บทที่ 1 การพบเจอ
บทที่ 1 การพบเจอ
เมืองหลวงหวงเฉวียน
รัชศกเจิ้งหลงปีที่สิบ
"หลีกทาง ท่านอ๋องมาถึงแล้ว!!!"
เสียงกีบเท้าม้าที่ย่ำลงบนพื้นดินดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งปฐพี กรอปกับเสียงออกคำสั่งให้หลีกทางของเหล่าองค์รักษ์ทำให้เหล่าชาวบ้านที่กำลังเดินสัญจรไปมาบนถนนต้องรีบหลบเข้าข้างทาง พลางมองดูขบวนทหารร่วมแสนนายที่กำลังเดินทางเข้าประตูเมืองหลวง
บนอาชาสีขาวมีบุรุษผู้หนึ่งรูปร่างกำยำ ใบหน้าของเขาคมคายหล่อเหลา ดวงตาเย็นชาราวหิมะแรกของเหมันต์ฤดู จมูกโด่งคมเป็นสัน ริมฝีปากหนาใหญ่ องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลาเสียจนสตรีทั้งเมืองหลวงเฝ้าใฝ่ฝันคะนึงหา
เขาคือ ชินอ๋องฟางเทียนอวี้ น้องชายร่วมมารดาของฮ่องเต้ฟางเจิ้งหลง ผู้นำทัพกองกำลังทหารนับแสนนาย บุกโจมตีเหล่ากบฏและศัตรูจนแตกพ่ายและยอมศิโรราบ
"โอ๊ย ท่านอ๋องช่างรูปงามยิ่งนัก!!"
"ดูเรือนร่างกำยำนั่นสิ ข้าอยากจะโผเข้าไปกอดเสียเหลือเกิน"
"ให้ตายเถิด!!ข้าอยากจะเป็นสตรีของท่านอ๋องจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!!"
เสียงชื่นชมของเหล่าสตรีน้อยใหญ่ดังเซ็งแซ่ขึ้นมาเป็นระยะตลอดทางที่ฟางเทียนอวี้ควบม้าผ่าน เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดใดออกมา แต่กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง พลางครุ่นคิดในใจ
แน่นอน!!ข้าน่ะหล่อเหลาที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้แล้ว
วังหลวง
"น้องรักของข้า เจ้ากลับมาพร้อมชัยชนะอีกแล้ว"
ฮ่องเต้ฟางเจิ้งหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยินดีปรีดา พลางจ้องมองฟางเทียนอวี้ด้วยความรักใคร่ ยามนี้ภายในห้องทรงอักษรมีเพียงเขากับพี่ชายสองคน ฟางเทียนอวี้จึงยกขาขึ้นพาดไปบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์ ฟางเจิ้งหลงเองก็ไม่ได้ถือสา กลับเอ่ยถามน้องชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"อาเทียน เจ้าอยากได้สิ่งใดเป็นรางวัล บอกพี่มาเถิด พี่จะให้เจ้าทุกอย่าง"
ฟางเจิ้งหลงยิ้มตาหยีจ้องมองฟางเทียนอวี้อย่างมีความสุข แต่ไหนแต่ไรมาเขากับน้องชายผู้นี้ก็รักใคร่ปรองดองกันมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีมารดาคนเดียวกัน ฟางเทียนอวี้ก็ไม่เคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขา อีกทั้งยังปกป้องเมืองหลวงเอาไว้อย่างสุดกำลัง เขาจึงรักน้องชายผู้นี้ยิ่งกว่าใคร
ฟางเทียนอวี้จ้องมองฟางเจิ้งหลง ก่อนจะยิ้มมุมปาก
"ท่านพี่ ข้าอยากได้สมุนไพรบำรุงผิวพรรณ ทั้งภายในและภายนอก"
ฟางเจิ้งหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
น้องชายคนนี้อะไรก็ดีไปเสียหมด ติดอย่างเดียว สำอางยิ่งกว่าสตรี!!
แม้จะอยู่ในสนามรบตรากตรำสู้รบกับศัตรูไม่ได้หยุดพัก แต่ทว่าฟางเทียนอวี้กลับมีผิวกายที่ขาวสะอาด แม้จะไม่ขาวงดงามเฉกเช่นสตรี แต่ก็ดีกว่าบุรุษในวัยเดียวกันมากนัก
"อาเทียน เจ้าน่ะเป็นบุรุษ จะนำสิ่งของพวกนี้ไปทำไม..."
"ท่านพี่จะไม่ยอมมอบให้ข้าหรือ?"
ฟางเจิ้งหลงเงียบกริบไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพราะรู้จักนิสัยของน้องบัดซบผู้นี้ดี
หากเขาไม่ตามใจ มันก็จะหาข้ออ้างนั่นนี่มาทำให้เขาลำบากใจ!
"เอาเถิด ข้าจะให้คนนำไปส่งให้เจ้าที่จวน"
"ท่านพี่นี่ดีเหลือเกิน"
ดีกับผีน่ะสิ!!!น้องเวร
"อาเทียน ข้าว่าเจ้าถึงวัยที่จะต้องแต่งงานแล้ว ข้าจะหาสตรีที่เหมาะสมให้เจ้าดีหรือไม่?"
