเป่าสิ่งไม่ดี อีกทั้งสมุนไพรต่างๆเจ้าก้รู้ดีกว่าข้าเสียอีก เห้อ น่าสงสารนัก คงเพราะตกน้ำสมองเจ้าจึงกระทบกระเทือนเช่นนี้ นอนพักก่อนเถิด ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว"

อิงเย่ว์ส่ายหน้าไปมาด้วยความเศร้าสลดก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เซียวเหมยลี่ทิ้งกายลงนอนบนเตียงก่อนจะครุ่นคิดในใย

เห้อ!!นี่ข้าต้องอยู่ในร่างนี้ไปอีกนานเท่าใดกันนะ!

เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง ฟางเทียนอวี้ก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเอง หลังจากที่อาบน้ำแช่สมุนไพรเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมานั่งที่ศาลาริมสระบัว พลางยกขอกสุราขึ้นดื่ม มองดูสายฝนที่โปรยปรายเป็นระยะด้วยแแววตาที่เรียบเฉย

ปีนี้เขามีอายุสิบเก้าปีแล้ว ตามธรรมเนียมของราชวงศ์ ฮ่องเต้และเหล่าองค์ชายจะต้องแต่งงานก่อนอายุยี่สิบปี หากช้าไปกว่านี้จะถือว่ามีดวงที่ไม่เป็นมงคล ต้องออกบวชตลอดชีวิต

อยากเห็นหน้าคนตั้งกฏจริงๆ!!!

"ท่านอ๋อง จะของว่างยามบ่ายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

ฟางเทียนอวี้หันไปมองพ่อบ้านโจวที่กำลังจัดกาอุ่นสุราให้เขา ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ

"ข้ายังไม่อยากกินสิ่งใด"

พ่อบ้านโจวพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะมองฟางเทียนอวี้ด้วยสายตาที่รักใคร่เอ็นดู

เขาเห็นท่านอ๋องมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นองค์ชายรอง จวบจนได้ตามมารับใช้ที่นอกวังหลวง เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้านายของตนมีเรื่องไม่สบายใจ

"ท่านอ๋อง ทรงกังวลเรื่องคู่ครองหรือพ่ะย่ะค่ะ"

ฟางเทียนอวี้วางจอกสุราในมือลง ก่อนจะมองหน้าพ่อบ้านโจวคราหนึ่ง

"ข้าไม่อยากออกบวช หากยังไม่แต่งชายาข้าก็ต้องออกบวช พ่อบ้านโจว ผู้ใดเป็นคนตั้งกฎกัน ข้าอยากจะปาดคอมันยิ่งนัก"

"ท่านอ๋อง!!จะเอ่ยเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นคำสั่งเสียของอดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนโน้น นั่นก็คือเสด็จปู่ของพระองค์"

ฟางเทียนอวี้แทบจะพ่นสุราออกจากปาก ท่านปู่นะท่านปู่ เหตุใดจึงตั้งกฎบัดซบนี่ขึ้นมาได้!!

"จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎได้หรือไม่?"

"เรื่องนี้บ่าวไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ คงต้องทูลถามฝ่าบาทแล้ว"

ฟางเทียนอวี้ส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่าย

"ท่านอ๋อง เอาเช่นนี้สิพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้สำนักร้อยบุปผาขึ้นชื่อเรื่องปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ผู้คนที่ได้ไปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดีมากพ่ะย่ะค่ะ คนป่วยก็หายป่วย คนที่ดวงไม่ดีก็ดีขึ้น"

"มันดีถึงเพียงนั้น"

"พ่ะย่ะค่ะ โธ่ท่านอ๋อง ไม่ลองไม่รู้นะพ่ะย่ะค่ะ"

ฟางเทียนอวี้ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขายกจอกสุราขึ้นดื่มอีกอึกหนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ด้านนอกศาลา ยามนี้หิมะหยุดโปรยปรายแล้ว ท้องฟ้าแจ่มใสขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า ฟางเทียนอวี้จึงลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากศาลา ตรงไปที่พื้นหญ้าสีเขียว แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

"แสงอาทิตย์เอ๋ย จงอาบไล้ใบหน้าของข้า ให้ทอประกายความหล่อเหลาด้วยเถิด โอวว ประกายความหล่อเหลาจงบังเกิด"

พ่อบ้านโจว "...."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel