บทที่ 2
หญิงสาวขับรถยนต์คันเล็กคู่ใจกลับมาที่คอนโดมิเนียมขนาดกลางซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งธนฯ ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างที่สุดว่าอคิราห์จะยอมรับเธอเข้าทำงานหรือไม่ และทันทีที่เข้ามาในห้องพักขนาดไม่ต่างอะไรกับรูหนูแต่ราคาที่เจ้าของโครงการขายนั้นมันขึ้นหลักล้าน การะบุหนิงก็โยนกระเป๋าสะพายลงบนเตียงนอนหลักเล็กลัหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามิ่งโกมุททันที
“ยัยมิ่ง ฉันจะบ้าตาย...อีตานั่นร้ายเหมือนที่เธอว่าจริงๆ” ทันทีที่มิ่งโกมุท นักข่าวสาวหัวเห็ดเพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยกดรับสาย เสียงหวานก็เริ่มบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนสาวฟังทันทีจนทางปลายสายยกยิ้มกว้างขณะเดินเตะฝุ่นกินไอศกรีมแท่งอยู่หน้าโรงแรมหรูระหว่างรอทำข่าวสังคมไฮโซ
“ก็ฉันบอกแล้วว่าการจะเข้าถึงตัวเขาน่ะมันยากจะตาย แล้วตกลงว่าเขารับแกมั้ยล่ะ”
“รอการติดต่อกลับ โอ๊ย...นี่ฉันว่าฉันเตรียมตัวไปดีแล้วนะ นายนั่นยังตอกฉันซะหน้าเกือบยับ” คิดแล้วก็เคืองไม่หาย แม้จะเข้าใจอยู่หรอกว่ามันเป็นการสัมภาษณ์งานโดยท่านประธานบริษัท มันก็ต้องเข้มเป็นธรรมดา
“แล้วแกจะเอายังไงต่อ ถ้าเขาไม่รับแกเข้าทำงาน” มิ่งโกมุทย้อนถามขณะหย่อนตัวลงนั่งตรงบันไดทางเข้าโรงแรม วันนี้ที่โรงแรมหรูกลางใจเมืองมีจัดงานการกุศลที่รวบรวมเอาเหล่าบรรดาเซเล็บไฮโซดาราดังมาไว้ในงานเพียบ หน้าที่เธอก็คือมาทำสกรู๊ปข่าวของคนที่เธอชอบเหน็บว่า ‘พวกอวดรวย’ ทั้งที่ใจจริงเธอชอบข่าวอาชญากรรมเสียมากกว่า
“มันก็ต้องมีวิธีเข้าถึงตัวเขาสิ” เสียงหวานเอ่ยอย่างมุ่งมั่น นัยน์ตากลมใสเข้มขึ้นขณะพาเรือนกายของตัวเองมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือและเปิดสมุดวาดรูปขนาดใหญ่ที่เธอไม่เคยจับปากกาวาดอะไรลงไปเลยสักนิด แต่ภายในนั้นมีเพียงรูปภาพและข่าวที่เธอตัดแปะมาจากหนังสือพิมพ์ บางอันก็ปริ้นมาจากอินเทอร์เน็ต รูปภาพข่าวของผู้ชายที่ชื่อ...อคิราห์...
“แก้ว แกแน่ใจแล้วหรือว่าจะใช้วิธีนี้จริงๆ นั่นน่ะคนรักของพี่จันทร์เขานะ” เสียงของมิ่งโกมุทเครียดขึ้นมาบ้าง และมันก็ยิ่งทำให้สีหน้าการะบุหนิงเคร่งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นัยน์ตากลมใสที่มักจะสะท้อนประกายวาววับอยู่เป็นนิจเข้มจัดขึ้นมากว่าเดิม
“ถ้าเขารักพี่จันทร์ เขาจะไม่ทำกับพี่จันทร์อย่างนี้ ฉันจะไม่ยอมให้พี่สาวฉันต้องเจ็บปวดฟรีแน่” การะบุหนิงกล่าวเสียงเข้มจัดเมื่อนึกถึงความเลวร้ายของผู้ชายที่ชื่ออคิราห์ที่ทำไว้กับ ‘พี่จันทร์’ หรือจันทร์กระจ่างฟ้า พี่สาวของเธอ และนั่นก็ทำให้มิ่งโกมุทได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างยอมแพ้เมื่อรู้แน่ว่าไม่สามารถทัดทานความตั้งใจของการะบุหนิงได้
“เอาเถอะ ถ้าแกตัดสินใจแล้ว ฉันก็คงห้ามแกไม่ได้ เออ...แค่นี้ก่อนนะ ฉันไปทำงานก่อน” แล้วนักข่าวสาวก็วางสายและรีบเดินเข้าไปในโรงแรมทันทีที่ประตูเปิดพร้อมกับตากล้องคู่ใจทางจากสำนักหนังสือพิมพ์
การะบุหนิงวางสายจากเพื่อนแล้วก็ได้แต่ขังตัวเองให้จมอยู่ในความเงียบ ตากลมใสเพ่งมองไปที่ภาพของอคิราห์จากนิตยสารที่เธอฉีกแล้วนะมาตัดแปะไว้ก่อนเรียวปากอิ่มจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างชิงชังกับหัวข้อที่ปรากฏบนกระดาษว่า ‘หนุ่มในฝัน’
เหอะ...ผู้ชายอย่างนี้น่ะหรือสมควรที่จะเป็นหนุ่มในฝัน ฝันร้ายน่ะสิไม่ว่า...หญิงสาวนึกค่อนขอดอยู่ในใจ แค่วันนี้เจอหน้าเธอก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่เข้าไปตะกุยใบหน้าคมเข้มของเขาด้วยความเดือดแค้น...ใครจะคิดเล่าว่า ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรนั้น แม้ที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับซาตานร้ายเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นผู้ชายที่เลือดเย็นที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยพบเจอมา เลือดเย็นและโหดร้ายเกินกว่าจะให้อภัยได้