ฟางเจิ้งหลงเอ่ยถามฟางเทียนอวี้ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก นับแต่ฟางเทียนอวี้ถึงวัยหนุ่ม ได้หมั้นหมายกับสตรีถึงสามคน แต่ยังไม่ทันได้แต่งงานสตรีเหล่านั้นก็ล้มป่วยจนตกตายไปเสียก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนจึงเล่าลือกันว่า ฟางเทียนอวี้มีดวงกินภรรยา ทำให้ไม่มีสตรีบ้านไหนอยากจะหมั้นหมายและแต่งงานเข้าจวนอ๋องของเขา
ยิ่งคิดฟางเจิ้งหลงก็ยิ่งกลุ่มใจ ต่างจากฟางเทียนอวี้ที่มีสีหน้าเรียบเฉย
"ท่านพี่จะกังวลไปไย ข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทที่จะต้องรีบแต่งงานมีภรรยาสืบทอดตำแหน่งเสียหน่อย"
"ไม่ได้!! เจ้าต้องมีชายสตรีดูแลจัดการเรือนหลัง นี่เป็นธรรมเนียมของราชวงศ์เรา เจ้าต้องรีบแต่งงานก่อนอายุยี่สิบปี เข้าใจหรือไม่?"
"น่าเบื่อ!!!"
"อ้อ!ข้านึกออกแล้ว หลายวันก่อนข้าได้ยินเหล่าขุนนางเล่าลือกันว่า ที่เมืองหลวงเรา มีสำนักร้อยบุปผา เป็นสำนักที่ขึ้นชื่อเรื่องการแก้ไขปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัวคนได้ นี่ๆๆ เจ้าลองไปดูเสียหน่อย"
"ไร้สาระท่านพี่!!!"
"ข้าสั่งให้เจ้าไป!! ไปเถิดน่า หากเจ้าไม่ชอบใจก็ไม่ต้องไปอีก ข้าได้ยินว่าสำนักร้อยบุปผาน่ะมีดีหลายอย่าง ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องสมุนไพรที่บำรุงหน้าตาด้วยนะ ส่วนหนึ่งที่ข้าได้มาก็เพราะมีขุนนางนำมาถวาย ฮองเฮาของข้าก็ใช้อยู่"
ฟางเทียนอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งขึ้นมาทันที
เรื่องเกี่ยวกับความหล่อเขาสนใจเป็นอย่างมาก!
ผู้ใดบ้างไม่อยากให้ตนเองหล่อเหลาดูดี
ไปสักรอบก็ได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฟางเทียนอวี้จึงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวกลับจวนของตนไปในทันที
ยามนี้เป็นช่วงกลางเหมันต์ฤดู หิมะโปรยปรายลงมาเป็นระยะ ฟางเทียนอวี้ควบม้ามาหยุดอยู่ที่ร้านขายสุราชั้นดีร้านหนึ่ง ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า แล้วลงไปซื้อสุรามาเก็บเอาไว้หลายไห เมื่อจ่ายเงินและบอกที่ให้ไปส่งสุราเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้าน ก่อนจะยกจะยื่นมือขึ้นไปรองรับหิมะที่ตกโปรยปรายลงมาบางๆ พลางครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างไปเรื่อยเปื่อย
ในขณะที่เขากำลังยื่นเหม่อลอยคิดบางสิ่งอย่างอย่างโดยไม่ทันระวัง ก็ถูกสตรีผู้หนึ่งชนเข้าอย่างจัง สุราในมือของสตรีนางนั้นหกราดรดเสื้อผ้าของเขาจนเปียกชุ่ม
"ไม่มีตามองหรือ!!!!!"
"ขออภัยเจ้าค่ะ ขออภัยเจ้าค่ะ"
"โว๊ยยยย!!ผีปากบวม!!!"
ฟางเทียนอวี้พลังจะหันไปด่าทอสตรีนางนั้น แต่เมื่อหันไปเขาก็ต้องสะดุ้งโหยง
ให้ตายเถิด!!เหตุใดปากของนางจึงบวมขนาดนั้น!!!
"ปะ ปากเจ้า?"
"ขออภัยด้วยนะคุณชายท่านนี้ บังเอิญข้าโดนผึ้งต่อยปากมาน่ะเจ้าค่ะ เลยรีบหาสุรามาดื่ม เขาว่ามันบรรเทาอาการบวมได้"
ฟางเทียนอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาที่รังเกียจ
ตำราบทไหนกันบอกว่าสุราลดอาการปากบวมได้!!
แต่ช้าก่อน!นางทำเสื้อผ้าข้าเลอะนี่นา
"เจ้าทำเสื้อข้าเลอะ!!"
"ขออภัยด้วยคุณชาย ข้ามีเงินติดตัวอยู่สามอีแปะ ท่านเอาไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าไปละ ข้ารีบ"
"เดี๋ยว!!กลับมานะ!!บัดซบ!!เงินแค่สามอีแปะจะเอาไปทำสิ่งใดได้"
ฟางเทียนอวี้กำลังจะวิ่งตามสตรีนางนั้นไปแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
จะวิ่งไม่ได้!!เดี๋ยวความหล่อกระจัดกระจาย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฟางเทียนอวี้จึงสงวนท่าที กระโดดขึ้นไปบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับจวนอ๋องทันที
อย่าให้ข้าได้เจอหน้าเจ้าอีกรอบนะ!!สตรีปากบวม