บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

เวลาห้าโมงเย็นซึ่งพนักงานออฟฟิศเร่งรีบพากันเตรียมข้าวของส่วนตัวเพื่อจะกลับบ้านกลับช่องของตัวเอง มีบ้างบางคนที่เลือกจะอยู่สะสางงานที่ค้างไว้ให้เสร็จเสียก่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องรีบร้อนมาจัดการในเช้าวันรุ่งขึ้น บางคนก็เลือกที่จะอยู่ทำโอทีที่รู้กันดีว่าที่บริษัทเกริกไพศาล คอนสตรัคชั่น นั้นถือเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้ทั้งเงินเดือนและค่าล่วงเวลาในเกณฑ์ที่สูงมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ แต่กระนั้น ย่อมหมายความว่า มาตรฐานในการทำงานก็จะต้องสูงตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คนที่จะทำงานล่วงเวลาได้นั้นก็คงมีแต่แผนกสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นแต่ช่วงใกล้สิ้นเดือนที่แผนกบัญชีและการเงินจะทำงานกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ

ภายในห้องทำงานกว้างบนชั้นที่ยี่สิบเอ็ดของตัวอาคารสูงกลางใจเมืองนั้น ยังคงปรากฏร่างสูงใหญ่ที่กำลังหน้าเคร่งเครียดกับเอกสารกองโตที่พยายามสะสางมาตั้งแต่บ่ายแต่สุดท้ายมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มจะฟุบหน้าลงกับฝ่ามือและหลับตานิ่งเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาหลังจากที่ต้องเพ่งอยู่กับตัวหนังสือบนกระดาษเอสี่สลับกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งปรากฏภาพแบบร่างของอาคารสูงกว่าสี่สิบชั้นริมแม่น้ำสายหลักของกรุงเทพฯ บนที่ดินผืนสวยที่เขาเพิ่งจะประมูลมาได้จากเจ้าของโครงการ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะการใช้สมาธิของชายหนุ่ม อคิราห์พ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ ระบายความเครียดกับงานตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือคุณฝนทิพย์ ผู้เป็นมารดา

“ครับแม่”

“ยังไม่กลับอีกหรือตะวัน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ” คุณฝนทิพย์เอ่ยถามทันทีเมื่อได้ยินเสียงลูกชายเอ่ยทัก นางพาร่างเจ้าเนื้อในชุดเสื้อคลุมสีเข้มซึ่งสวมทับชุดนอนมานั่งที่โซฟาสีชาภายในห้องโถงใหญ่โดยมีคุณนมพิมพ์ แม่บ้านอาวุโสคอยยืนรอรับใช้อยู่ไม่ห่าง

“อีกเดี๋ยวก็กลับแล้วครับแม่”

“ทำไมวันนี้กลับดึกจัง งานยุ่งมากหรือลูก” ถามไปทั้งที่รู้คำตอบดี อคิราห์ ลูกชายคนโตของนางนั้นเป็นประเภทบ้างาน บางคราถึงกับทำงานหามรุ่งหามค่ำ กินนอนที่บริษัทบ้านช่องไม่กลับก็มี

“ครับแม่ พอดีกำลังตรวจแบบร่างที่ทางสถาปนิกเขาออกแบบมาให้อยู่น่ะครับ พรุ่งนี้กะว่าจะส่งให้ทางวิศวกรเลย” คนเป็นลูกตอบเจือรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าของมารดาที่คงกำลังจะลมค้อนแล้งส่งมาให้เขา “อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวเดือนหน้านายเมฆกลับมางานผมก็จะเบาลงแล้วครับ ช่วงนี้ก็ทนๆ เอาหน่อย”

อคิราห์หมายถึงนภมัย น้องชายที่เขาส่งตัวไปคุมงานที่ฝรั่งเศส ความจริงจะพูดว่าส่งตัวไปก็ไม่ถูกนัก เพราะในวันที่เดินทาง เขาก็เดินทางไปพร้อมกับหมอนั่นแหละ เพื่อที่จะไปตรวจดูความเรียบร้อย และพูดคุยกับเจ้าของโครงการเรื่องการดำเนินงานอยู่เป็นอาทิตย์รวมทั้งเข้าไปตรวจสอบการทำงานของคนงานในสถานที่ก่อสร้าง แล้วจากนั้นเขาก็ทิ้งมันให้อยู่คุมงานไปคนเดียว เขายังจำได้ดีถึงสีหน้าตื่นๆ ของเจ้าน้องชายตอนที่เขาบอกกับมันก่อนจะเดินทางว่า งานนี้เขาจะมอบหมายให้มันเป็นคนดูแลทั้งหมด

“ผมจะทำได้หรือพี่ นั่นน่ะบริษัทโรสแมรี่นะ ไม่ใช้บริษัทเล็กๆ แถมยังเป็นโครงการใหญ่อีกต่างหาก” นภมัยบอกกับเขาด้วยสีหน้ากังวล แต่คนเป็นพี่ที่รับรู้ถึงฝีมืออันเฉียบขาดของน้องชายมาตลอดก็ยังยืนยันหนักแน่น

“ถ้านายทำไม่ได้ แล้วใครมันจะทำได้ วิศวกรของบริษัทเราที่ว่าเจ๋งๆ ยังสู้นายไม่ได้สักคน ที่สำคัญมิสเตอร์เจมส์เขาบอกพี่มาแล้วว่า งานนี้ถ้านายเป็นคนคุมงาน เขาก็วางใจ นายคุมงานก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ มาทั่วเอเชียแล้วนะเมฆ อายุเท่านี้ถ้าเทียบกับคนอื่นก็ถือว่านายก้าวกระโดดไปไกลแล้ว และนี่ก็เป็นโครงการใหญ่ที่เราจะบุกตลาดยุโรป ฉันเชื่อในฝีมือนาย ลูกค้าก็เชื่อในตัวนาย นายจะกลัวอะไร”

สำหรับนักธุรกิจอย่างเขา การก้าวกระโดดไปลงทุนในต่างแดนมันมีความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่า เพราะบริษัทรับเหมาของเขาถือว่าเป็นเจ้าแรกในเอเชียที่ที่ได้รับความไว้วางใจออกแบบและก่อสร้างโรงแรมระดับห้าดาวกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ของบริษัทโรสแมรี่ ซึ่งต้องการขยายตลาดจากน้ำหอมมาจับธุรกิจโรงแรม งานนี้ แม้เขาจะต้องเจอกับความวุ่นวายด้านกฎหมายจนไมเกรนแทบขึ้น แต่ก็ถือว่าโชคดีที่มิสเตอร์ เจมส์ โรส ท่านผู้บริหารบริษัทโรสแมรี่ เป็นธุระอำนวยความสะดวกให้ อคิราห์มองแล้วว่า หากงานชิ้นนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันก็หมายถึงผลพลอยได้ในระยะยาวที่เขาจะซอกแซกไปยังประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป หลังจากที่บุกตลาดเอเชียจนมีฐานที่มั่นคงมาหลายปี

และตอนนี้ การก่อสร้างก็ดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว ต้นเดือนหน้านภมัยก็จะกลับมาไทย เพื่อมาเข้าประชุมประจำปีของบริษัท และแน่นอนว่ามาช่วยเขาสะสางงานโครงการก่อสร้างที่รับไว้เกือบห้างานในช่วงครึ่งปีแรก จากนั้นก็จะส่งมันกลับไปฝรั่งเศสต่อจนกว่างานก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์

“เฮ้อ...ยังไงก็รีบๆ กลับนะลูก แม่ให้นมพิมพ์ซื้อนมจืดไว้ให้แล้ว ถ้ากลับมาแล้วหิวก็อุ่นดื่มแล้วกันนะ” คนเป็นแม่ไม่วายห่วงทั้งที่ลูกชายตัวเองอายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว ครั้นเมื่อวางสายจากลูกชาย นางก็อดที่จะหันไปบ่นกับนมพิมพ์ พี่เลี้ยงของนางตั้งแต่ยังสาวจนกระทั่งกลายมาเป็นแม่นมของลูกชายทั้งสองของนางอย่างระเอ็ดระอาใจ

“นี่ถ้าตะวันได้นิสัยเจ้าเมฆไปสักครึ่งหนึ่งก็ดีน่ะสิ ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงกลัวลูกจะเส้นเลือดในสมองแตกเสียก่อน”

“โธ่...คุณผู้หญิงคะ ถ้าได้นิสัยคุณเมฆมา คุณผู้หญิงจะไม่ปวดหัวหรือคะ” นมพิมพ์กระเซ้าขำๆ พลางเข้าไปประคองนายหญิงของนางพาเดินขึ้นบันไดกลับเข้าห้อง

“นั่นสิ...ทุกวันนี้ฉันก็เกร็งจนตะคริวจะกินไปทั้งตัวแล้ว กลัวเหลือเกินว่าเจ้าเมฆมันจะไปคว้าผู้หญิงเหลวแหลกมาเป็นสะใภ้ฉัน นี่ไปอยู่ฝรั่งเศสไม่รู้ว่ากลับมาจะคว้าเมียแหม่มมาด้วยหรือเปล่า”

นี่ก็คือความแตกต่างของสองพี่น้องของตระกูลเกริกไพศาล อคิราห์ ลูกชายคนโตนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัวสูง ออกจะไปในทางนิ่งขรึมและเคร่งเครียดตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ จะด้วยเพราะชายหนุ่มต้องเข้ามาช่วยมารดาบริหารบริษัทตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ ในขณะที่นภมัยนั้น คุณฝนทิพย์ถึงกับตั้งฉายาให้ว่า ‘กะล่อนตัวพ่อ’ เพราะพ่อเจ้าประคุณกะล่อนได้ทุกเวลาและกับทุกคน ทั้งกับแม่ กับแม่นม กับพี่ชาย และรวมไปถึงบรรดาสาวๆ ที่ก็ไม่รู้พ่อลูกชายเก็บไว้ในคลังกี่คน จนสุดท้ายนางก็ถึงกับต้องเอ่ยปากกับพ่อลูกชายคนเล็กให้เด็ดขาดว่า

“เมฆ เราจะควงผู้หญิงเดือนละกี่คนแม่ไม่ว่า แต่ขออย่างเดียว ลูกสะใภ้ของแม่จะต้องเป็นผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมกับเกริกไพศาลของเราเท่านั้น” ก็ทั้งที่ออกปากไปอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าพ่อลูกชายตัวแสบจะทำตามที่นางต้องการได้หรือไม่

ส่วนอคิราห์ หลังจากวางสายจากผู้เป็นแม่แล้ว ชายหนุ่มก็กลับมาสนใจงานตรงหน้าต่ออีกครู่ใหญ่จนมั่นใจแล้วว่างานไม่ต้องแก้ตรงจุดไหนอีก จึงจัดการเซฟไฟล์ เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าจะได้ส่งให้วิศวกรไปพิจารณาอีกที

การทำงานของอคิราห์ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ต้นที่เขาเข้ามามีส่วนบริหารบริษัทนี้แล้วนับตั้งแต่ผู้เป็นบิดาจากไปอย่างไม่มีวันกลับและมารดาต้องเข้ามาพยุงบริษัทที่เกือบจะพังครืนเพราะขาดเสาหลัก เขาซึ่งเป็นลูกชายคนโตและคลุกคลีอยู่กับงานของผู้เป็นพ่อจำเป็นที่จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยประคองจนกระทั่งบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่พ่อสร้างขึ้นกลับมามั่นคงอีกครั้ง และปัจจุบันมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ทุกครั้งที่มีโครงการสร้างที่อยู่อาศัย เขาจะมอบหมายให้ฝ่ายออกแบบร่างแบบมาและส่งให้เขาพิจารณาก่อนรอบหนึ่งก่อนจะส่งให้วิศวกรไปดำเนินงานอีกต่อ แม้จะรู้ว่าการทำงานเช่นนี้มันเป็นการเพิ่ม ‘งาน’ ให้ตัวเองเหนื่อยมากขึ้น แต่สำหรับอคิราห์แล้ว แม้จะเหนื่อยแต่มันก็คุ้มหากงานออกมามีคุณภาพ เพราะมันหมายถึงภาพลักษณ์ของบริษัทด้วยเช่นกัน

เมื่อเคลียร์งานเรียบร้อย ชายหนุ่มก็จัดการปิดจอคอมพิวเตอร์ จัดเก็บแฟ้มเอกสารให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะคว้าสูทสีเข้มมาพาดแขนเตรียมจะลุกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องทำงาน ทว่า สายตาก็พลันไปปะทะเข้ากับแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งซึ่งบรรจุประวัติของหญิงสาวตัวเล็กอยู่ด้านใน ผู้หญิงผมสั้นหน้าตาเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นแต่ตากลมใสแถมยังดูอ่อนกว่าวัยคนนั้น คนที่มาสมัครงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเขา

ชั่วขณะหนึ่งที่ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ และตัดสินใจคว้าเอาแฟ้มเอกสารนั้นมาถือไว้และเดินออกจากห้องทำงานเพื่อขับรถกลับบ้านพร้อมประวัติส่วนตัวของการะบุหนิง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel